Saturday, July 16, 2016

[YK] [01] Telephone Call



**หมายเหตุ: 1.ไร้สาระ 2.ไม่มีเหตุผล 3.มันดูยาวแต่จริงๆไม่ยาวหรอก 4.ไร้สาระมากๆ**

--------------------------------------------------------------------------------------------


"นี่พี่ ในห้องมีคนตายอีกแล้ว"

[งั้นเหรอ งั้นก็คงจะเป็นเรื่องอาถรรพ์ละมั้ง]

"พี่เชื่อเรื่องนั้นจริงๆน่ะเหรอ?"

[โบราณบอกว่า 'ไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่' นะรู้ไหม แล้วเรื่องเล่าว่าห้อง3-3 ของแกมันอาถรรพ์แค่ไหนแกก็น่าจะรู้ดี]

"งั้นเหรอ..."

[แกพูดเหมือนไม่เชื่อ?]

"ก็ไม่เชื่อ..."

[ทั้งที่มีคนในห้องตายมาหลายคนแล้วน่ะนะ?]

"5คน" เขาสวนขึ้นมา "กับญาติของอาจารย์อีกสอง และครอบครัวเพื่อนคนนึงที่ตายเกือบยกบ้าน"
"และต่อให้ฉันต้องตาย ฉันก็ไม่คิดว่าจะทำใจเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติได้ ฉันอาจจะกังขา แต่ฉันก็...มันเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยากอยู่ดีที่จะคิดอย่างนั้น"

[ก็แค่ไม่อยากที่จะยอมรับในเรื่องที่มองไม่เห็นและสัมผัสไม่ได้เท่านั้นไม่ใช่เหรอ?]

"เรื่องของฉันนา.."

[แกนี่มัน... เอ้อ เออ เอาเถอะ แล้วที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้างละ? พวกเพื่อนคงขวัญเสียกันหมดแล้วสิ ฉันได้ยินเรื่องข่าวแล้วนะ ตายไปอีกสองคนแล้วใช่ไหม? แบบนี้คนอื่นคงเครียดกันกว่าเดิมแน่ๆ]

"งั้นมั้ง.. ไม่รู้สิ"

[ไม่รู้เหรอ?]

"....ก็ฉันไม่ได้สนิทด้วยนี่" แว่บหนึ่งเขาคิดถึงภาพของหญิงสาวผมสั้นที่คอยหัวเราะคิกคัก ดวงตาที่หรี่ลงเป็นรอยยิ้มนั้นเป็นประกายยามเอ่ยคำเย้าแหย่

ผู้หญิงคนนั้นที่มักจะนั่งอยู่ข้างสนามเวลาที่คนเกือบทั้งห้องลงไปเรียนพละ...คนที่ชอบให้เขาถือเอกสารและการบ้าน คนที่...จากไป

[ถึงจะไม่สนิทด้วยแต่ก็น่าจะมองเรื่องรอบตัวซะบ้างนะ คนในห้องน่ะสำคัญ เพื่อนเองก็เป็นสิ่งที่สำคัญนะรู้ไหม]

"ฉันสนใจแค่สิ่งที่ต้องสนใจ" ฉันสวนกลับ "หน้าที่ของฉันคือการดูแลแม่กับน้อง..แทนพ่อกับพี่ ฉันต้องไปสมัครหางานพิเศษ แล้วก็พยายามไม่ให้แม่เอาเงินไปใช้ แค่นี้ก็มากพออยู่แล้ว จะเอาเวลาที่ไหนไปคบเพื่อนมากมายกั--"

[มิซึสึกิ โคฮาคุ]

"..." ฉันชะงัก น้ำเสียงขี้เล่นของพี่แปรเปลี่ยนเป็นจริงจังมันทำให้ฉันหยุด "ครับ?"

