Wednesday, May 25, 2016

[NR] Laily McCall








ชื่อ-นามสกุล: ไลลี่ย์ แม็คคอลล์ (Laily McCall)

อายุ: 29
วันเกิด: 14/1
เพศ: หญิง

เชื้อชาติ: อเมริกา(พ่อ) - ฝรั่งเศส(แม่)
สัญชาติ: อเมริกา

ส่วนสูง/น้ำหนัก: 171ซม. 62กก.

สีผม/สีตา: น้ำตาลแดง (แต่จะย้อมผมบ่อยในกรณีพบสีที่ถูกใจในช่วงนั้นๆ) / ฟ้า

สิ่งที่ชอบ: ฝน, หิมะ, กระจกสี, ธรรมชาติ, การท่องเที่ยว, เรื่องท้าทาย, การทำอาหาร, การทานอาหาร, การออกกำลัง, กีฬาผาดโผน, สัตว์, การใช้ชีวิต, การทดลองสิ่งใหม่ๆ, รวมๆก็คือ..โลกใบนี้ (...)

สิ่งที่เกลียด: เชื้อรา, เสื้อผ้าที่อับชื้น, สิ่งที่มารบกวนในวันหยุด, การถูกหักเงินเดือน, สิ่งที่รบกวนเวลานอน(โดยเฉพาะเวลาที่กำลังฝันดี)

สิ่งที่หวาดกลัว: ที่แคบปิดทึบ (ex. ลิฟท์)

งานอดิเรก: ทำขนม/อาหาร, คิดเมนูใหม่ๆ, ออกกำลังกายแบบต่างๆ, ท่องเที่ยว, ทดลองทำสิ่งใหม่ๆ

นิสัย: เป็นคนขี้เล่น, มองโลกแง่บวก, ไม่ใช่คนคิดมาก, โกรธยากแต่โกรธแรงโมโหแรง หายยาก, เป็นคนสบายๆ, ไม่ใช่คนรีบร้อน, มักคิดก่อนทำ, ซน, ชอบแหย่

ประวัติ:
ไลลี่ย์ แม็คคอล เป็นลูกสาวคนรองของบ้านแม็คคอลล์ มีพี่ชายฝาแฝด(ล็อคแลน) และน้องสาว(แอนนาเบล) อย่างละหนึ่ง พ่อแม่ของพวกเขาไม่ได้เลิกกัน แต่แยกกันอยู่เพราะใช้ชีวิตกันคนละสไตล์ แต่ก็ติดต่อกันอยู่เป็นประจำ

แม่ของเธอเป็นเชฟปาติซิเยร์ ทำงานอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอเมริกา
ในขณะที่พ่อของเธอทำงานด้านสารคดีสัตว์ป่า เขามักจะออกเดินทางไปตามที่ต่างๆอยู่เป็นประจำ ทำให้หลังจากไลลี่ย์และล็อคแลนด์ขึ้นชั้นประถมปลายก็ลาออกจากโรงเรียนและใช้วิธีเรียนแบบโฮมสคูลนับแต่นั้น ติดตามพ่อและคณะไปตามที่ต่างๆทั่วโลก...

ไลลี่ย์นั้นมีความสนใจด้านการทำอาหารเหมือนแม่ โดยส่วนมากแล้วก็มักจะเป็นผู้ช่วยของแม่เสมอเวลาที่อยู่บ้าน เพราะอย่างนั้นพออายุถึงช่วงหนึ่ง เธอก็กลับมาสอบเทียบ และเริ่มต้นเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนทำอาหาร ที่นั่นเธอได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารประเภทต่างๆนอกจากการทำของหวาน ส่วนในวันหยุดเธอก็ลงเรียนคอร์สการทำขนมและอาหารทั้งคาวหวานเพิ่มตามที่หาเรียนได้และเวลาว่างจะอำนวย

เมื่อเรียนจบจากอเมริกา ไลลี่ย์ก็บินไปเรียนต่อด้านการทำขนมที่ฝรั่งเศส ส่วนในช่วงวันหยุด หากทำได้(และมีเวลา+เงินเก็บที่มากพอ)เธอก็จะบินไปช่วยงานพ่อถ่ายทำสารคดีและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ต่างๆ

หลังจบจากฝรั่งเศสก็เข้าฝึกงานที่ร้านอาหารของคนรู้จักของแม่อยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะกลับมาอเมริกาและทำงานที่โรงแรมเดียวกับแม่อีกหลายปี

มาปักหลักอยู่ที่อิตาลี่หลังมาเยี่ยมน้องสาว(ที่แต่งงานกับชายอิตาลี่และอยู่กินที่นี่) รเพราะรู้ว่าตัวเองควรจะเปลี่ยนบรรยากาศซักทีจึงย้ายมาอิตาลี่และเริ่มทำงานที่อิตาลี่นับแต่นั้น…


อื่น ๆ:
- ชีวิตแฮปปี้มีความสุข
- พี่ชายโยนลูกชายวัย 9ปีมาให้ช่วยเลี้ยง
- น้องสาวมีลูกสาววัย 6ขวบอีกหนึ่งคน
- เพราะอย่างนั้นวันดีคืนดีอาจจะได้เห็นเด็กๆผ่านๆมาบ้างก็ได้(?)
- ขับมอเตอร์ไซมาทำงานทุกวัน
- เช่าห้องใต้หลังคาของบ้านน้องสาวอยู่ จึงไม่มีปัญหาเรื่องค่าเช่านอกจากการหารค่าน้ำและไฟ

- ทำอาหารได้ทั้งคาวและหวาน


Twitter: @nr_Laily_




Sunday, May 1, 2016

051. [EBW][Fic] Niveus Letum .1 2011.12.02

เป็นส่วนนึงของกิจกรรมเน้
 
 
 
------------------------------------------------------------

 
ฟิคนี้เป็นฟิคที่ ก่อนนอเทิลไลท์จะกลายมาเป็นแวมไพร์ครับ บางคนที่เคยคุยด้วยแล้วก็อาจจะพอรู้มาบ้างว่าเธอคนนี้เคยเป็นคนก่อนที่จะเป็นแวมไพร์ และนี่คือจุดสิ้นสุดของการเริ่มต้นเรื่องราวทั้งหมดครับ
 
 
 
------------------------------------------------------------

 
 [ Niveus Letum .1]

   ท่ามกลางเปลวไฟที่โหมกระหน่ำย้อมให้ท้องฟ้าเป็นสีแดงเลือด ร่างสูงสง่าสีดำท่ามกลางซากศพมากมายกลับเป็นสิ่งที่แปลกแยก อย่างน้อยๆเขาก็เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนภาพขาวดำอันโดดเด่นบนพื้นกระดาษสีแดงสด เป็นจุดเล็กๆแสนสงบที่ถูกบังคับให้โดดขึ้นมาจากหายนะรอบด้าน หากมองไกลๆแล้วก็คงไม่ต่างอะไรจากจุดดับบนดวงอาทิตย์ เป็นสีดำมืดเพียงหยดเดียวที่เปลวไฟไม่กล้ากร้ำกลาย อาจเพียงเพราะความมืดที่อยู่รอบตัว หรืออาจเพราะหิมะขาวที่ตกลงมานั้นขวางกั้น แต่ไม่ว่าจะเพราะสิ่งไหน ความมืดนี่จะไม่มีวันถูกดูดกลืนอย่างแน่นอน

