Wednesday, November 23, 2016

[fic Fantastic Beasts] Once Again

**Warning Spoilers**


Title: Once Again

Author: Movivin

Pairing: Jacob x Queenie

Rating: -







0.

ในวินาทีที่พวกเราสบตากัน ฉันยิ้มให้กับใบหน้าที่พิลึกพิลั่นของเขา.... ยิ้มให้กับความคิดของเขาที่ไม่มีใครอื่นนอกจากฉันเท่านั้นที่ได้ยิน.....



1.

อย่างที่ฉันเคยพูดออกไป...เขาช่างเป็นผู้ชายที่ไม่เหมือนใคร และคงไม่อาจจะมีใครที่เป็นเหมือนเขาได้อีกแล้วในโลกใบนี้

...เขาเหมือนกับสิ่งที่พระผู้เป็นเจ้าได้มอบให้แก่ฉัน แก่แม่มดคนหนึ่งผู้ซึ่งเร้นกายอยู่ภายใต้โลกของเหล่าโน-เมจ ..ให้ได้ค้นพบกับสิ่งที่ฉันคงไม่อาจหาได้อีกแล้วไม่ว่าจะที่ไหน


แม้ว่าตัวของเขาจะไม่ได้มีรูปร่างที่สูงใหญ่ งามสง่า หรือมีใบหน้าที่หล่อเหลาเหมือนผู้ชายมากมายที่ก้าวผ่านเข้ามาให้ฉันได้เห็น แต่ถึงกระนั้น เขาก็ทำให้ฉันมองตามเขาได้ราวกับว่าโลกใบนี้มีเพียงแค่เขาเท่านั้นที่ส่องประกายเจิดจ้ายิ่งกว่าใคร


ทั้งๆที่เขาไม่มีพลังวิเศษ ไม่มีเวทมนตร์คาถาใดๆ ไม่ได้เป็นคนใหญ่คนโตมาจากไหน เป็นเพียงแค่โน-เมจคนหนึ่งที่ทำงานอยู่ในโรงงานอาหารกระป๋องธรรมดาๆเท่านั้น




แต่...




...เขาทำให้ฉันยิ้ม...


...เขาทำให้ฉันหัวเราะ...ได้ในทุกครั้งที่พวกเรานั้นอยู่ด้วยกัน...


เขา...ทำให้ฉันไม่อาจจะละสายตาจากเขาไปไหนได้อีก


เขาทำให้ฉันตกหลุมรักด้วยความงดงามจากภายในของเขาที่ไม่มีเหล่าโน-เมจหรือพ่อมดแม่มดคนใดมองเห็น.. อาจจะยกเว้นทีน่ากับคุณสคามันเดอร์ที่รับรู้ถึงความพิเศษของเขา


ใครกันที่กล่าวว่าตัวของเขานั้นเป็นโน-เมจที่ไร้ซึ่งเวทมนตร์ เวทของเขานั้นรุนแรง แกล่งกล้ายิ่งกว่าใครที่ฉันเคยพบเสียอีก เวทที่แสนอ่อนโยนบทนั้นของเขาที่มีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถเสกมันออกมาได้ทำให้หัวใจของฉันพองโตราวกับลูกโป่งที่ถูกสูบด้วยลมร้อน

และเมื่อแววตาคู่นั้นมองมาที่ฉัน มันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันได้กลายเป็นคนพิเศษของใครซักคน.. ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีใครมองว่าฉันเป็นคนพิเศษ แต่กับคุณโควัลสกี้นั้นต่างออกไป ความพิเศษที่เขามอบให้กับฉันมันช่างมากล้นเหลือเกิน

แต่เรื่องดีๆนั้นมักไม่ยืนยาว ช่วงเวลาที่มีร่วมกันมันกลับดูแสนสั้น

ในที่สุดก็ถึงวันที่ฉันต้องสูญเสียเขาไปเพียงเพราะมันผิดต่อกฏหมายที่ถูกตั้งไว้เพื่อความปลอดภัยของเหล่าพ่อมดแม่มดฉันกลับคิดว่ามันช่างไม่ยุติธรรม... คนพวกนั้นไม่มีใครรู้เลยว่าลึกๆแล้วเขาเป็นคนอย่างไร ไม่มีใครรู้ถึงความน่าพิศวงของเขาเลยซักคน


บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้เขาแตกต่างจากโน-เมจคนอื่นๆนั้น....ทำไมพวกเขาถึงไม่ยอมมองดูให้ดีๆ




2.

