Saturday, November 4, 2017

[DnD] Till death do us part




หากเจ้ายิ้ม...ข้าเองก็จักยิ้มไปด้วยกันกับเจ้า...

หากเจ้าร่ำไห้..ข้าเองก็จักร่ำไห้ไปพร้อมกันกับเจ้า...

สำหรับข้า..เจ้าคือความสุขทั้งหมดที่ข้ามี

และสำหรับเจ้า..ข้าเองก็คาดหวังให้มันจักเป็นเช่นเดียวกัน..


คงเป็นเพราะพวกเราทั้งสองได้ถือกำเนิดขึ้นมาพร้อมกัน และอาจจะเพราะอย่างนั้นพวกเราจึงรู้สึกผูกพันธ์กันมากยิ่งกว่าผู้ใด....


ตั้งแต่ข้าจำความได้นั้น..

ไม่ว่าข้าจักไปอยู่ที่ใด ที่นั่นก็จำเป็นต้องมีเจ้า และไม่ว่าเจ้าจักไปอยู่ที่ใด ที่นั่นก็จำเป็นต้องมีข้า


พวกเราทั้งสองอยู่เคียงคู่กันเสมอ ข้างกายของพวกเราไม่เคยมีผู้ใดนอกเหนือไปจากนี้ และคงเพราะอย่างนั้นพวกเราจึงหาได้เคยแยกห่างจากกันไปไหนดั่งเช่นที่พวกเราได้เคยเอ่ยคำสาบานไว้..


...ว่าเราจะรักและหวงแหนเพียงแค่กันและกันนับแต่บัดนี้และตลอดไป...

ไม่ว่าในอนาคต ชีวิตและโชคชะตาของพวกเราจักหันเหกันไปในทิศทางไหน ไม่ว่าในเวลานั้นพวกเราจะร่ำรวยหรือยากจน จะเข้มแข็งหรือป่วยไข้ ..พวกเราจะจงรักและภักดีเพียงแค่กันและกันแต่เพียงเท่านั้น..

พวกเราจักเคารพต่อกันและไม่เอ่ยคำลวงหลอกแก่กัน..

จะมีแค่กันและกันเท่านั้นที่สำคัญ และจะไม่มีวันหันหลังหนีไปไหน

ตราบจนกว่าชีวิตของข้าหรือเจ้าจักหาไม่...จนกว่าความตายจะพรากเราจากกัน...

ตราบจนกว่าจะถึงเวลานั้นพวกเราจักอยู่เคียงคู่กัน...จับมือกันและกันและจะไม่มีวันทอดทิ้งผู้ใด..



ข้าจักรักเจ้า รักเจ้ายิ่งกว่าใคร รักเจ้ามากและจักไม่หันไปมองผู้ใด... เพราะเจ้าคือผู้ที่สำคัญที่สุดสำหรับข้า...เพราะเจ้าคือหัวใจดวงเดียวที่ข้ามี...



และเพราะอย่างนั้นเมื่อเจ้าเอ่ยคำร้องขอหนึ่งต่อข้า ข้าจึงไม่อาจจะปฏิเสธมันได้....

เจ้าที่ร่ำไห้ราวกับจะขาดใจ เจ้าที่ในตอนนี้ช่างดูน่าอดสูเสียยิ่งกว่าใคร.....

...เจ้าที่ข้ารัก...เจ้าที่เป็นดั่งดวงใจ.....


...เพียงเพื่อความต้องการนั้นของเจ้า.. เพียงเพื่อความรู้สึกที่มืดบอดนั้นของเจ้า...


หากมันจักเป็นความต้องการของเจ้า มันก็จักเป็นความต้องการของข้าเช่นกัน...และเพราะอย่างนั้น...ข้าจึงจักยอมที่จะร่วงหล่นเพื่อให้น้ำตาของของเจ้าที่ข้ารักนั้นสิ้นสุดไป....




..เพียงให้รอยยิ้มของเจ้าจักหวนคืนมา...เพียงแค่นั้น....เท่านั้นก็เพียงพอ....

ให้เจ้าที่แสนงดงามได้แย้มยิ้มอีกซักครั้ง...