   แบล็คสเปส เดอ แบล็ค กำลังมองร่างที่นอนหอบอยู่ตรงปลายเท้าด้วยรอยยิ้มกับแววตาที่ไม่การเปลี่ยนแปลง เอาตามตรงแล้วเขามองเห็นชีวิตมากมายทั้ง เกิด แก่ เจ็บ ตายมามกมายจนนับไม่ท่วน ไม่ต่างจากสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับเด็กสาวตรงหน้า เพราะอย่างนั้นคำว่าสงสารหรือเห็นใจมันจึงไม่มีทางหลุดออกมาจากปากเขาเป็นแน่

   ในตอนแรกนั้นเขาไม่คิดจะใส่ใจร่างเล็กๆนี้ด้วยซ้ำ แต่สุดท้ายแล้วเขาก็จำต้องอยู่ดูวาระสุดท้ายของสิ่งที่เขาเลี้ยงมากับมืออย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อชิฟ..เจ้าแมวดำตัวดีแสนรักของตนนั้นไม่ยอมไปไหนจนกว่าจุดสิ้นสุดของเธอคนนี้จะมาถึง

   เขาเอียงคอ จ้องลึกลงไปในดวงตาสีผืนน้ำที่สั่นไหวนั่นด้วยดวงตาเฉยชา ก่อนล้วงมือไปหยิบขนมยัดเข้าปากอย่างที่เคย หลาวเหล็กแหลมที่เสียบทะลุปอดทำให้เด็กสาวหายใจไม่ถนัด พอเขาลองขยับมันไปมาราวกับเล่นสนุก เธอก็กรีดร้อง หอบ และไอออกมาไม่หยุดพร้อมกับเลือดที่ยิ่งหลั่งไหลอย่างทรมาน น้ำตาที่ไหลอาบหน้าเป็นทางนั้นหยดลงบนพื้นหิมะ แต่สุดท้ายก็โดดดูดกลืนหายไปกับสีแดงที่เจิ่งนอง

   ร่างบนพื้นไม่สามารถขยับเขยื้อนไปไหนได้มีแต่จะโดนกลบฝังอยู่ใต้หิมะเพียงเท่านั้น ต่อให้เลือดในกายนั้นอบอุ่นมากเพียงใด หากแต่สุดท้ายแล้วมันย่อมกลับมาเย็นชืดอย่างรวดเร็วอยู่ดี

   และแทนที่จะรีบช่วยหญิงสาวตัวน้อย ชายหนุ่มกลับเลือกที่จะยืนนิ่งๆแล้วกวาดตาไปรอบๆ มองร่างของเหล่านักล่าที่ร้องครางด้วยความเจ็บปวดและทรมาน เขาหัวเราะคิกเบาๆเหมือนเด็กๆ ก่อนจะระเบิดหัวเราะลั่นราวกับได้พบเจอเรื่องที่ตลกที่สุดในชีวิต หัวเราะจนตัวงอและลงไปนั่งกุมท้องเหมือนคนเสียสติท่ามกลางสายตาเคียดแค้นกับเสียงก่นด่าสาปแช่ง และคำสบถมากมายค่อยๆหายไปกับความมืดสีดำและเปลวไฟที่ลุกลาม

   แบล็คสเปสเหยียดยิ้มน้อยๆ เขามีความสุขเหลือเกินเวลาได้เห็นความพินาศที่ตัวเองก่อ มันช่างงดงามและสนุกสนานเสียจริง...

   ในขณะที่เขาเริ่มคิดโน่นคิดนี่ เสียงเล็กๆของคนที่ไม่น่าจะมีความอดทนต่อบาดแผลมากมายจนถึงตอนนี้ก็เรียกให้เขาก้มลงมอง เด็กสาวในชุดขาวที่โดนย้อมด้วยสีแดงนอนนิ่งอยู่แทบเท้าไม่ต่างจากตัวหนอนไร้ค่าที่ทำอะไรไม่ได้...อ่อนแอ..และเปราะบาง... หกคิดจะปลิดชีวิตน้อยๆนี้ย่อมทำได้ง่ายพอๆกับเด็ดใบไม้ออกจากขั้ว แต่ยังหรอก.. เขายังไม่คิดที่จะทำ...

   “ท..ท่านพี่...” เสียงแผ่วเบาเอ่ยพร้อมลมหายใจที่ขาดช่วง เขายิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนและตั้งใจฟังในสิ่งที่เธอพยายามจะเอ่ย แต่คนกล่าวเรียกนั้นรู้ดีอยู่เต็มอก ว่าไม่ว่ารอยยิ้มนั้นจะมีเมตตาถึงเพียงใด หากแต่ดวงตาดำมืดของคนตรงหน้าเธอก็ไม่เคยฉายความจริงใจให้เธอเลยแม้เพียงซักครั้ง..

   เธอเป็นเพียงตัวฆ่าเวลา..เขาบอกเธอเช่นนั้นเสมอ..




   “ห..นู...จะตาย....ใช่ไห..ม....ค่ะ.....”

   “ใช่”

   ตอบอย่างไม่ต้องคิดก่อนยัดมาชเมลโลเข้าปากตัวเอง แบล็คสเปสนั่งเท้าคางในท่านั่งยองๆ เขาไล่มือไปตามดวงหน้าขาว ลากให้โลหิตสีสวยได้อาบย้อมผิวขาวให้มากกว่าที่เป็น

   “เจ้าจะตายอย่างทรมาน ยามที่หายใจไม่ออกเจ้าจะรู้สึกถึงหัวใจที่ถูกบีบรัดทีละน้อย และความตายที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาอย่างช้าๆ.. บางทีเจ้าอาจจะเสียเลือดหมดตัว หรืออาจเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว หากไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะโดนเผาจากไฟที่ลามเข้ามา หรือบางทีเจ้าอาจจะแข็งตายเพราะความเย็นของหิมะที่กำลังกัดกินเจ้าอย่างช้าๆ” ว่าแล้วก็ม้วนเรือนผมยาวสีดำอ่อนนุ่มนั่นเล่นไปมา

   “แต่ไม่ว่าจะวิธีไหนและใช้เวลามากน้อยเพียงใด ไม่ว่าเช่นไรเจ้าก็ต้องตายอยู่ดี”

   ชายหนุ่มเอียงคอด้วยรอยยิ้ม เกลี่ยน้ำตาที่หลั่งรินลงมาราวเล่นกับน้ำค้างบนยอดหญ้ายามย่ำเช้าอย่างเบามือ “ไม่อยากตายขนาดนั้นเลยสินะ” เขาหัวเราะน้อยๆ หากแต่แววตาน้นกลับเริ่มหมดความสนใจ “นั่นสินะ มันก็เป็นธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้ว คงไม่เว้นแม้แต่เจ้าที่ข้าเฝ้าเลี้ยงดูมา.......”

   “.....ไม่...ใ..ช่ค่ะ..” พูดขัดได้เท่านั้นก็กระอักเอาลิ่มเลือดออกมาอีกระรอกใหญ่ ดวงตาที่เริ่มเหม่อลอยนั้นมองเห็นเพียงสีดำที่มืดบอด...ในความมืดที่เธอมองเห็น เธอกลับรู้สึกถึงตัวเขาได้ดียิ่งกว่าใคร ในความตายที่เด่นชัด....เธอรู้สึกว่าเขาอยู่ที่นั่น ตรงนั้น.. อยู่ในความตายที่เธอกำลังจะเผชิญ

   แบล็คสเปส เดอ แบล็ค... ผู้ชายที่เก็บเธอมาเป็นเหมือนความตาย เป็นคนตายที่ยังมีชีวิต และใช้ชีวิตอยู่ในความมืดนิจนิรันดร์

   เขาเป็นผู้ที่สูบเลือดแทนการกินอาหาร เขาเป็นชายผู้ไม่มีเงาในกระจก.. เขาเป็นเจ้าของดวงตาและรอยยิ้มที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เหมือนกับหน้ากากของปิเอโร่ในโรงละคร..