แต่คุณก็ยังคงเป็นคุณ...

คุณบอกฉันว่าไม่เป็นไร คุณยิ้มให้ฉันแม้ในใจของคุณนั้นกำลังโศกเศร้า แต่สิ่งที่คุณคิด...สิ่งที่อยู่ในหัวของคุณ...


แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ความงดงามเหล่านั้นทำให้ฉันไม่อาจจะรั้งคุณไว้ได้อีกต่อไป เพราะขนาดฉันบอกคุณว่าเราสามารถที่จะหนีไปจากที่นี่ด้วยกันได้ แต่คุณก็ยังคงปฏิเสธ ความจริงไปตรงมาของคุณทำให้ฉันยอมที่จะปล่อยมือจากคุณ

ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่คุณคิดแล้ว เป็นสิ่งที่คุณตัดสินใจไปแล้ว..ต่อให้ฉันหรือคนอื่นจะพยายามพูดอย่างไรมันก็คงมีแต่จะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายใจมากก็เท่านั้น

คุณสคามันเดอร์รู้ ทีน่าเองก็รู้...พวกเราจึงยอมปล่อยให้คุณได้ก้าวขาออกไปโดยต้องพยายามรั้งตัวเองไว้ไม่ให้ไปดึงคุณกลับเข้ามา



แล้วคุณก็ปิดตาลง ยอมรับชะตากรรมนั้นอย่างตรงไปตรงมา...มันราวกับว่าการลงโทษนั้นคือการลงโทษพวกเราทุกคนที่ดึงให้คุณถลำลึกมาในโลกของฝั่งนี้

แต่การกล่าวลาเพียงแค่ฝั่งเดียวนั้นมันคงจะน่าเศร้าเกินไป


ฉัน...จึงทำได้เพียงแค่ก้าวออกไปจุมพิตคุณ ฉันไม่ได้ต้องการให้มันเป็นคำกล่าวลา... แต่มันคือคำสัญญาของฉันว่าฉันจะไปหาคุณอีกไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนฉันก็จะตามหาคุณให้พบ..

และครั้งนี้ฉันจะเป็นคนที่ก้าวผ่านประตูบานนั้น เพื่อเข้าสู่โลกของคุณบ้าง จะเป็นคนที่เป็นฝ่ายไปพบคุณก่อนบ้าง....ได้โปรด รอฉันก่อนนะคะ



เอาตามตรง ฉันไม่รู้ว่าควรจะต้องทำยังไงบ้าง

แม้ว่าฉันจะมายืนอยู่หน้าร้านขนมปังของคุณ ร้านที่ในที่สุดคุณก็สร้างมันขึ้นมาได้...ร้านที่มีเศษเสี้ยวความทรงจำมากมายอัดแน่นอยู่ภายในนั้น... แม้ว่าคุณจะจำไม่ได้ แต่คุณก็ไล่ตามความฝันของคุณได้ในที่สุด นั่นทำให้ฉันดีใจ..

แต่เรื่องมากมายที่ฉันคิดไว้มันก็ถูกหยุดชะงักลงจนฉันอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างขึ้นเมื่อพวกเราสบตากัน

เพราะความคิดของคุณในตอนนี้กับความคิดแรกในยามที่คุณมองฉันในวันแรกที่เราพบกันมันไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะเป็นในช่วงที่รู้ว่าฉันคือแม่มด หรือกระทั่งในยามนี้ที่คุณคิดว่าฉันเป็นเพียงแค่ผู้หญิงโน-เมจธรรมดาคนหนึ่ง


แต่ความคิดที่งดงามนั่น แววตาที่หยุดอยู่เพียงแค่ฉันเท่านั้น...


