Monday, October 7, 2019

[ABONYC] 02. Forest, Sea and Sun



ในขณะที่ หยางเซิน นั้นมีความหมายว่า ผืนป่าและท้องทะเล



หยางหลิว ผู้พี่นั้นกลับมีความหมายว่า กระแสน้ำและดวงตะวัน




ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา หยางเซินมักเดินตามพี่ชายราวกับเงาตามตัว ทุกย่างก้าวที่หยางหลิวได้ทิ้งรอยเท้าไว้ หยางเซินจะก้าวเหยียบลงไปบนนั้นเสมอ



ในสายตาของเขาพี่ชายนั้นเหมือนกับดวงตะวัน แม้จะแก่กว่ากันไม่กี่ปี แต่ในสายตาหยางเซินนั้นไม่มีใครที่สง่างามได้เท่าพี่ชายของตนอีกแล้ว



แต่ถึงกระนั้นเขาก็รู้ดี ไม่ว่าจะเพียรเหยียบตามรอยเท้าคู่นั้นไปกี่ครั้ง ไม่ว่าจะเดินตามไปไกลซักแค่ไหน เขาจะไม่มีวันเดินเคียงข้างกับพี่ได้



ด้วยเพราะรอยเท้าจะมีได้ก็ต่อเมื่อมีผู้ก้าวเดิน



และหยางเซินเองก็พึงพอใจกับการเดินตามอยู่อย่างนี้



พี่จะก้าวเดินไปไกลอย่างไรก็ย่อมได้ เขาจะเดินตามพี่ไปอย่างช้าๆไม่รีบร้อน หากเหนื่อยก็จะพัก หากเบื่อก็จะออกนอกเส้นทางไป



จะเถลไถลทำตามใจของตนเองเท่าที่ตนเองจะต้องการ



เบื่อเมื่อไหร่ก็ถึงค่อยเดินย้อนกลับไปหา ไปเหยียบรอยเท้าที่ถูกทิ้งไว้ให้อีกครั้งอย่างที่ทำมาเสมอ



แต่หยางเซินนั้นรู้ดี



ไม่ว่าจะก้าวหนีหายไปอย่างไรก็จะยังคงมีคนที่หยุดเดินและยืนรอเขาไม่ยอมก้าวต่อไปไหนหากยังไม่เห็นเขาเดินกลับมาในสายตา



อย่างไรเสียก็มีกันอยู่แค่นี้



มีอยู่แค่นี้มานานแสนนาน...





[ABONYC] 01. Room


หากมีคนบอกว่าที่อยู่อาศัยจะแสดงให้เห็นถึงตัวตนของผู้เป็นเจ้าของ..



บ้านนั้นก็คงแสดงให้เห็นถึงตัวตนภายนอกที่ไม่ว่าจะใครต่อใครก็สามารถพบเห็นได้เพียงผิวเผิน เหมือนกับเสื้อผ้าที่สวมใส่พอๆกับกริยาและการวางตัวต่อคนภายนอกที่ไม่คุ้นเคย



เป็นการแสดงให้ผู้อื่นเห็นถึงสิ่งที่เราต้องการให้เห็น ไม่ว่าจะดีจะร้ายอย่างไร มันก็ยังเป็นสิ่งที่เรานั้นสามารถควบคุมได้อย่างใจต้องการ



ในขณะเดียวกันพื้นอีกส่วนที่ไม่ได้เปิดเผยอย่างภายนอก แต่ก็ยังไม่เจาะลึกลงไปถึงภายในอย่างห้องนั่งเล่นนั้นก็คงเป็นเหมือนพื้นที่ส่วนกลางที่พอจะแสดงให้เห็นได้ถึงตัวตนอีกเสี้ยวหนึ่งที่ยังคงเปิดต้อนรับใครต่อใครอย่างเป็นมิตรแต่ก็คัดกรองมากกว่าตัวบ้านอยู่หลายส่วน



เช่นนั้นแล้วตัวร้านขายของเก่าก็คงแสดงให้เห็นได้ถึงส่วนหนึ่งของ เจิ้ง หยางเซิน ได้ไม่มากก็น้อย



ภายในอาคารขนาดสี่ชั้น เพียงแค่เข้ามาเหยียบในชั้นล่างสุดมันก็ซับซ้อนไปด้วยสิ่งของมากมายที่ทั้งเข้ากันและแตกต่างตั้งแต่ก้าวแรกที่เข้ามาเหยียบภายในตัวอาคาร