   เธอพยายามจะอ้าปาก ในตอนนี้เพียงแค่มองหน้าเขาเธอก็มองไม่เห็น เธอเป็นเพียงแค่เด็กมนุษย์ที่อ่อนแอและบอบบาง ยังไงเสียก็ต้องตายอยู่ดี แต่กับไม่ใช่กับเขา..

   “หนู..แค่...แค่ไม่อยาก...ให้..............ไ..ม่อย...าก...ให้...ท่า..นพี่.....”

   พยายามจะเอ่ยคำสุดท้ายด้วยพลังสุดท้ายของตัวเอง.... เจ็บ...เจ็บ..


   ไม่ไหวแล้ว....แต่ขอร้องละ... 


   แวมไพร์ยันตัวลุกขึ้นยืน เขาหมุนตัวหันหลังกลับเมื่อเห็นมนุษย์สาวแน่นิ่งไปด้วยดวงตาเบิกโพลงที่ไร้แวว น้ำตาหยดสุดท้ายหยดลงบนพื้นและซึมหายไป.. แวบหนึ่งนั้นที่หัวใจของเธอหยุดนิ่ง แต่แล้วมันก็กลับมาเต้นอีกครั้งด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่พยายามจะไขว่คว้ายื้อเอาชีวิตของตนให้ยืดออกไป

   แบล็คสเปสหันกลับมามอง เขาเลิกคิ้วเพียงชั่วครู่ก่อนเหยียดยิ้มถูกใจยามเห็นเธอคนนี้ พยายามที่จะจับชายกางเกงของผู้ที่กำลังจะจากไปด้วนแรงเพียงน้อยนิด.. หากสะบัดขาออก...เรื่องก็จะจบ แต่เขายังไม่ทำมันก็เพียงเท่านั้น


   ขอเพียงแค่คำสุดท้าย.....อีกซักครั้ง... 




   “ต้อ..งอยู่..เ.พีย...งลำพัง............”






....กับการเดินทางอันไร้ที่สิ้นสุดโดยไม่เคยมีผู้ใดอยู่เคียงข้างกาย....






[TBC.]
 
 
 
-------------------------------------------
 
 
   Niveus Letum.1 หรือก็คือตอนที่1 นั่นเองครับ ส่วนนี่คือประวัติของ แบล็คสเปส สำหรับคนที่ยังไม่เคยอ่านกันน่ะน้าา
 
 
    Niveus Letum เป็นภาษาละตินทั้งคู่ โดน  Niveus หมายถึงหิมะ และ Letum นี่คือตายนะครับ...จากที่หาๆมา ก็ไม่รู้ว่ามันจะถูกหรือผิดประการใดกับการเรียงไวยกรณ์... แต่ก็เอาเถอะนะครับ  /กุมขมับ
 
 
   ยังไงก็ช่วยติตาม และติชมด้วยนะคร๊าบบบบบ ขอบคุรมากครับ! /โค้ง
 
 
นอเทิลลลลลลลลลล อ๊าาาาาาาาาาาา อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา เธอช่างน่าร๊ากกกกกกก
ชอบภาษาอาจารย์มากครับ ภาษาสวยมากก ชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบ โฮๆๆ
แบล็คน่ารักจริง //กุมหน้า ถ้าพี่น้องบ้านนี้จะน่ารักกันขนาดนี้...... 
#4By KsNight on 2011-12-04 21:40
กี๊ซซซซ ชอบบบ ติดตามอ่านต่อปายยย cry
#3By BloodyPena :: Through Ages on 2011-12-04 01:06
นอเทิล สุดยอด TvT
แต่ที่สุดยอดกว่าก็โมน่ะนะ แต่งเก่งมาก
อ่านแล้วอึดอัด จะตายตามนอเทิลไป ;A;
นอเทิลเป็นสาวใจดีอ่อนโยนจริงๆ ท่ามกลางหิมะและเปลวไฟ...
ยังรู้สึกถึงความอบอุ่นอ่อนโยนที่ใกล้มอดไหม้ของนอเทิลอยู่เลย

แบล็คแม่ม...เย็นชาจริง แต่ชอบฟ่ะ *ปิดหน้า*
#2By Takkaew on 2011-12-03 02:19
นอเทิลลลลล ;;A;;
ฮือออออออออออ นอเทิลลล นอเทิลเด็กดีอ้ะะะะะะะะะะะะ นอเทิลลลลลลลลลลลลลลลล ฉันรักนอเทิลลลลลลลลลลลลลลลล ฉันอยากรออ่านต่ออออออออออออออ /ร้องไห้แงๆ
#1By ไทโย on 2011-12-03 01:51

050. [EED]การบ้านวิชาศาสตร์เวทย์มนตร์พื้นฐานครั้งที่1 [Lyden] 2011.11.28

กิจกรรมนี้เป็นส่วนนึงของ
 
 
 
 
 
 
ปล. ขออภัยที่มีแต่เวิร์ด.........ข้าขี้เกียจจริงๆ /กราบทุกคน #โดนตบ
 
 
อันนี้เป็นการบ้านของ ไลเดน นะครับ
 

ครั้งนี้ก็ Text จ๋าอีกแล้ว แถวยาวฟรืดๆอีก...อืม..... ; w ; ขอโทษนะครับที่อาจจะทำให้ไม่อยากออ่านกัน แต่ผมก็พยายามเต็มที่เลยนะครับ
 
 
#ก๊อปจากอันที่แล้วชัดๆ
 
 
------------------------------------------------------------------------------------------------------
 
 
 
 
 
  ฉันมองถุงที่ได้รับมาอย่างชั่งใจ..จะเอายังไงดีนะ...ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกแย่จริงๆค่ะ เพราะฉันรู้ว่าสิ่งที่ออกมาต้องเป็นพวกพี่ๆแน่ๆ.. เพราะฉันคิดว่าสิ่งที่ฉันกลัวที่สุดคือพวกพี่ๆค่ะ แต่ถ้าไม่ทำก็จะไม่ได้คะแนนนี่สิค่ะ

   ยิ่งคิดสมองฉันก็เริ่มไม่แล่น ฉันรู้สึกเย็นวาบที่สันหลังราวกับว่าสิ่งที่เรียกออกมาจะสามารถทำให้ฉันตายทั้งเป็น.. ฉันรู้ว่าตัวฉันอาจจะคิดมาจนเกินไป แต่หากพูดถึงจิตใต้สำนึก ฉันก็มักนึกถึงแต่เรื่องที่ฉันกลัว...

   .....ไม่นะ...มันต้องไม่ใช่ ไม่ใช่แบบนั้น.... ฉันรู้สึกได้ถึงมือที่เย็นเฉียบของตัวเอง


   พี่ค่ะ...หนูไม่ได้ตั้งใจนะค่ะ....