แค่นั้นก็มากพอที่จะทำให้ฉันตกหลุมรักเขาอีกครั้ง..


แค่นั้น...ก็เพียงพอแล้ว....











-------------------------------------------------------------------------------------------




*Talk*

โดยปกติแล้วจะไม่ค่อยชอบเขียนฟิคจากนิยาย/การ์ตูน หรือหนังเท่าไหร่เพราะกลัวผิดคาร์ แต่คู่นี้ไม่ไหวจริงๆครับ ยอมแล้ว ยอมเลย หลังดูจบก็คิดฟิคได้ แต่เพราะไม่ได้เขียนเรื่องมาพักหนึ่ง(ล่าสุด3ตุลา)ทำให้ตบตีกับภาษาตัวเองหนักมาก ตอนที่เขียนออกมานี้ก็ยังรู้สึกติดขัดอยู่บ้าง แต่ก็พยายามเกลาแล้วละครับ ก็..ได้เท่านี้

เอาจริงๆชอบหลายคนในนี้นะครับ ว่าจะเขียนอีกในอนาคต น่าเสียดายที่ความจำผมไม่ค่อยจะทำ สงสัยเร็วๆนี้คงต้องหาเวลาเข้าไปดูอีกรอบให้ได้จริงๆ...

ขอบคุณที่มาอ่านกันนะครับ มีอะไรอยากติชมก็ทิ้งไว้ในคอมเมนท์ได้เลยครับผม



Monday, October 3, 2016

[Tbox] [01]

#fictober



POV: Tsuyu (12)





ฉันลืมตาตื่นขึ้นจากความฝันสู่ความจริงที่แสนล่องลอย ล่องลอยเหมือนกับควันบุหรี่ของพ่อที่อบอวลอยู่เต็มห้อง แสบตาจนดวงตาของฉันร้อนผ่าว ร้อนจนน้ำตาของฉันไหลผ่านแก้มและหยดลงบนฝ่ามือ


พอจะขยับมือขึ้นเช็ดหน้า ความรู้สึกต่อมาก็คือความเจ็บ....


ที่ตัว ที่แขน ที่หน้า ที่ขา...เจ็บจนชา แต่ก็ยังไม่ไร้ความรู้สึก


ถูกทุบด้วยมือ ด้วยตีขวด ถูกเตะด้วยเท้า...เหมือนกับลูกบอลที่กระเด็นกระแทกผกำแพงห้อง เสียงดังลั่น.....จนบางครั้งก็กลัวว่าซักวันเสียงนั้นจะเป็นเสียงจากกระดูกในร่างของตัวเอง


ฉันไม่กล้าขยับตัว ....เอาจริงๆคือขยับไม่ได้อีกแล้ว


แค่ขยับแขนก็เจ็บขนาดนี้ แค่ขยับตัวเพียงนิดเดียวก็จุกจนต้องขดตัวเป็นลูกบอล แล้วสำลักก้อนอากาศจนเหมือนจะตายซะตรงนี้


พ่อกำลังบ่นอะไรซักอย่าง พูดพึมพำกับตัวเอง...กับภาพของแม่ พ่อนั่งอยู่ตรงนั้นและคงไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของฉันอีกต่อไปแล้ว แล้วซักพัก เขาก็ลุกขึ้นและออกจากบ้าน กระแทกประตูปิดเสียงดังจนฉันสะดุ้ง


ฉันเจ็บ ฉันเจ็บ....เจ็บไปหมดแต่ก็ไม่กล้าที่จะร้อง แม้ว่าพ่อจะออกไปแล้วแต่ฉันก็ยังไม่กล้าที่จะร้อง


เพราะฉันกลัว...ว่าเขาจะกลับมา


ฉันกลัว...ฉันกลัว แต่จะให้ฉันทำอะไรล่ะ...



พ่อที่แสนดี พ่อของฉันคนนั้นหายไปไหน คุณพ่อที่ยิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเหมือนแสงแดดอ่อนๆในยามเช้า คุณพ่อที่ใจดี คุณพ่อที่เหมือนกับฮีโร่ของฉัน....