ไม้ หิน กระเบื้อง ทองเหลือง และอีกมากมายสารพัดนั้นถูกวางกองเอาไว้เป็นชั้น เรียงต่อกันไม่ต่างอะไรจากเขาวงกต แต่ถึงกระนั้นทุกสิ่งก็ยังถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ มันสะอาดไม่เห็นแม้แต่ฝุ่น และถูกดูแลอย่างดีที่สุดเท่าที่สายตาผู้คนจะมองเห็น



ร้านของเก่านี้ไม่ได้เปิดไฟขาวสว่างจนเห็นชัดทุกตารางนิ้วเหมือนร้านรวงทั่วไป ในทางกลับกันมันกลับประดับด้วยโคมเก่าให้แสงดูอ่อนลง ต่อให้มีหน้าต่างพอให้แสงภายนอกลอดผ่าน แต่กระนั้นหลายส่วนก็ถูกบังด้วยตู้และชั้นวางจาภายใน ส่งผลให้เงานั้นทอดยาวออกไปอย่างไร้จุดหมายพอๆกับมุมมืดและซอกหลืบที่เป็นสีดำสนิท



ไม่ว่าจะกับผู้คนที่รู้จักกันหรือผู้คนที่เพิ่งเคยเห็นหน้า ไม่ว่าใครที่ได้เข้ามาในร้านก็ต่างรู้ดีทั้งนั้นว่าเจ้าของดูแลร้านได้ดีแค่ไหน และนั่นคงเป็นส่วนที่ดีที่สุดที่เขาอยากให้ใครต่อใครได้รับรู้แม้จะไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนจะสังเกตชัดเจนอะไร



ภายในร้านแห่งนี้ ผู้คนจะเดินดูเท่าไหร่ก็ได้ตามต้องการ อยากจะหยิบจับซื้อขายสิ่งใดก็ได้ทั้งนั้น แต่ทุกการกระทำล้วนอยู่ภายในสายตาของเจิ้ง หยางเซิน เขาเฝ้ามองราวกับเงาตามตัวแต่ก็เป็นไปอย่างระมัดระวังและไม่ทำให้ใครอึดอัดใจ



แต่แน่นอนว่า่ร้านแห่งนี้คือร้านของเขา เช่นนั้นแล้วทุกซอกทุกมุม ทุกหลืบและรู ไม่มีใครรู้ดีไปมากกว่าเขา หากจะอยากรู้ถึงเปลือกในที่เปลือยเปล่าก็คงต้องทุบอาคารทิ้งไปทั้งหลัง แต่เมื่อถึงตอนนั้นก็คงไม่เหลือสิ่งใดให้ตามหาอีกต่อไป



เจิ้ง หยางเซิน นั้นถนัดเรื่องการวางตัว เขาดูแลคนได้ดีพอๆกับการดูแลตัวเอง ถึงแม้การแต่งกายจะไม่ได้เนี๊ยบไปทุกระเบียบนิ้ว แต่ก็ไม่เคยปล่อยตัวให้ดูทรุดโทรมเสียราคา และเพราะอย่างนั้นพื้นที่ที่เขาเปิดกว้างให้ใครก็ได้ผ่านเข้าออกจึงถูกรักษาให้อยู่ในสภาพดีพร้อมอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เป็นที่สังเกตขัดสายตายใคร



แต่ในทางกลับกัน สถานที่ที่เป็นที่ส่วนตัวที่สุด ที่ที่ไม่ว่าใครต่างก็แทบไม่อยากให้ใครเข้าไปเหยียบย่ำยกเว้นผู้คนที่ตนวางใจอย่างห้องนอนนั้นกลับเป็นยิ่งกว่าปริศนา ยิ่งเมื่อมันถูกกล่าวว่ามันเปรียบได้ถึงสิ่งที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด ถึงสิ่งที่ถูกเก็บซ่อนไว้ลึกที่สุด



เหมือนเป็นส่วนลึกของจิตวิญญาณที่ไม่ว่าใครต่อใครก็ไม่อยากให้เข้ามาก้าวก่าย




ห้องนอนของเจิ้ง หยางเซิน เองก็เช่นกัน







แม้จะเป็นเพียงห้องในคอนโดหรูอย่าง The Lucida  แต่ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปนอกจากพี่ชายและคนสนิทของพี่แล้ว เขาไม่เคยยินยอมให้ใครได้เข้าไปเหยียบแม้แต่คนเดียว