   ...เพราะหนูเองก็ไม่ได้อยากให้จิตใต้สำนึกของหนูเป็นพวกพี่ๆหรอกนะค่ะ......

   หลังจากนั่งมองถุงในมือมาพักใหญ่ ฉันก็รวบรวมความกล้า สูดหายใจลึกๆและยกคทาขึ้น..

   “ไลเดน มือเธอสั่นจังเลย ไม่เป็นไรนะ..” เสียงที่ยิ่งทำให้มือฉันเย็นเฉียบเป็นของรูมเมทฉันเองค่ะ.. ฉ..ฉันรู้ว่ามือของฉันสั่น แต่ว่า...แต่ว่า.... อย่าทักฉันได้ไหมค่ะ!

   ฉันค่อยๆหันไปมองเพื่อนร่วมห้องทั้งสองที่นั่งให้กำลังใจฉัน.. ดีใจนะค่ะ... แต่ว่า แต่ว่าถ้าออกมาเป็นพี่ๆจริงๆละ ไม่นะ แบบนั้นเพื่อนๆขอฉันต้องแย่แน่ๆเลยค่ะ.. ฉันจะทำยังไงดี...

   ...ถึงจะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ในหลายๆเรื่องก็เถอะนะ.....



. . . . . . . . . . . . . . . . . . .



   ดวงตาสีฟ้าใสจ้องอย่างหวาดหวั่นไปที่ผงซึ่งถูกแบ่งส่วนเป็นสาม หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนดึงเส้นผมสีทองสลวยองตนออกมา ไลเดนเม้มปาก..

   ....จะทำยังไงดี...

   ยิ่งคิดมากก็ยิ่งวิตกมาก...มากจนตัวเองชักรู้สึกว่าวิตกจริตจนเกินไป...

   แต่จะไม่ให้ระแวงกับพี่ชายที่จับเธอมัดกับที่นอนแล้วให้ม้าเดินลากไปเรื่อยๆ กับเอาเธอไปแขวนบนต้นไม้จนข้ามวันมันก็คงทำไม่ได้...

   ..แล้ว.. แล้วฉันจะคิดเรื่องนั้นทำไมค่ะเนี่ย...!...

   “ไลเดน” ไลริก้ามองตาแป๋ว ในขณะที่ฟีลก็มองอย่างให้กำลังใจ..

   “ฉัน..ฉันจะพยายามค่ะ..”


   ....อา.....ตอบออกไปได้น่าเศร้าสิ้นดี....

   คทาไม้ในมือถูกกำแน่นขณะพยายามรวบรวมสมาธิอีกครั้ง เธอโบกไม้เบาๆก่อนที่สติจะเริ่มกระเจิงไปมากกว่านี้ แต่สิ่งที่ร่วงลงมากลับเป็น.....

   “ว๊าย.......!!!”

   หญิงสาวสะดุ้งเฮือกเมื่อธนูสองดอกร่วงลงมาจากที่ไหนซักแห่งด้วยความเร็วราวกับเพิ่งปล่อยออกจากคันศร มันปักอยู่ด้านหน้าไม่ห่างนัก แต่ก็แรงจนหัวธนูปักลงไปบนพื้นจนเกือบมิด.. ถ้าเมื่อครู่เธอเยื้องตัวออกมาอีกนิด....

   ...คิดแล้วยิ่งทำให้ท้องไส้ปั่นป่วนหนักกว่าเดิมจนรู้สึกแย่.....


   “ไม่เป็นไรนะไลเดน” ไลริก้ากระโดดเข้ามาหาเพื่อนสาวที่ส่ายหน้าสั่นๆ ในขณะที่ฟีลดึงธนูทั้งสองดอกขึ้นจากพื้น  ไลริก้าตาวาววับ “น...นี่มัน *[]* ...จดหมายรักย้อนยุค!?”

   ...คิดว่าไม่ใช่นะ....

   สองรูมเมทมองหญิงสาวหัวชมพูที่กระโดดดึ๋งๆเข้ามาหยิบลูกธนูนั่นไปดูเล่นด้วยความรู้สึกที่ไม่สามารถสื่อออกมาเป็นคำพูดได้..

   เธออ่านข้อความโย้เย้ที่ถูกเขียนตรงตัวก้านด้วยหินดำที่เหมือนจะพยายามบรรจงเขียน แต่เพราะตัวก้านค่อนข้างเล็ก ส่วนที่เป็นตัวหนังสือบางตัวจึงค่อนข้างโย้เย้ แต่ก็ใช่ว่าจะอ่านไม่ออก

   “Sylvester Eriga Ximenes กับ.. Lantern Zachary Ximenes..” ดวงหน้าหวานเอียงคอ ก่อนจะหันไปมองผู้อัญเชิญ “นามสกุลเดียวกับไลเดนเลยนี่นา!!”

   ซิลเวสเตอร์ เอริเก้ ซิเมเนส.... กับ แลนเทิร์น ซาชารี่ ซิเมเนส...

   ไลเดนขยับตัว ขอธนูมาจากไลริก้า.. และนั่นทำให้เธอได้เห็นเลือดสีแดงสดที่หัวธนู ดวงตาสีท้องฟ้ามองปลายคมกริบที่ยังสะท้อนแสงวาววับอย่างไม่เข้าใจ.. ภาพของพี่ชายสองคนที่มักเด่นชัด บัดนี้กับดูลางเลือนเหมือนกลุ่มควัน


“อย่ามายุ่งนะไอ้ตัวเกะกะ!!!”


   เพียงแวบเดียวที่เหมือนจะนึกออก...แต่ก็ไม่..ยังไม่ครบ..

   แต่เพราะความรู้สึกนั้นทำให้เธอเลือกที่จะลองใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้เธอจะตั้งสมาธิให้ดี...เธอพยายามจะคิด แต่ใจกลับวอกแวกอยู่ดี...ไม่รู้ว่าทำไมถึงรู้สึกอยากจะทำต่อ...



“พวกเราไม่เห็นจะอยากได้เลย.. น้องสาวบ้าบออะไรนั่นน่ะ!!”


   ทั้งๆที่....

   ไลเดนก้มลงหยิบผ้าพันแผลที่เต็มไปด้วยเลือดบนพื้น... ปกติแล้วเธอไม่ใช่คนเก่งเวทย์..ดาบก็ไม่เอาไหน จะมีก็เพียงแค่ธนูที่ชนเผ่าเร่ร่อนอย่างเธอนั้นต้องใช้ให้เป็น.. เพราะอย่านั้น แค่ใช้พลังติดกันสองครั้งก็รู้สึกได้ถึงความอ่อนล้าที่ถ่าโถม แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ....


   โดยไม่สนใจต่อคำห้ามปรามของเพื่อนสาวทั้งสอง หัวคทาก็สว่างเรื่ออีกครั้งก่อนที่ทุกสิ่งทุกอย่างจะดับลงพร้อมร่างบางที่ทรุดลงไปกับพื้น

   ฟีลตรงเข้าไปประคองคนที่ขยับตัวไม่ไหวเพราะใช้พลังจนเกินตัว ในขณะที่ไลริก้าก้มลงหยิบตุ๊กตาผ้าสามตัวบนพื้นห้อง.. ดวงตาสีทองมองตุ๊กตาผ้าปุปะเก่าๆที่ดูไร้ราคาก่อนจะสะดุดตากับลายปักที่ปักเป็นชื่อเอาไว้ แต่ยังไม่ทันที่จะเอ่ยถามอะไร ไลเดนก็ผลอยหลับไปเป็นที่เรียบร้อย เดือดร้อนให้ทั้งสองต้องช่วยกันพยุงร่างที่เหนื่อยจนหลับกลับขึ้นไปวางบนเตียงนุ่ม

   ตุ๊กตา ผ้าพันแผล และธนู ถูกวางลงบนโต๊ะก่อนไฟในห้องนอนจะดับลง..