หายไปไหน หายไปไหน เขาหายไปไหน





.....ฉันกลัว...





พ่อเปลี่ยนไปหลังจากแม่ตาย พ่อกลายเป็นคนอื่นไปแล้ว....ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่พ่อ เป็นเพียงแค่ปีศาจจากสุราและการพนัน...มันฆ่าพ่อของฉัน สวมใส่หนังของพ่อ และกำลังทำลายบ้านหลังนี้ด้วยใบหน้าของพ่อ



ปีศาจร้าย...มันฆ่าคนที่ฉันรัก...





...ฉันกลัว....



พ่อคะ พ่อ....พ่อไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอีกแล้ว



พ่อที่คอยปกป้องฉัน ปกป้องบ้านหลังนี้ไม่มีอีกแล้ว....ไม่มีอีกต่อไปแล้ว




..ฉันกลัว....



...ฉันเจ็บ...




แต่ฉันจะไปทำอะไรได้ ในเมื่อฉันเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงคนนึงที่ไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้าออกจากบ้านหลังนี้ด้วยซ้ำไป....ไม่กล้าที่จะหนีไปไหนเพียงแค่เพราะฉันกลัว...




เพราะอย่างนั้น.....สิ่งที่ฉันทำได้ในบ้านหลังนี้จึงมีแค่การปกป้องเขา.. แม้ว่ามันจะแทบเป็นไปไม่ได้เลยก็ตาม...






"ทสึยุ ฉันกลับมาแล้ว"






...เรียว....








Sunday, September 18, 2016

[SPA] Hoshino Yuusei



Screen-Shot-2015-10-23-at-1.14.46-PM.jpg

Credits:



ชื่อ-นามสกุล (ไทย – อังกฤษ) : โฮชิโนะ ยูเซย์ (Hoshino Yuusei)

วัน-เดือน-ปีเกิด (ค.ศ.) : 5/1/1991
อายุ : 25
น้ำหนัก(กก.) / ส่วนสูง(ซม.) : 65kg. / 177cm.

สีตา / สีผม / สีผิว : ตาดำ / ผมดำ ย้อมปลายสีแดง / ผิวสองสีแบบคนเอเชียทั่วไป
ลักษณะภายนอก : แว่นสายตากรอบแดง, สูงโปร่งสมสัดส่วน
สัญชาติ / เชื้อชาติ : ญี่ปุ่น / ญี่ปุ่น

อาชีพ : นักคอมพิวเตอร์กราฟฟิค ณ บริษัทอินดี้แห่งหนึ่ง

สิ่งที่ชอบ : กาแฟ, ถ่ายภาพ, ท่องเที่ยว, เวลาที่งานเสร็จ, วันหยุด, การนอน
งานอดิเรก : ขี่ฮาเล่ย์รับลม, อ่านหนังสือ, ถ่ายภาพ, เที่ยวกับเพื่อน, เข้าแคมป์, หาอะไรใหม่ๆทำ, สะสมเบอร์โทรของคนรู้จัก, ครอสเดรสในงานปาร์ตี้ของบริษัท
สิ่งที่ไม่ชอบ : ถูกจับได้เวลาโกหก, เรื่องน่าเบื่อ, การถูกสั่งสอน
แพ้ : --