[ชีวิตก็คือชีวิต การที่ใครซักคนตาย ไม่ว่ายังไงก็ต้องมีคนเสียใจ.. นายอยู่ในห้องกับพวกเขามาเกือบปี ไม่รู้อะไรเลยจริงๆน่ะเหรอ? แบบนั้นน่ะ...น่าสงสารคนที่จากไปออกนะ]

"..." คำถามนั่นทำให้ฉันเผลอคิด ฉันเงียบไปนาน นานแสนนานก่อนจะตอบออกไปได้แค่ถ้อยคำสั้นๆ

"...ไม่รู้สิ..."

"..."

"นี่...พี่.."

[หืม?]

"...ฉัน....ไม่รู้ว่าทำไม ..แต่ฉัน...."

มันว่างเปล่า.. ฉันรู้ดี การเห็นข่าวของเพื่อนที่ตายในช่วงเช้ามันไม่ได้มีผลกระทบอะไรกับฉัน มันแค่ 'ตกใจ' แต่ฉันก็ยังสามารถทานข้าวต่อไปได้... มัน..ทำให้รู้สึกว่าแปลก..

[...]

"ทำไม...ฉันถึงไม่รู้สึกอะไรเลยละ?"

"ทั้งที่คนที่ตายไปคือคนที่นั่งข้างฉันสองคน.. ฉัน...ก็ไม่รู้สึกอะไร"

[...]

[นายถูกประกบด้วยแจกันดอกไม้คนตายเหรอ? อย่าลืมเอาดอกไม้ไปเปลี่ยนให้พวกเขาละ]

พี่เปลี่ยนอารมณ์ไวจนฉันตามไม่ทัน นั่นทำให้ฉันขมวดคิ้ว "หนึ่งในนั้นคืออาริสะ" ฉันสวน "โนชิโระ อาริสะ.. 'อลิซ' คนนั้น"

คำพูดของฉันทำให้พี่ชายเงียบหายไปพักหนึ่ง แต่พักหนึ่งของพี่นั้นฉันกลับรู้สึกว่ายาวนานมากกว่าปกติ

[งั้นเหรอ.....]

ในที่สุดพี่ก็พูดตอบ แม้ว่าเสียงพึมพำนั้นจะแผ่วเบาเหมือนพูดกับตัวเองอยู่ก็ตาม

[ไปเยี่ยมหลุมศพมาแล้วใช่ไหม?]

"อือ.."

[แล้วรู้สึกเสียใจบ้างรึเปล่า?]

"ก็..รู้สึก" ฉัน..รู้สึก แต่มันเป็นความรู้สึกที่บางเบา ฉันแค่รู้สึกแย่ที่ไม่ได้ขอโทษเธอให้ดี รู้สึกแย่ที่เห็นคุณป้ายังทำใจไม่ได้ "แต่มัน....ฉันรู้สึกว่ามันไม่ใช่..."

"ฉันไม่ได้ร้องไห้ ไม่ได้ทรมาน..."

....ไม่เหมือนกับคนอื่นในห้อง....

ฉันอาจจะเหงา อาจจะ...มีความรู้สึกเสียใจบ้าง แต่พอเทียบกับคนอื่น...ฉันกลับยิ่งรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรเลย...

คนอื่นร้องไห้ ทรมาน พวกเขาหวาดกลัวต่อคำสาป..พวกเขาดิ้นรน และบางคน...บางคน..เหมือนกับระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง และบางคน...ก็พังทลายลงไปแล้ว

"ฉันไม่ได้กลัวคำสาปหรืออาถรรพ์ ฉัน......อาจจะเสียใจ ฉันคิดว่าคงร้องไห้ถ้าคนในบ้านตายขึ้นมาจริงๆเหมือนกับที่คนอื่นเป็น แต่...." ฉันพยายามเรียบเรียงคำพูด มันลำบากที่ต้องพยายามเชื่อ...ฉันเชื่อมันไม่ลง ทำให้เชื่อไม่ได้ ทั้งที่คนในห้องตายไปทีละคนสองคน...ตายไป หายไป...

แต่ฉันก็ยัง...รู้สึกว่า..

"มันเหมือนเป็นเรื่องใกล้ตัวที่อยู่ไกล..ทั้งที่...ถ้าคำสาปเป็นจริง พี่ พ่อ แม่ กับยัยสองคนนั้นก็อาจจะตาย แต่ฉัน...!"