ให้เราได้จับมือกันและกัน...ออกเดินทางท่ามกลางแสงจันทร์ และอยู่ด้วยกันดั่งเช่นที่เคย..




Monday, September 25, 2017

[FE] [01]



          “เจ้าเกิดมาเพื่อบอร์บอค”

          นั่นคือคำที่มารดาของข้าพร่ำบอกและสั่งสอนอยู่เสมอตั้งแต่ข้านั้นจำความได้ นางมันจะกล่าวกับข้าด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยแต่น้ำเสียงนั้นกลับเต็มไปด้วยพลัง และทุกครั้งข้าก็จะทำเพียงค่อมศีรษะลง และน้อบรับอย่างเชื่อฟังเพียงเท่านั้น


          “เพื่อเป็นอัศวิน เพื่อรักษาเกียรติยศของตระกูลเราไว้”

“เพราะอย่างนั้น..”



“จงอย่าทำให้พวกเราเสียชื่อเป็นอันขาดบุตรของข้า”


“จงอย่าทำให้ชื่อเสียงของพวกเราต้องด่างพร้อยเป็นอันขาด”


          คำพูดซ้ำๆนั้นถูกกรอกหูตั้งแต่เกิดขึ้นมา ตั้งแต่ยังไม่รู้จักการก้าวเดิน ตั้งแต่ดวงตายังไม่อาจเปิดมองโลกใบนี้ได้อย่างเต็มที่…

แต่ข้าก็ได้เข้าใจว่าทำไมข้าถึงถือกำเนิดขึ้นมา ข้ายอมรับมัน ข้าเชื่อฟังคำสั่งสอนของนางเสมอ
ในฐานะบุตรชายคนแรกของท่านพ่อและท่านแม่ ตำแหน่งของข้าจึงไม่อาจสั่นคลอนได้.. สิ่งที่ข้ารู้ดีมาตลอด และไม่ว่าจะต้องทำสิ่งใดข้าก็จำต้องคิดถึงคำพูดของนางเป็นอย่างแรกเสมอ
ทุกวัน ทุกวัน.. ข้านั้นจะได้รับการสั่งสอนถึงบทบาทของข้า ถึงหน้าที่ของข้า ถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้าจำเป็นต้องเรียนรู้ ต้องเข้าใจ และต้องเป็นให้ได้มากกว่าที่เด็กผู้ชายคนอื่นเป็น

ข้าต้องหนักแน่น...
ต้องมั่นคง...
ต้องซื่อสัตย์...
ต้องไม่ทำอะไรที่คิดว่าจะทำไม่ได้...
ต้องไม่ทำอะไรที่ดูน่าขบขันและขาดเขลา…

เพราะอย่างนั้น..ไม่ว่าจะทำอะไรข้าจึงต้องคิดให้ดี คิดให้เร็ว และคิดให้ถี่ท้วน ข้าต้องห้ามคิดช้าจนเกินไปจนดูงุ่มง่าม ห้ามคิดช้าเกินไปจนพลาดทุกสิ่งอย่าง ห้ามคิดช้าเกินไป...จนพลาดโอกาสทั้งหมดที่อยู่ตรงหน้า
ข้าต้องแข็งแกร่ง ต้องไม่ใจอ่อน และต้องเด็ดขาดเมื่อถึงเวลาที่จำเป็น ต่อให้เป็นคนสนิทมากแค่ไหน แต่หากถึงเวลานั้นแล้วก็จงอย่าเอนอ่อนโอนเอียงไปเพียงเพราะพวกเรารู้จักกันมากกว่าคนอื่น

..จงเป็นกลางให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นตัวเราจะกลายเป็นผู้ที่ไม่ได้ความไปเสีย..
ข้าต้องห้ามโลเล ห้ามหวาดกลัว...ไม่ว่าจะเผชิญหน้ากับเรื่องใดก็ห้ามหลบสายตา ต้องเชิดหน้ากับมันอย่างอาจหาญ และยอมรับเมื่อทำผิดพลาดไป

เพราะอย่างนั้นข้าต้องเอาชนะความกลัวทั้งหมดให้ได้ เพราะข้าไม่ได้รับอนุญาตให้หวาดกลัว..