นิสัย :
- เป็นคนขี้เบื่อ และไม่ชอบปล่อยให้ตัวเองว่าง เลยมักจะเปลี่ยนสิ่งที่ทำอยู่ไปเรื่อยๆ รวมไปถึงงานอดิเรกต่างๆ และการหาเพื่อนใหม่เพิ่มเรื่อยๆอีกด้วย
- ยิ้มสดใสเสมอ เพราะมีคนบอกว่าถ้ายิ้มแล้วจะมีคนเข้าหาเยอะ
- เข้ากับคนง่าย ตีสนิทคนง่าย ถึงจะเป็นฉากภายนอกที่ทำให้คนอื่นดูวางใจ แต่ก็ถือเป็นเฟิร์สอิมเฟรสชั่นที่ดี
- ตอแหลเก่ง มีความปลาไหลในตัวเองสูงมาก..
- โกหกคนได้เรื่อยๆ แม้จะพยายามไม่โกหกแต่ก็ติดเป็นนิสัยไปแล้ว ตอนนี้เลยพยายามเพลาๆลงอยู่
- มีความตั้งใจในสิ่งที่ทำอยู่เสมอ
- ไม่ใช่คนสนใจอะไรมากมาย ถึงจะดูใจดีเป็นมิตรและเทคแคร์ แต่เอาจริงๆแล้วไม่ได้สนใจอะไรใครเท่าไหร่ เพราะอย่างนั้นถ้าปลอบคนโดยที่ปลายสายไม่เห็นหน้า เจ้าตัวก็สามารถเล่นเกมหรือทำอย่างอื่นไปด้วยได้ และไม่เก็บเรื่องพวกนั้นมาใส่ใจ
- ไม่เก็บเรื่องของคนอื่นมาเป็นภาระให้ตัวเองซักเท่าไหร่

เหตุผลที่มาเข้าพัก : เพื่อนซักคนแนะนำมา

ประวัติ / อดีต :

  • ยูเซย์ลูกชายคนรองของบ้าน มีพี่ชายและน้องชายอย่างละคน
    • โคเซย์ : 恒星 (28)
    • ยูเซย์ : 遊星 (25) <อยู่นี่
    • เคียวเซย์ : 巨星 (23)
  • คุณพ่อ(เซย์โตะ) เป็นนักบิน ส่วนคุณแม่(โยรุ) เป็นนักหนังสือพิมพ์
  • ถูกทางบ้านถีบส่งมาให้เรียนที่ต่างประเทศหลังจบม.ต้นพร้อมพี่ชายและน้องชายของตัวเอง ซึ่งก่อนนั้นก็อาศัยอยู่กับครอบครัวของเพื่อนพ่อที่เป็นนักบินเหมือนกัน
  • สามพี่น้องหางานพิเศษทำไปด้วยระหว่างเรียน เพราะอยากจะเก็บเงินไว้เช่าบ้านอยู่เองไม่อยากรบกวนเพื่อนของคุณพ่อ
  • และสามคนก็ย้ายออกจากบ้านหลังนั้นหลังพี่ชายขึ้นมหาลัย ไปอยู่กันที่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง
  • หลังยูเซย์จบม.ปลาย ก็ได้ทุนเรียนต่อด้านคอมพิวเตอร์กราฟฟิคที่อเมริกา
  • ปัจจุบันเข้าทำงานอยู่ที่บริษัทอินดี้แห่งหนึ่ง
  • ที่ต้องย้ายออกจากที่พักเดิม เพราะพี่ชายมีแฟน เลยไล่น้องทั้งสองคนออกไปหาที่อยู่กันเอาเอง
  • มีเม่นแคระเพศเมียตัวนึง ชื่อ “ทสึกิ” (พระจันทร์)



Twitter: SPA_Yuusei


Saturday, September 17, 2016

[YK] [12] Drive Me Crazy



(กรุณาอ่าน >> Troublemaker ก่อนนะครับ)





“ทั้งหมด... เป็นเพราะฉัน”

เสียงพึมพำจากคนข้างตัวเรียกให้หันไปมอง แววตาคู่นั้นกำลังสั่น และดูสั่นยิ่งกว่าที่เคยจนรู้สึกว่าคงไม่ใช่แค่เรื่องของโยชิฮาระเพียงอย่างเดียว แต่พอนึกถึงเรื่องที่พยาบาลจับกลุ่มคุยกันก่อนหน้าก็พอจะประติดประต่อเรื่องราวได้ไม่ยาก
ทำไมจะคิดไม่ออก
ชาวต่างชาติเพียงคนเดียวที่รู้จัก กับเหตุการณ์ก่อนหน้าที่ทั้งตัวเขาและนาเดจิโกะได้ไปคุยกับอีกคนมา..
รินเน่ อัลแบร์โต้...
“เรื่องเกิดขึ้น เพราะเธอสินะ”
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้เขาทำหน้ายังไง แต่น้ำเสียงของตัวเองที่ได้ยินมันนิ่งเฉยจนแม้แต่ตัวเองก็ยังตกใจ
สร้างปัญหา สร้างปัญหา สร้างปัญหาตลอดเวลาไม่รู้จักหยุดจักหย่อนจริงๆ


“หลังจากนี้ไป อยู่เงียบๆแล้วไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว..”