. . . . . . . . .


. . . . . . .



. . . . .


. .

.

.



   “พวกเราไม่เห็นจะอยากได้เลย..น้องสาวอะไรนั่นน่ะ!!”

   เสียงตะโกนประสานดังขึ้นในกระโจมใหญ่จากเด็กหนุ่มสองคนที่ยืนกอดอกอย่างหงุดหงิด ดวงตาสีฟ้าสด และแดงทับทิมนั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจ

   “ยัยเด็กนั่นน่ะเรื่องมากจะตาย ตัวก็เล็กยังจะมาขอตามไปด้วยอีก แบบนั้นน่ะไม่เอาด้วยหรอกนะครับ มันน่ารำคาญ”

   “ใช่ๆ..อย่างที่เอริเก้พูดนั่นแหละ แถมยังขี้แยอีก พวกเราจะไปล่าสัตว์ทีนึงทำตัวเกะกะชะมัดเลย”

   แลนเทิร์นเอ่ยเห็นด้วยกับพี่ชายคนโต เด็กหนุ่มทั้งสองมีน้องสาวที่ห่างกันเกือบห้าปีก็แย่พออยู่แล้ว ยังต้องโดนคนเป็นแม่สั่งให้ช่วยดูแลน้องสาวอีก.. พวกเขาสองคนอายุสิบห้าและสิบหก อยู่ในวัยที่บ้าพอจะทำเรื่องต่างๆด้วยตัวเอง ทั้งปั่นหัวผู้คน ล่าสัตว์ และสำรวจทุ่งกว้าง ชีวิตอยู่ในวัยที่ต้องการสำรวจและต่อสู้ อยู่ในวัยที่ไร้กฏเกณฑ์ใดๆ

   แต่แล้วราวกับฟ้าผ่า..

   หญิงสาวผู้เป็นมารดา ต้องมาสั่งให้พวกเขาดูแลน้องสาววัยสิบปีที่พวกตนไม่เคยคิดว่าต้องโดนโยนภาระใส่ แน่นอนว่าผู้เป้นแม่จัดการโอนสิทธิ์ทุกอย่างในการดูแลให้พวกเขาทั้งสองโดยที่เธอจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวใดทั้งสิ้น....แค่คิดก็เครียดแล้วจริงๆ

   และเพราะไลเดนในตอนนั้นเป็นเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อายุขนาดนี่ พวกเขาจึงไม่สามารถผลักไสเธอให้ออกไปจากชีวิตโดยการโยนไปให้คนอื่นเลี้ยงดูได้เลย....และนั่นยิ่งทำให้พวกเขาอึดอัด


   “ก็เพราะพวกลูกไม่เคยสนใจน้องสาวเลยไม่ใช่เหรอ” เซฟีน่าผู้เป็นมารดาปักผ้าเงียบๆต่อไปโดยไม่สนใจคำท้วงของลูกชายทั้งสอง “แม่ก็แค่อยากให้พวกลูกสนิทกับน้องก็เท่านั้น.. ทาเลียเป็นน้องของพวกลูกนะ ซาช่า..เอริ..”

   “แม่อย่าเรียกชื่อย่อได้ไหม...” แลนเทิร์นเบ้ปาก ไม่ต่างอะไรจากซิลเวสเตอร์ที่ถอนใจยาว..

   เพราะสำหรับเผ่าแล้ว ชื่อกลางนั้นเป็นชื่อจริงๆที่จะสงวนให้คนพิเศษที่สุดและคนในครอบครัวเรียกได้เท่านั้น พวกเขาทุกคนเลยต้องมีชื่อกลางไว้ แต่การที่ทั้งสองค่อนข้างรับไม่ได้นิดๆ คือการที่คนเป็นแม่เรียกชื่อย่อจนเหมือนผู้หญิงแบบนี้...

   “จะยังไงก็ช่างเถอะครับ..” ซิลเวสเตอร์ขัดขึ้นก่อนที่เรื่องจะเริ่มออกนอกประเด็น “พวกเราขอคืน พวกเราไม่อยากดูแลทาเลีย”

   “ผมก็ไม่” แลนเทิร์นยักไหล่ “ผมกับเอริเก้น่ะ..”


“ไม่อยากได้น้องสาวมาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ” 


   ตุบ..!

   ดวงหน้าคมของสองหนุ่มหันขวับไปตามเสีย..ที่หน้ากระโจมนั้นร่างเล็กๆในชุดประจำเผ่ายืนนิ่งด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้ บนพื้นมีตุ๊กตาผ้าสองตัวที่เพิ่งเย็นเสร็จนอนนิ่ง

   “.....ขอโทษค่ะ...” เสียงสั่นๆเอ่ยทั้งที่ไม่รู้ว่าจะพูดออกไปทำไม ก่อนที่จะวิ่งหนีออกไปจากตรงนั้น.....

   “เห็นไหม อะไรๆก็วิ่งหนี อะไรๆก็ร้องไห้” แลนเทิร์นบ่น เขาส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ

   ซิลเวสเตอร์ถอนใจ “อ่อนแอเจ้าน้ำตาแบบนั้นน่ะ ปล่อยไปเถอะ”
 
   ดวงตาสองคู่เหลือบสบตากันเงียบๆ ก่อนจะถอนใจยาว แลนเทิร์นก้มลงเก็บตุ๊กตาผ้าที่ปักเป็นรูปพวกตน โยนให้พี่ชายคนโตไปให้มารดาที่มองเด็กทั้งสองด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร...

   “เป็นเด็กที่น่ารำคาญจริงๆ..”

   “เพราะแบบนี้ไงฉันถึงไม่อยากได้น้องสาว”

   ......ปล่อยไปเถอะ................เนอะ...?









   ฮึก...อึก...ฮึก.....

   เสียงสะอื้นเล็กๆของเด็กตัวน้อยๆที่เดินไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย แต่กว่าจะรู้สึกตัวก็หลงมาที่ไหนแล้วก็ไม่รู้ รอบตัวไม่มีใคร เป็นทุ่งหญ้าที่สู้จนมิดหัว...เพราะวิ่งหนีออกมาแบบไม่ดูทาง สุดท้ายก็หลงมาที่ไหนก็ไม่อาจรู้ได้...

   “...ที่นี่...ที่ไหนกันน่ะ” มองซ้ายขวาก็เจอแต่หญ้าที่สูงจนมองไม่เห็นทางที่มา แต่พอคิดว่าควรจะต้องรีบกลับก็สายเกินไป เมื่อก้าวขาของตนนั้นเหยียบลงบนขอบผาที่ถูกปกคลุมด้วยหญ้าจนมองไม่เห็น..

   “เอ๊ะ....ว๊าย..!”