[ 'มิสึกิ' สินะชื่อคนที่ตายไป?]

"ใช่.. พี่ก็รู้เรื่องนี่"

ฉันได้ยินเสียงอะไรซักอย่างจากทางฝั่งของพี่ เสียงเหมือนนิ้วที่กำลังเคาะอยู่บนโต๊ะไม้ แต่เสียงของมันกลับฟังดูไกลแสนไกล

[บางทีนะ... เพราะว่า 'มิสึกิ' คือคนที่สำคัญมากสำหรับทุกคน เพราะอย่างนั้นเวลาที่ตายถึงไม่มีใครทำใจได้ พวกเขาก็เลย 'สร้าง' 'มิสึกิ' ขึ้นมา]

"พี่กำลังจะพูดอะไร?"

[เป็นสมมุติฐานของฉันเอง ใช้แก้คำสาปไม่ได้หรอก มันแว่บมาพอดี.. แค่อยากจะเล่าน่ะ]

"....โอเค" ฉันกระแทกเสียง เวลาเครียดทีไรคุยกับพี่ไม่เคยได้ผลเลยซักครั้ง..ให้ตายเถอะ นึกอยากจะเปลี่ยนเรื่องก็เปลี่ยนเอาดื้อๆทุกที

[เคยได้ยินไหม ว่าถ้าคนเรามีจิตอธิฐานอะไรมากๆ พลังงานในส่วนนั้นก็จะเริ่มรวมตัวกัน? เหมือนว่าถ้าเราสาปแช่งใครซักคนมากๆ พลังงานด้านลบก็จะเริ่มรวมตัว และอาจจะทำให้เป้าหมายบาดเจ็บได้จริงๆ.. กรณีนี้อาจจะต่างออกไป เพราะพวกเขาพยายามทำให้ 'มิสึกิ' มีตัวตน บางทีพวกเขาอาจจะเผลอไปเปิดประตูต้องห้ามด้วยตัวเองก็ได้นะ ประตูโลกวิญญาณน่ะ]

"พี่ไปดื่มมาใช่ไหม?" ฉัน..สัมผัสได้...

[หุบปาก]

[..แล้วฟังพี่ชายต่อนะ (*゚▽゚)ノノ☆  ]

"ค...ครับ..."

[แต่เพราะ 'มิสึกิ' ตายไปแล้ว 'ถ้า' วิญญาณนั้นหลุดเข้ามาในโลกนี้ได้จริงๆ แล้ว 'ติด' อยู่ในโลกนี้ละ?]

"มันก็ฟังดูไม่เกี่ยวอะไรกับการที่ต้องมีคนตายเลยไม่ใช่เหรอ?" พอพูดแบบนั้น พี่ชายก็หัวเราะ

[ก็ใช่]

พี่ยอมรับง่ายๆ แล้วเล่าต่อไป...กำลังติดลมอยู่จริงๆด้วย

[แต่ว่า 'ถ้า' คนที่ตาย 'อยากจะ' กลับมา 'มีชีวิต' ละ? และ 'ถ้า' 'มิสึกิ' ไม่สามารถที่จะอยู่บนโลกนี้ได้ถ้าไม่ได้รับ 'พลังงาน' เพิ่มละ? 'ถ้า' ทุกคนตาย..เพราะว่าวิญญาณนั้นได้ดูดเอา 'ชีวิต' ไปละ?]

ฉันคิดตามที่พี่พูด "พี่หมายถึง.. บางที 'มิสึกิ' อาจจะไม่ได้อยากจะฆ่าใคร แต่เพราะว่าวิญญาณของมิสึกิยังอยู่ที่ห้อง3-3 เลยเป็นการดึงเอาโชคร้ายเข้ามาน่ะเหรอ?"

[ไม่รู้สิ มันก็แค่สมมุติฐานของฉัน]

"มันไม่ได้ช่วยอะไรเลยพี่รู้ใช่ไหม" เป็นการเพ้อที่ไร้ประโยชน์ชะมัด..