จนกว่าเรื่องจะจบลง ถ้าเธอไม่หาเรื่องใส่ทั้งตัวเองและคนอื่นก็ดีแล้วแท้ๆ ไม่ต้องยุ่งกับใครมากจนเกินไป อย่าเอาตัวเข้าไปเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ ทั้งที่ก็เคยบอกไปแล้วว่ามันอันตราย ทั้งที่ก็รู้กันดีอยู่แล้วว่าอาจจะมีฆาตกรอยู่ในห้อง
แต่เธอก็ยัง.....
ทำเรื่องโง่ๆออกไปโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

“เลิกสร้างปัญหาซักที”
เพราะแค่นี้ฉันก็เหนื่อยมากพออยู่แล้ว...
.

.

.

.

.

.

.

ตรงหน้าของเขามีร่างเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่งเดินห่างไปห้าหกเมตร เธอคนนั้นเดินช้าๆเหมือนคนกำลังฝัน เหมือนกำลังละเมอ เหมือนว่าปล่อยให้เท้าพาตัวเองเดินห่างออกไป
ดูก็รู้ว่ากำลังช็อกกับเรื่องที่เกิดขึ้น และก็เพราะรู้ดีว่าอีกฝ่ายคงอยากจะได้พื้นที่ของตัวเอง เขาก็เลยเว้นระยะห่างของตัวเองกับอีกฝ่าย ทิ้งตัวห่างออกไป แต่ก็ยังมองเห็นว่าอีกคนยังอยู่ตรงหน้าและไม่ได้หายไปไหน
อากาศคืนนี้เย็นเฉียบพอๆกับสายลมที่พัดผ่านตัวตลอดเวลา ทำให้นึกถึงสิ่งที่ไม่อยากจะคิดถึงได้อีกมากมาย
ในคืนแบบนี้ `เธอ` คนนั้นมักจะแอบออกจากห้องและชวนเขาให้หนีออกจากเมือง และจูงมือพากันไปทางหุบเขา.. ไปทางศาลเจ้าที่รกร้างโดยไม่กลัวทั้งสัตว์ร้าย ปีศาจ หรือมนุษย์ เธอจะหัวเราะคิกคัก แล้วจิกนิ้วลงบนหลังมือของเขาจนแดง
จะว่าไปแล้ว..
ในคืนวันนั้น `เธอ` ก็เดินอยู่หน้าเขาเหมือนกับในตอนนี้เลยนี่นะ
ในขณะที่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย คนที่อยู่ตรงหน้าก็หยุดอยู่ที่กลางสะพาน ส่งผลให้เขาที่เดินตามมาหยุดตัวเองไว้ที่ริมสะพานด้วยเช่นกัน
นาเดชิโกะยืนอยู่ตรงนั้น จ้องมองไปที่สายน้ำเบื้องล่างเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้พูดอะไร ไม่ได้เรียกหรือเดินไปหา
เขาแค่เก็บมือเข้าไปในเสื้อกันหนาว แล้วยืนจ้องอีกคนอยู่อย่างนั้น
ก็แค่มอง...

มองเด็กผู้หญิงอายุเท่ากันที่ยืนอยู่ตรงนั้นมาเกือบชั่วโมงด้วยสมองที่ว่างเปล่า..

ก่อนดวงตาจะเบิกกว้างขึ้น

“เวรเอ๊ย!!!”


ทั้งเสื้อกันหนาวทั้งผ้าพันคอถูกถอดเขวี้ยงทิ้งไป กว่าจะรู้ตัวอีกทีตัวเขาก็กระโดดตามอีกฝ่ายลงจากสะพานไปซะแล้ว...


