   ......ส่งผลให้ร่างเล็กๆกลิ้งตกลงจากเนินเตี๊ยๆเข้าไปในชายป่าด้านล่างอย่างไม่ทันตั้งตัว





   “เจ็บ...เจ็บ...ฮึก..” ไลเดนพยายามปาดน้ำตาที่อาบหน้า แผลถลอกเต็มตัวจากการไหลกลิ้งลงมาแสบไปหมด และยิ่งพอมองรอบๆก็เจอต้นไม้ที่ไม่เคยพบมาก่อน พอหันหลังมองกลับเพราะคิดจะปีนขึ้นไป ทางที่มาก็สูงเกินกว่าเด็กสิบขวบคนนึงจะกลับขึ้นไปได้..

   “ช...ช่วยด้วย..! แม่ค่ะ..!” ไลเดนร้องเรียกเสียงสั่นเครือ “พี่...ค่ะ...!!”

   ...แม้แต่เสียงร้องยังไปไม่ถึงเลยเหรอ....

   จากที่เอาแต่นั่งร้องไห้ เด็กน้อยก็ลุกขึ้นมาและพยายามหาทางออกจากป่า...อีกไม่นานฟ้าก็คงมืด ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนั้นมันจะยิ่งอันตราย...ยิ่งอยู่ในป่าประหลาดแบบนี้ การเอาแต่นั่งร้องไห้มันดูช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะแบบนั้นเธอต้องเข้มแข็งละหาทางออกไปจาก..

   ที่นี่............

   ไลเดนยืนค้าง ดวงตาเบิกกว้างขึ้นกับสิ่งที่เห็นตรงหน้าหลังจากเดินมาพักใหญ่

   เธอเห็นดอกไม้.....ดอกไม้สีแดงสดที่สูงใหญ่...กำลัง..............กลืนกวางลงไปทั้งตัว

   แต่ยังไม่ทันจะหมุนตัวหันหลังเดินไปอีกทางและทำเหมือนว่าตนนั้นตาฝาด เสียงโครมครามก็ดังขึ้นเรียกความสนใจแบบเด็กๆให้เธอยืนมอง ดอกไม้ปีศาจถูกกระชากขาดเป็นชิ้นๆ กวางที่ถูกกลืนกินโดนย่อยจนเละไปกว่าครึ่ง และตรงหน้า....คือหมียักษ์ที่สูงเกือบสามเมตร ฟันคมกริบนั้นเยิ้มไปด้วยน้ำลายและเลือด.... มันกำลังถลึงตามองเธออย่างหิวกระหาย


   จากความรู้ที่ผ่านมา...สิ่งมีชีวิตตรงหน้าของเธอคือหมียักษ์ที่กำลังหิวจัด และมันกำลังเห็นเธอเป็นอาหาร...






   แฮ่ก...แฮ่ก..... 

   วิ่ง...วันนี้เธอวิ่งมาเท่าไหร่กันนะ.....

   ไลเดนถามตัวเองอย่างนั้นตอนที่วิ่งอย่างไม่คิดชีวิต... และสุดท้ายมันก็จบลงกับการโทษตัวเองที่เสียใจจนวิ่งหนีออกมาจากกระโจมแบบนั้น...เธอผิดเอง ผิด....


“ผมกับเอริเก้น่ะ ไม่อยากได้น้องสาวมาตั้งแต่ต้นด้วยซ้ำ” 


   คำๆนั้นยังดังก้องอยู่ในหัว...มันทำให้ขอบตาที่แดงกำเริ่มร้อนขึ้นอีกครั้ง..แต่ยังไม่มีอะไรไหลออกมา นอกจากหัวใจที่ถูกบีบรัดมากขึ้น ความจริงแล้วถ้าเธอหายไปอาจจะดีกว่า แต่เธอยังไม่อยากตาย....ไม่อยากตาย...!!

   “พี่ค่ะ...พี่ช่วยด้วย!” ตะโกนร้องออกมาทั้งที่รู้ว่าสองคนนั้นคงไม่มีทางมาแน่ๆ..

   “พี่ซาช่า..! พี่เอริ..! ช่วย...ช่วยหนูด้วย!!!” แต่ก็ยังอยากจะเชื่อ.....จะเชื่อว่าพี่ชายจะต้องมา...

   แต่จะหาเธอเจอได้ยังไง.....

   ความหวังของเธอเกือบจะวูบดับ...






   ฟ้าเริ่มมืด และเธอก็เหนื่อยจนวิ่งไม่ไหว ต้องล้มลุกคลุกคลาน โดนกิ่งไม้เกี่ยวเป็นทางยาว และเกือบโดนจับกินตั้งไม่รู้กี่ครั้ง แต่ก็ต้องขอบคุณที่สวรรค์สร้างให้เธอนั้นโตช้า เพราแบบนั้นตัวที่เล็กและผอมบางจึงหลบหนีผ่านที่แคบๆได้อย่างสบายๆ ต่างจากเจ้าหมีใหญ่ที่สูงใหญ่เทอะทะ..แต่กลับมีแรงพอจะโค่นต้นไม้ทั้งต้น

   แต่ถ้าโดนตะปบทีเดียว เธอคิดว่าตัวเธอคงขาดออกเป็นชิ้นๆ และนั่นช่างไม่ใช่จุดจบที่ไม่สวยเอาซะเลย ไลเดนอยากจะร้องดังๆ เธอไม่ควรออกมาเลย...ไม่ควรเลยจริงๆ..







   ...ตันแล้ว...



   ใช่....ไม่มีทางไปต่ออีกแล้วหลังจากที่ตรงหน้าเธอนั้นเป็นผาหินสูงขึ้นไป มันทำตัวเหมือนกำแพงที่ตีกรอบล้อมตัวเธอเอาไว้จนหาทางหนีไม่ได้.. เจ้าหมียักษ์เมื่อเห็นว่าเหยื่อลงไปนั่งทรุดกับพื้นอย่างหมดหวัง มันก็ค่อยๆตรงเข้ามาอย่างเชื่องช้าราวกับกำลังเล่นสนุก ต่างจากเหยื่อที่นั่งน้ำตาอาบน้ำด้วยหัวใจที่เต้นรัว
   “....พี่ค่ะ......ช่วยด้วย…………”

   หลุดคำสุดท้ายออกมาอย่างหวาดกลัว.. เด็กหญิงถีบตัวเองจนแนบไปกับกำแพงหินและพยายามทำตัวให้เล็กที่สุด เธอปิดตาแน่นเมื่อเจ้าหมียักษ์ย่อตัวลงมา..เตรียมใจไว้แล้วว่ายังไงก็คงตายแน่ๆ

   แต่แล้วมันก็กรีดร้อง คำรามก้องอย่างเจ็บปวดเมื่อคมจากดาบชั้นดีเจาะลงมาจากด้านหลัง หมียักษ์เหวี่ยงตัวไปมาอย่างบ้าคลั่ง พยายามสะบัดร่างที่บิดดาบและกดลึกลงไปในตัวมัน กรงเล็บกวาดไปทั่วด้วยความเจ็บปวด ตวัดห่างจากศีรษะไลเดนไปนิดเดียว..

   ผาหินเหนือหัวเธอถูกขูดออกง่ายๆเหมือนดินน้ำมันด้วยกรงเล็บใหญ่... ไลเดนกลืนน้ำลาย...


   “พี่เอริ...!!” เธอร้องหลังเห็นผู้ที่ช่วยเธอไว้โดนเหวี่ยงลงไปกลิ้งอยู่กับพื้น แต่ซิลเวสเตอร์ยังไม่มีเวลาจะมาสนใจ เขากลิ้งหลบกรงเล็บที่ฟาดเข้ามาไม่ยั้งอย่างทุลักทุเล ด้วยเพราะร่างกายระบมจากการกะรแทกพื้นโครมใหญ่เมื่อครู่

   “เอริเก้..ก้ม!”