หากศัตรูแข็งแกร่งมากเกินไปข้าก็จงตั้งรับละก้าวถอย.. อย่าบุกไปเพราะคิดว่าตนนั้นแน่ และจงระวังทุกทิศทาง

หากศัตรูมีมากเกินไปก็จงห้ามสู้เพียงลำพัง ต้องคิดและวางแผนให้ดี... เพราะต่อให้เก่งแค่ไหน แต่น้ำน้อยย่อมแพ้ไฟเสมอ

หากไม่รู้จักศัตรูมากพอ จงอย่าหันหลังให้ศัตรูผู้นั้น… หรือต่อให้รู้จักอยู่แล้วก็ไม่ควรกระทำการที่ขาดเขลาเช่นนั้นเด็กขาด จงอย่าทำให้เสียชื่อเสียงของพวกเราอัศวินแห่งบอร์บอค

หากศัตรูนั้นไม่มีวี่แววจะยอมจำนนแม้จนตรอกแล้วนั้น...ก็จงเคารพในความเด็ดเดี่ยว และกำจัดเขาทิ้งเสียเพื่อรักษาเกียรติของเขาเอาไว้ จงพยายามจัดการให้ได้ในทีเดียว อย่าทำให้เขาทรมานมากจนเกินไป แต่ก็ห้ามปล่อยให้เขานั้นได้มีชีวิตต่ออีกเช่นกัน


และเมื่อข้าโตมากขึ้น ข้าก็ได้รับการสอนสั่งเพิ่มมากขึ้นไปตามไปด้วย

ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงแค่รับฟังจากท่านแม่ แต่เป็นการรับฟังจากท่านอาจารย์ที่เพิ่มเข้ามา...มันเหนื่อย...มันหนัก..

แต่ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้หยุดพักแต่เพียงเท่านี้

จงฆ่าเมื่อจำเป็นต้องฆ่า
จงอ่อนโยนเมื่อจำเป็นต้องทำ
จงสุภาพกับผู้คนที่รายล้อม
จงไม่แสดงออกจนเกินงาม

จงมีสติในทุกสถานการณ์
ไม่ควรทำเสียงดังโหวกเหวกเหมือนพวกชั้นล่าง
ต้องมีเหตุมีผลทุกครั้งที่กระทำสิ่งใดเสมอ
ต้องห้ามลืมมารยาทที่ถูกพร่ำสอนไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหน
ต้องให้เกียรติสตรีไม่ว่าจะอยู่ที่ใด แต่หากเป็นในสนามรบนั้นก็จงห้ามเห็นใจเป็นอันขาด
กฎทั้งหมดของอัศวินข้าต้องจำให้ได้
และกฎทั้งหมดของประเทศนั้น ข้าก็ห้ามลืมเป็นอันขาด
ข้าต้องท่องกฎให้ท่านแม่รับฟัง ทุกเช้าก่อนทานอาหาร ทุกคืนก่อนเข้านอน และหากท่องผิดพลาดหรือตกหล่น ข้าก็ต้องคัดกฎทั้งหมดจนกว่าท่านแม่จะพึงพอใจ
และหากข้าทำผิดกฎเสียเอง ก็ต้องได้รับการลงโทษอย่างไม่มีผ่อนปรนเป็นอันขาด

เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น การฝึกฝนก็เริ่มหนักขึ้นไป... เหนื่อยแทบขาดใจ แต่ไม่อาจจะโต้แย้งใดๆได้เลย

“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อบอร์บอค”

“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพวกเราเอง”
ข้าต้องเรียนรู้การพูดคุย ต้องเจรจาให้ได้ในทุกสถานการณ์
ในงานใหญ่นั้นต้องเต้นให้เป็น และห้ามปล่อยให้สตรีมาชักชวนก่อน