หนาว…และเจ็บ...



นั่นคือสิ่งแรกที่รู้สึกเหมือนร่างกายสัมผัสกับผืนน้ำเบื้องล่าง

ความสูงของสะพาน ความแรงของสายน้ำ



และความเย็นยะเยียบที่เหมือนกับเข็มมากมายกำลังทิ่มแทง….

นั่นเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าตัวเองอาจจะ……..

ไม่รอดก็ได้….

แต่ตอนนี้ต้องหายัยนั่นก่อน หายัยโง่นั่น...ให้เจอ…..

อะไรจะตามมาก็ช่างมันไปก่อน....




นาเดชิโกะ!




กระแสน้ำที่เชี่ยวกราดพัดอีกฝ่ายห่างออกไปจนต้องรีบว่ายตาม เพื่อให้กระแสน้ำดันตัวเองให้ตามไปได้เร็วขึ้น...
และเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายถูกแม่น้ำสีดำกลืนหายไปจากสายตา..
หนาว..........หนาว...
โง่เอ๊ย..
บอกไปแล้วแท้ๆว่าให้อยู่เงียบๆ
บอกไปแล้วแท้ๆว่าไม่ต้องทำอะไรอีก...
 
ทำไมถึงได้...ไม่ฟังกันเลย!!!
.
.
.
.
.
.
.
“แค่ก.....แค่กๆ”
หยดน้ำหยดลงบนพื้นหญ้า....เสื้อผ้าหนักไปทั้งตัว
เขาพยายามดันร่างอีกฝ่ายให้ขึ้นไปบนฝั่งก่อนจะพยายามปีนตามขึ้นมา แต่ยังไม่ทันที่จะดึงตัวเองขึ้นจากน้ำ..

ขอนไม้ขนาดใหญ่ที่ไหลมาตามน้ำก็กระแทกเข้าที่ต้นขา

กระชากร่างทั้งร่างของเขาให้ร่วงลงไปในน้ำอีกครั้ง……..



…..

...

.












































ใครมันจะ….ไปยอมตายกันวะ




“แฮ่ก…...แค่กๆ...”



กว่าจะตะกายกลับขึ้นมาได้ก็เกือบจะตายลงไปจริงๆ เขาที่ดึงตัวเองกลับขึ้นฝั่งได้ในที่สุดพยุงร่างตัวเองเดินมาหาคนที่ยังคงนอนนิ่งไม่ขยับ



อะไรกัน..


ตายแล้วเหรอ...

ตายง่ายเกินไปแล้ว...

“นาเดจิ….”


เขาหอบ...ทิ้งตัวลงนั่งมองร่างที่ไม่มีการตอบสนองใดๆ


“นี่..”


“...นาเดชิโกะ”

ดวงตาที่ปิดสนิทยังคงปิดอยู่อย่างนั้น….



แม้ว่าเขาจะเงื้อมือฟาดหน้าอีกฝ่ายไปเต็มแรงแต่ก็ยังไม่มีการตอบสนองใดๆ เขาก้มลงพยายามที่จะฟังเสียงหัวใจ….



แต่ก็ไม่ได้ยินอะไรเลย...



สุดท้ายก็จำต้องก้มลงประกบริมฝีปากทำCPRให้อีกคนอย่างที่เคยเรียนมาในห้อง เขาไม่รู้ว่าร่างของอีกฝ่ายนั้นเย็นขนาดไหนเพราะตัวของเขาเองก็แทบไม่รู้สึกอะไรอีกแล้วเช่นกัน แต่ก็ยังโชคดีที่มีแรงเหลือมากพอที่จะช่วยคนที่เกือบจะตายให้สำลักน้ำออกมาได้ แม้ว่าจะยังไม่ฟื้น แต่อย่างน้อยตอนนี้…



ก็ยังเบาใจไม่ได้อยู่ดี



เขาพยายามจะยันตัวลุกยืน แต่ร่างกายก็แทบไม่ขยับ

ทั้งแขนทั้งขา เย็นเฉียบจนตัวเองแทบจะไม่รู้สึกอะไร…



หลังจากพยายามอยู่พักหนึ่งก็สามารถยันตัวเองขึ้นมาได้พร้อมกับอุ้มร่างที่ไม่ได้สติไว้แนบอก…