   สิ้นเสียงคำสั่ง ธนูยาวก็พุ่งแหวกอากาศไปปักตามร่างใหญ่ยักษ์จากมือของแลนเทิร์นที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก ในขณะที่ซิลเวสเตอร์รีบวิ่งเข้ามา อุ้มไลเดนออกจากจุดอับ.. เขาโยนเธอไปหลังต้นไม้ ก่อนจะกลิ้งหลบฝ่ามือที่ฟาดลงมาอีกครั้ง

   “จุดอ่อนตรงหัว... ซาชารี่!”

   “รู้แล้วนา....”

   “งั้นก็ทำให้มันหยุดเดี่ยวนี้!!”

   คนเป็นน้องชายกัดฟันกรอดกับคำสั่งที่เด็ดขาด เขาพุ่งตัวเข้าหามันอย่างไม่กลัวตาย เรียกเสียงกรี๊ดจากน้องสาวยามกรงเล็บฟาดเฉียดร่างผู้เป็นพี่ แต่นั่นแหละ...ที่เขายอมเสี่ยง..


   "อย่าเข้ามายุ่งนะไอ้ตัวเกะกะ!!!"

   ดาบเล่มหนาถูกดึงออกจากเอว มันตวัดตัดข้อพับของสัตวยักษ์บ้าเลือดด้วยแรงทั้งหมดที่มี แลนเทิร์นรีบพลิกตัวออกจากจุดนั้น เขาคว้ามือซิลเวสเตอร์ที่ช่วยกระชากเขาเต็มแรง.. เป็นเวลาเดียวกับที่หมียักษ์ล้มโครมลงไปอย่างหมดท่า..หากช้ากว่านั้นซักนิด...ร่างทั้งร่างคงโดนฝังอยู่ใต้ตัวมัน


   เสียงคำรามดังก้องไปทั่วป่า สองพี่น้องเหยียดยิ้มอย่างสะใจ.. แต่ยังไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะพักในตอนนี้..มันยังไม่จบ...

   ด้วยความเร็วที่มากกว่า สองร่างปราดเปรียวกระโจนขึ้นไปบนตัวที่เต็มไปด้วยขนหยาบกระด้าง ทั้งคู่กัดฟันทนความเจ็บปวด หยิบอาวุธประจำกายขึ้นมา หัวธนูเหล็กสะท้อนแสงจันทร์แวววาว

   หนึ่งหน้าไม้ หนึ่งธนูยาวถูกจ่อลงบนศีรษะใหญ่ยักษ์..

   “ได้เวลาตายแล้วไอ้สัตว์หน้าขน” ดวงตาสีฟ้าเย็นชาของซิลเวสเตอร์มองมันอย่างเหยียดหยาม

   แลนเทิร์นยิ้มเหยียด เขาง้างคันธนูจนสุดแขน “คนที่จะทำให้ยัยตัวเล็กร้องไห้ได้ มันไม่ใช่แก”


   “แต่เป็นพวกเราเท่านั้น!!”







   หลังจากนั้นพวกเขาสามคนก็จำต้องนอนค้างอยู่ในป่าเพราะมืดเกินกว่าจะหาทางออกไปไหนได้ ซิลเวสเตอร์จัดการแล่เนื้อหมีมาทำอาหารเย็น ในขณะที่แลนเทิร์นจำต้องยอมอยู่นิ่ๆให้ไลเดนได้ทำแผล

   “อย่าร้องได้ไหม... หนวกหูจริงๆเลย” คนเป็นพี่บ่นงึมงำ เขาถอนใจ

   “แต่...แต่ว่า....” เสียงใสสั่นเครือ ไลเดนเม้มปาก พยายามกลั้นน้ำตา และทำแผลด้วยมือที่สั่นเทา “พี่ซาช่า..เจ็บ..”

   “ก็เพราะเธอนั่นแหละ!” เขาโบ๊ยความผิด “วิ่งหนีไปแบบนั้น ดีนะไม่โดนจับกินไปก่อน” และคำพูดนั้นทำให้เด็กน้องสาวสะอึกและก้มหน้าเงียบ ก่อนจะเงยขึ้นมาใหม่เมื่อถูกดึงเข้าไปกอดแน่น

   “นึกว่าจะเป็นอะไรไปแล้วซะอีก...”

   น้ำเสียงที่อ่อนโยน..สัมผัสที่อบอุ่น....

   เธอกอดแลนเทิร์นกลับแน่น และปล่อยโฮออกมาเต็มที่.. ความกลัวทั้งหมดที่สะสมถูกปลดปล่อยออกมาอย่างไม่อายใครอีกแล้ว...

   ซิลเวสเตอร์มองน้องสาว เขาถอนใจแล้วเดินเข้ามาลูบผมเธอแผ่วเบา ก่อนจะโดนรวบกอดไปอีกคน...

   “นี่ยัยเตี๊ย มันเจ็บนะ...อย่ากดแผลสิ!” แลนเทิร์นโวยวาย แต่แล้วก็ต้องถอนใจเมื่อคนที่กอดพวกตนนั้นร้องไห้จนหลับไป แต่ผ่านเรื่องมาทั้งวัน ก็สมควรแล้วที่จะเหนื่อย เขาหันไปมองรอยยิ้มของพี่ชายผมม่วงที่มองมาอย่างเอ็นดูแล้วหลุดยิ้มตอบกลับไป

   “น้องสาวอะไรนั่นไม่อยากได้เลยจริงๆ...ทั้งชอบสร้างปัญหา ทั้งขี้แย แล้วก็อ่อนแอซะขนาดนี้น่ะ”

   “แต่เพราะแบบนั้นล่ะนะ.. ถ้าเราสองคนไม่ดูแล แล้วใครมันจะดู”

   “..ยังไงคนดูมันก็มีกันแค่นี้นี่”

   ...ใครมันจะปกป้องยัยน้องสาวจอมขี้แยของพวกเรากันละ.......


.

.

.

.

.

.

.

.




   ในคืนนั้นเจ้าของเรือนผมสีทองยาวนอนขดตัวอยู่บนเตียงด้วยรอยยิ้มบางๆที่ไร้กังวล.. รอยยิ้มบางๆที่มีความสุข... เธอรู้สึกถึงความอ่อนโยนที่โอบกอดเธอไว้ และฉุดเธอให้จมลงในห้วงแห่งความฝันอันแสนอ่อนโยนอย่างช้าๆ

   ในคืนนั้นเธอฝัน...เห็นทุ่งหญ้าและท้องฟ้าของบ้านเกิด พี่ชายขี้แกล้งสองคนที่ซ้อมธนูอย่างสนุกสนาน กับท่านแม่ที่ทำเพียงเฝ้าดูให้พวกเธอเติบโตขึ้นมา...

   เธอได้ยินเสียงร้องเพลงที่แสนหวานจากบรรดาหญิงชายเผ่า กับเสียงเฮฮาจากบรรดาผู้ชายที่จับกลุ่มอยู่ไม่ไกลนัก...ทุกคนต่างมีรอยยิ้มและเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ...พวกเขามีชีวิตชีวายิ่งกว่าที่ไหน

   นั่นแหละคือความสุขที่สุดของเธอ...