เมื่อรับประทานอาหาร มารยาททุกอย่าง ตำแหน่งของช้อนส้อมจานชาม ต้องจำให้หมด
ต้องเดินหลังตรง ห้ามห่อไหล่ ห้ามก้มหลัง ห้ามลากเท้า
ศีรษะต้องยกขึ้น ห้ามก้มมองต่ำไป ห้ามเงยมองสูงไป
สายตามองตรงไปข้างหน้า แม้เสวนากับใครก็จงมองตาให้มั่น ไม่ควรเป็นฝ่ายหลบตาเสียเอง
จงวางท่าทางให้น่าเกรงขาม แต่จงอย่ามากจนเกินไปจนผู้อื่นอึดอัด
ทำตัวให้พึ่งพาได้ ห้ามแสดงออกถึงความไม่ประสี และห้ามดีแต่พูด
จงยิ้มเมื่อจำเป็น ไม่ยิ้มบ่อยเกินไป ไม่ยิ้มน้อยเกินไป และอย่างยิ้มอย่างไร้สาเหตุ
ไม่ควรแสดงอารมณ์มากเกินไป อย่าให้ใครได้ล่วงรู้ความคิด และอย่าแสดงออกโจ่งแจ้ง
หากได้รับคำสั่งจงทำให้สำเร็จลุล่วง ห้ามผลัดมัน ห้ามละทิ้ง
จงเคารพทุกผู้คน จงไม่ลืมที่จะศึกษา จงไขว่คว้าหาความรู้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
จงไม่ลืมบุญคุณคน จงตอบแทนเมื่อถึงคราว แต่จงอย่าตอบรับก่อนรู้ว่าเขานั้นต้องการอะไร

ต้องดูแลอาวุธและชุดเกราะอย่างดีเท่าชีวิต ต้องไม่ละเลยเพราะมันเป็นเพียงสิ่งของเป็นอันขาด
...
...
และอีกมากมายหลายสิบหลายร้อยอย่างที่ต้องจดจำ
ทั้งหมดนี้ข้าต้องจำให้ดี และต้องทำให้ได้ หากท่านแม่หรือท่านอาจารย์กล่าวถาม ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดก็ต้องตอบคำถามให้ได้
ข้าต้องทำให้ได้ทุกสิ่ง...
เพราะข้าเป็นบุตรชายคนโต...
เพราะข้าคืออัศวิน...
ข้าเป็นหน้าตา ข้าเป็นทุกอย่าง.. ข้าไม่ควรด่างพร้อย ไม่ควรผิดพลาด...
เพื่อราชวงศ์ เพื่อประชาชน เพื่อครอบครัว เพื่อมิตรสหาย...
ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหนก็ห้ามท้อ ห้ามบ่น
ไม่ว่าจะทรมานแค่ไหนก็ห้ามปล่อยมือจากอาวุธคู่กาย ห้ามเสียน้ำตา ห้ามแสดงความอ่อนแอ
ต่อให้บาดเจ็บจนเสียแขนซักข้าง หรือเจ็บจนยืนไม่ไหว...หากยังมีลมหายใจ หากยังลุกได้ก็จงลุกให้ได้
ต่อให้เลือดไหลจนหมดตัวหรือเหลืออยู่เป็นคนสุดท้าย ก็ห้ามหนีออกจากสนามรบเป็นอันขาดหากไม่มีคำสั่ง
ข้าจะล้มไม่ได้ ข้าจะหนีไม่ได้
...ข้าต้องเป็นหอก เป็นโล่....
เป็นความภาคภูมิใจของท่านแม่ ...ของวงศ์ตระกูล...
ข้าต้องเป็นทุกสิ่ง ข้าต้องเป็นทุกอย่าง ข้าต้องทำเพื่อทุกสิ่งทุกอย่าง…

เพื่อพวกเขาข้าต้องแข็งแกร่ง…


เพื่อพวกเขาข้าต้องอดทน….



เพราะข้าคืออัศวิน มีหน้าที่ปกป้องผู้คนของข้า...