ก้าวแต่ละก้าวหนัก….เหมือนกับขาถูกถ่วงไปด้วยหิน เลือดก็ยังไหลออกจากแผลที่ถูกกระแทก แต่ก็ยังดีที่อีกฝ่ายนั้นตัวเบามากพอที่จะไม่ทำให้เขาเซจนล้ม



ทำไมถึงไม่ทิ้งไว้…


ทำไมถึงต้องช่วย….


ทำไมถึงยังอยู่ด้วยกัน….


ทั้งๆที่…..ถ้าปล่อยให้ตายไปก็ได้แท้ๆ..


จะว่าไป จะไปที่ไหนดีล่ะ…

โรงพยาบาลงั้นเหรอ….ไม่ ไม่ทันหรอก

จริงด้วย ถ้ากลับไปที่สะพานละก็…



“นาเด...ชิโกะ….”


เขาพึมพำ เบาจนแม้แต่ตัวเองยังแทบไม่ได้ยินเสียงของตัวเองด้วยซ้ำ


“ก็บอกแล้ว…..”


เขาก้มลงเก็บเสื้อกันหนาวของตัวเองมาห่อตัวอีกคน ก่อนจะเอาผ้าพันคอมัดตัวไว้อีกชั้นแล้วช้อนตัวอุ้มอีกครั้ง


“....ว่าไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว”


“ดีแต่...สร้างปัญหา…”


ตายไปซะได้ก็ดี...


ถ้าเกิดฉันตายไปตอนนี้…


ถ้าเกิดว่า….ฉันตายขึ้นมาตอนนี้ล่ะก็……….


แต่ใครมัน..จะไปยอมง่ายๆ….



เขาเห็นแสงไฟเล็กๆบนทางเท้าที่กำลังขยับใกล้เข้ามาทุกที….ก่อนที่สติของเขาจะดับวูบลง….











-------------------------------------------------------------------------------------------------------------

สรุป…
  • นาเดจี้ทำตัวงี่เง่ากระโดดสะพาน
  • โคฮาคุเลยกระโดดตามไปลากขึ้นมา โดยดันนาเดจี้ขึ้นไปก่อน
  • แล้วตอนที่ตัวเองจะปีนขึ้นมาก็ถูกขอนไม้กระแทกต้นขาลากกลับลงน้ำไป
  • พอตะกายขึ้นมาได้ก็พบว่านาเดจี้แน่นิ่งไปแล้ว
  • เลยตบหน้าซะ….แต่ไม่ฟื้น
  • แต่นาเดจี้ปากแตก
  • เพราะหนาวจนมือไม่มีความรู้สึกแล้วเลยต้องก้มเอาหูแนบอกลองฟังเสียงหัวใจอีกคน
  • แต่หัวใจนาเดจี้ก็ขี้เกียจเต้นไปแล้ว...
  • สุดท้ายโคฮาคุก็จำใจทำCPR จนนาเดจี้สำลักน้ำออกมา
  • แต่ก็วางใจไม่ได้ จำต้องแบกนาเดจี้ไปโรงพยาบาล
  • แต่เพราะไม่รู้ว่าควรจะเริ่มตรงไหน เลยเดินไปที่ถนนสายหลัก(สะพาน)
  • เอาเสื้อกันหนาวที่ตัวเองถอดทิ้งไว้มาห่อตัวนาเดจี้ แล้วเอาผ้าพันคอมาพันมัดตัวอีกคนไว้
  • แล้วอุ้มต่อ
  • ก่อนจะสลบ ก็เห็นแสงไฟร่ำไร
  • คุณตำรวจนั่นเองที่ขี่จักรยานผ่านมา
  • เพราะอย่างนั้นตอนนี้สองคนนั้นเลยอยู่รพ.แล้วจ้า (ห้องเดียวกัน เตียงข้างๆ มาเยี่ยมได้)