[รู้ แต่ฉันอยากจะพูด]

"ยังไงก็เถอะนะ...ถ้าพี่พูดมา คนที่ทำให้เกิดเรื่องทั้งหมดคือพวกรุ่นก่อนที่ไม่รู้แก่ตายกันไปแล้วรึยัง ประตูโลกวิญญาณก็เปิดตั้งแต่ตอนนั้น มิสึกิไปไหนไม่ได้เลยดูดชีวิตชาวบ้านให้ตัวเองยังมีชีวิต และอาจจะอยากมีชีวิต? แบบนี้มันไม่เรียกว่าไม่ตั้งใจแล้ว" ฉันจิกกัด

"เพื่ออะไร? เหงา? อาฆาต? บ้าไปแล้ว?"

คำตอบของพี่มีแค่เสียงหัวเราะ

[ถ้าทำได้ก็ไม่มีใครที่อยากที่จะตายหรอกนะโคฮาคุ]

[ไม่ว่าจะเป็นใคร ก็อยากที่จะมีชีวิตกันทุกคนนั่นแหละ]

[ทั้งคนที่อยู่ และคนที่จากไป]

[ฉันรู้ว่าห้องของนายกำลังเจอกับความเครียดและกดดัน คำสาปนี้เป็นจริงไหมไม่มีใครรู้ แต่ฉันฟันธงได้เลยว่าถ้าคนในห้องตายไปขนาดนั้นยังไงซะทุกคนก็ต้องเชื่ออยู่แล้ว และถ้าเรื่องที่นายเล่าเรื่องขุดดินวันก่อนให้ฟังเป็นความจริง ก็แสดงว่าทุกคนกำลังพยายามหาทางแก้คำสาปอย่างแข็งขันเลยละ]

พี่พูดถูก ฉันสัมผัสได้.. ไม่มีใครที่อยากตาย พวกเขาพยายามดิ้นรนกันอยู่ทุกวิถีทาง

[เออ ก่อนจะวางสาย...]

นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไปจริงๆ

"อะไรเหรอ?"

[ระวังตัวให้ดีละ]

"อือ เข้าใจแล้ว" ฉันตอบรับส่งๆไป แต่พี่ชายทำเสียงนิ่งตอบกลับมา มันทำให้ฉันเผลอรู้สึกจริงจังตามไปด้วย

[คนที่สิ้นหวังจะมีความเชื่อที่แรงกล้ากว่าคนทั่วไป คนพวกนี้น่ะอันตราย ถ้าเห็นใครที่เชื่อเรื่องพวกนี้หนักๆก็อย่าไปเข้าใกล้นักละ นี่ถือเป็นคำเตือนจากพี่นะ]

ฉันหลับตาลง "ครับ..."

[แต่ก็นั่นแหละ!]

[อย่าตายเพราะอาถรรพ์ละ ฮะๆๆๆๆ ☆ヽ(゚∀゚)ノ☆ !!!]

-ปิ๊บ-


"...."

ฉันก้มมองสายที่ถูกตัดไปแล้วอยากจะปามือถือทิ้ง ถ้าไม่ติดว่าคงหาซื้อใหม่ไม่ได้เพราะไม่มีเงินพอจะมาเสียกับอะไรแบบนี้ฉันคงจะปามันอัดกำแพงไปแล้ว



"....ไอ้พี่บ้าเอ๊ย!!!!"












---------------------------------------------------------------

Talk...

- พยายามจะเครียดแล้ว....ตอนแต่ง พยายามแล้ว จน....สำนึกได้ว่าไม่ควรเอาเคย์จัง(พี่ชายโคฮาคุ)ใส่ลงมาด้วย เพราะมันเป็นตัวคิล!! /ปิดหน้าร้องไห้หนักมาก
- พี่ชายเคยเป็นอดีตนร.ที่นี่ละ แต่คนละห้อง ปัจจุบันลาออกไปทำงานซักแห่ง
- คนอื่นเขาอัพกันดราม่ามากมาย นี่เรามาเขียนสิ่งนี้ขึ้นมาทำไมกัน
- /ปิดหน้า




No comments:

Post a Comment