“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อพวกเรา...บุตรแห่งข้า”


“ทั้งหมดนี้ก็เพื่อบอร์บอค”


“จงจำเอาไว้ว่าอย่าทำให้พวกเราเสื่อมเสีย”


“จงจำเอาไว้บุตรแห่งข้า”



“จงจำเอาไว้ให้ดี..ว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นหาใช่เพื่อตัวของเจ้าเอง”













...เพื่อทุกสิ่งข้าต้องอดทด…




...เพื่อทุกอย่างข้าต้องไม่ย่อท้อ…




...เพื่อผู้คน..ข้าต้องเข้มแข็ง…





...เพื่อพวกเขาข้าต้องไม่หนี...







...แล้วหากเพื่อตัวของข้านั้นเล่า…






...ข้าควรจะต้องทำสิ่งใด...





[LCVN] Event 01 - [xx/xx/xx]


[xx/xx/xx]
วันนี้ก็ควรจะเหมือนกับทุกๆวัน นั่นคือสิ่งที่ผมคิด แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือเส้นทางการขนส่งเลือดจากธนาคารเลือดมาที่โรงเรียนได้ถูกปิดล้อมเพราะกลุ่มกบฏ ทำให้พวกเราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าเมื่อไหร่กันที่เส้นทางจะเปิดอีกครั้ง อาจจะอีกไม่กี่วัน สัปดาห์ หรือเดือน แต่สิ่งที่ผมสามารถทราบได้แน่นอนนั้นคือความโกลาหลที่กลังจะเกิดขึ้นตามมา
แวมไพร์ไม่ใช่มนุษย์ พวกเราดื่มเลือดเป็นอาหารเท่านั้น เพราะอย่างนั้นจากนี้ไปทุกคนคงเริ่มหิวกระหายกันมากขึ้น – นั่นหมายถึงมนุษย์ทุกคนจะเริ่มตกอยู่ในอันตราย ในเมื่ออัตตราของแวมไพร์กับมนุษย์ต่างกันมาก การแย่งชิงเลือดคงเกิดขึ้นในเร็ววัน
          แล้วผมก็ได้ค้นพบความผิดพลาดของตัวเองวันนี้เช่นกัน เพราะถุงเลือดสำรองที่ผมเก็บไว้นั้นเหลือแค่สอง เรียกว่าเป็นความสัพเพร่าที่ไม่น่าให้อภัยเอาเสียเลย จำนวนของมันพออิ่มแค่เพียงไม่กี่มื้อ ต่อให้จะประหยัดแค่ไหนมันก็คงไม่เพียงพออยู่ดี ผมควรจะเริ่มคำนวณให้ดี

[xx/xx/xx]
เลือดสำรองที่มีเก็บไว้เหลือแค่ถุงสุดท้าย ทั้งที่พยายามทานให้น้อยที่สุดแท้ๆ ความต้องการเริ่มสวนทางกับสิ่งที่มียิ่งไปกว่าเดิมซะอีก มันทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเหลือเกิน แต่ถุงสุดท้ายที่เหลืออยู่ ผมควรจะเก็บมันเอาไว้ก่อนเผื่อยามฉุกเฉิน
ในตอนนี้ผมเริ่มคิดแล้วว่าตัวเองควรจะพาทาสมาที่โรงเรียนให้มากกว่านี้หน่อย แต่จะมาคิดได้ก็สายเกินไป ในตอนนี้ผมมีแค่คีธเท่านั้น ผมคงต้องพยายามทานเลือดของเขาให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้
ไม่สบอารมณ์เอาซะเลย

[xx/xx/xx]
คีธไม่สามารถตอบสนองผมได้อีกต่อไปแล้ว เลือดของเขาไม่เพียงพอต่อความต้องการของผม ความหิวของผมเพิ่มมากขึ้นแต่เขายังคงผลิตเลือดได้ในจำนวนเท่าเดิม ถ้าผมยังฝืนเขาต่อไปผมคงจะเสียแหล่งอาหารที่มีอยู่ไปแน่ๆ
สุดท้ายก่อนที่เขาจะล้มป่วยเขาก็ชิงบอกผมก่อนว่าจากนี้ไปตัวเขาก็คงจะให้เลือดของผมไม่ไหวอีกแล้ว นั่นเป็นสิ่งที่ผมชอบในตัวของเขา เมื่อรู้ว่าไม่ไหวก็พูดออกมาตรงๆ ผมก็เลยต้องเว้นระยะห่างออกมาตามมารยาท และถ้าผมเผลอฆ่าเขาทิ้งผมก็คงจะไม่มีแหล่งอาหารของตัวเองไปอีกพักใหญ่ เพราะอย่างนั้นจากนี้ไปจนกว่าเขาจะอาการดีขึ้นผมคงต้องควบคุมตัวเองให้ได้




[xx/xx/xx]
          ผมมองตามคอของคนที่เดินผ่านไปมา ทั้งมนุษย์และแวมไพร์ด้วยกัน บางคนยังดูสุขภาพดี และบางคนก็เริ่มอิดโรย ไม่ว่าจะสิ่งมีชีวิตไหนหากให้มากเกินไป หรือขาดมากเกินไป ก็ยากที่จะคงสภาพของตัวเองได้
          แต่ในขณะเดียวกันกลิ่นของเลือดเองก็ตลบอบอวลไปทั่ว นั่นทำให้ผมรู้สึกเครียดมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก ความเย้ายวนของอาหารโดยที่ไม่ได้สัมผัส ทรมานกว่าที่ผมคิดเอาไว้
          แต่ถึงความกระหายของผมจะเพิ่มมากขึ้นและมากขึ้นแต่ผมก็คิดว่าผมยังทนมันได้อยู่ ถึงแม้ว่ามือของผมเริ่มที่จะสั่นขึ้นมาบ้างแล้วก็ตาม

[xx/xx/xx]
          วันนี้ผมได้รับรู้ว่าเลือดของตัวเองไม่สามารถทำให้ตัวเองอิ่มท้องได้ ไม่ว่าจะกัดตัวเองไปซักกี่ครั้งก็ตามที จะมีก็แค่ความหิวที่เพิ่มขึ้นมา
          บางทีผมอาจจะเผลอทำร้ายตัวเองขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจแล้วก็ได้ ยังดีที่แผลเป็นของพวกเราหายเร็วกว่ามนุษย์ – ถึงผมจะคิดว่ามันดูช้าลงกว่าปกติก็ตามที

[xx/xx/xx]
          นอนไม่หลับ
          ความหิวทำให้ผมลืมตามองเพดานตลอดวัน เวลานี้ข้างนอกคงเป็นช่วงเที่ยงแล้ว เสียงนกร้องช่างแสบแก้วหู แต่ถึงอย่างนั้นพวกมันก็ช่างน่าเอ็นดู
          แต่ตัวเดียวนี่..ยังไงก็ไม่อิ่มท้องเลยจริงๆ

[xx/xx/xx]
          วันนี้ผมหยุดเรียน

ไม่ต้องออกจากห้องเลยดีไหมนะ



[xx/xx/xx](ตัวอักษรไม่เป็นระเบียบ มือผู้เขียนสั่นมาก)
คลื่นไส้ และอาเจียน วันนี้ไม่ใช่วันที่ดีเอาเสียเลย
เลือดสำรองถุงสุดท้ายที่เหลืออยู่แค่อึกเดียว ทำให้ความหิวมากขึ้นจนอยากจะหัวเราะ กัดตัวเองอีกครั้ง...ยังคงไม่ช่วยอะไร
มือสั่นไปหมด สั่นมากกว่าเดิม

นอนซักหน่อยก็แล้วกัน
[xx/xx/xx]
          (รอยขีดยาวๆ พร้อมหน้ากระดาษที่ขาดไป)














---------------------------------------------------------------------------------------------------------

[Note]

  • สรุปว่าตอนนี้หิวหนักมาก ใกล้ตายแล้ว HP ขึ้นตัวแดง กระพริบรัวๆ
  • ผลของการไม่ว่างและลืมโคก็เป็นเช่นนี้แหละ
  • บัยมิไฮ บัย
  • ปัจจุบันได้วิเวียนแบ่งถุงเลือดให้แล้ว ก็จะเริ่มออกจากห้องแล้ว
  • แต่ช่วงนี้จะค่อนข้างหงุดหงิดง่ายเพราะหิว