   บนโต๊ะไม้มีธนูเปื้อนเลือดสองดอก..ผ้าพันแผลที่ชุ่มเลือด...กับตุ๊กตาผ้าเก่าๆสามตัวที่ปักชื่อโย้เย้...

   ตัวแรกมีผมสีม่วงกับลูกปัดสีฟ้าใช้แทนตา ตัวต่อมาผมสีทองกับลูกปัดสีแดง....และตัวสุดท้ายที่ดูบิดเบี้ยวที่สุด บ่งบอกถึงฝีมือในการทำที่ไม่ได้เก่งกาจอะไรเลยแม้แต่น้อย...

   เป็นตุ๊กตาผ้าผมสีทองที่มีตาสีฟ้าสดใส...ตุ๊กตาตัวเล็กๆที่บิดเบี้ยว แต่ประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ...





   มันปักคำสั้นๆตรงขอบกระโปรงบาง






   From. Zacha & Eri…..






--------------------------------------------------------

[ยืนยันการบ้าน by รูมเมททั้งสอง]





 ---------------------------------------------------------------------------


......เสร็จ....ไปอีกหนึ่ง....../นอนตายอย่างสงบ


นี่น่ะนั่งแต่งวันนี้เชียวนะ เพราะงั้นพอมาอานทวนอีกทีคำผิดก็เพียบเลยล่ะครับ...นี่ก็พยายามแก้แล้วละครับ.../  ....แล้วจะบอกเขาทำไม...


ตอนของไลเดน... ของที่จะเอาไปให้ ศจ. คือหมดนั่นเลยครับ /ฮา


นี่ก็พยายามแต่งเต็มที่ ยังไงก็ช่วยติชมด้วยนะครับ ส่วนอันนี้ของ คานัน สำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่านนะครับ


ปล. ถ้ามีคำผิดใดก็ต้องขออภัย เพราะความเบลอส่วนตัวครับ...  ; v ;


เพิ่งจะมาเม้น /แย่นัก...

ตอนแรกนึกว่าจะแบดเอนซะแล้ว... //ยัยนี่ก็ติดดราม่าเกินไป...

จบได้อบอุ่นมากเลย... ชอบมากอ่ะ โม่ววว //กอด cry
#12By BloodyPena :: Through Ages on 2011-12-12 13:32
ก่อนจะเม้น.....


/ขอซับน้ำตาก่อน..#ไม่ชั่ย

โอย พี่ชายคะ พี่ๆซึนมากค่ะ
นอกจากจะซึนแล้วยังปากรว้ายอีกด้วยนะ ฮ่าาาา/โดนต่อยดับ
  

น่ารักมากค่ะ ฮือ กระอักออร่าโมเอ้ของพวกพี่น้อง
#11By อา โอ ตั๊น on 2011-12-01 12:33
ฮึกกกกกกกกก โม่วอะ เรื่องครอบครัวอีกแล้ว เราซึ้งนะจะบอกให้ ฮือออออออออ

พี่ชายไลเดนน่ารักกกกกก หนุ่มซึนสินะ XD
ตามประสาคนไม่เคยมีน้องสาวล่ะนะ น่ารักมากกกกกกกกกอ้ะ *กอดขา

ไลเดนคงคิดถึงบ้านมากแน่ๆ เลย ขอให้ได้เจอกันไวๆ นะ


ซึ้งไปนะโม่ว ฮึกกกก *พรากกกก
#10By dearizm on 2011-11-30 21:35
โอ้ยยยยยยยยยย
อา่านแล้วซึ้งงงง ง ง ง ง งงงงงงงงงงงงงงงงงง
      *ร้องห้ายยย * TwT!!
#9By SecretM. on 2011-11-30 19:02
อ่านแล้วน้ำตาซึมค่ะ ; ,,v,, ;
ตอนแรกรู้สึกเหมือนพี่จะไม่รัก แต่ที่ไหนได้................ ; /////// ; bbbbbbbb
#8By Harurin on 2011-11-30 18:48
ฮือออออว์ ซึ้ง TT___TT *ร้องไห้* 
พี่ชายของไลเดนซึนเกินไปแล้วว วว แต่นี่ก็คือความน่ารักของเด็กซึน ๆละน่อ   *ซับเลือด*
#7By - `SJ'YeyEnAn (´ゝз・) on 2011-11-29 23:53
ไลเดนนนนนนนนนนนนน โมเอ้ววววววววววววววว    

น่ารักอ่ะ น่ารักมากอ่ะโม่ว!!! /อีโมหัวใจเลิฟๆ

แลนกะซิลเวสช่างซึนนัก.../มองทั้งสองหนุ่ม แหมๆ~ 
#6By JunE on 2011-11-29 23:24
พี่สาวมีครอบครัวที่น่ารักจังครับ ดีจังเลยเนอะ♥ (เอเลยิ้มตาหยีให้พี่สาว~)

//น่ารักกกกกก ชอบตอนร้องหาพี่ชาย อ๊าาาาาา อ๊าาาาาาาาาา น่ารักกกกกก ไลเดนน่ารักกกกกกกกก
#5By KsNight on 2011-11-29 21:35
ไลริก้า: ไลริก้าว่าพี่ชายของไลเดนซึนมากกว่าที่จะเป็นพวกชอบรังแกนะ :D

สนุกดีคร้าบ น่ารักดีเหมือนกันนะพี่น้องสามคนนี่ confused smile
#4By [v] on 2011-11-29 20:08
อ่านจบแล้ว รู้สึกเศร้าตามเลยล่ะค่ะ*พรากส์* มันเศร้าได้อารมณ์เจงๆ*พรากส์ต่อ*
พี่ชายไลเดนซึน=,.=*นอนตายคากองเลือดที่ออกมา*
#3By -MoMoko- on 2011-11-29 19:25
กรี๊ดดดดดดดดด พี่ชายไลเดนซึนนนนนนนนนนนนนนน/สำลักความโมเอะตายห์/
#2By Kirasagi Nene on 2011-11-29 19:03
ชอบตรงผงชักนำจิตใต้สำนึกน่ะแหละ แต่เราก็หัดเขียนพวกนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีอะไรงี้เหมือนกัน
เมื่อกี้ไม่ได้อ่านนะ แค่หลงเข้ามาดู แหะๆ
#1By dream_magic on 2011-11-29 19:00


049. [Fic SSLC] I Wish, If I Can 2011.11.02

ฟิคนี้แต่งไว้นานแล้วแต่ลืมเอามาลงซักที...

เป็นฟิคของ Saint Seiya ภาค LC นะครับ....

ตอนนี้ไม่ขอกล่าวอะไรมากนะครับเพราะติดสาย(ฮา) เพราะงั้นก็ฝากด้วยละกันนะครับ !!!

-------------------------------------------------------------





....ไฟชีวิตของข้ากำลังจะมอดดับ....

..เปรียบดั่งแมงป่องผู้สูญเสียเหล็กใน..

....อีกไม่นาน..ข้าคงขาดใจ....


..หนาว........หนาวเหลือเกิน.....

.....ก็อยากจะกล่าวเช่นนั้น หากแต่ร่างกายที่ร้อนจนมิอาจทนไหวนี้.....

...กลับร้อนรุ่มจนเจียนตาย....


..ไม่ได้..ข้าพูดไม่ได้..

....ไม่อาจกล่าวได้ว่าความร้อนที่ตนเฝ้าตามหามาตลอดกลับไม่ใช่สิ่งที่ต้องการอย่างแท้จริง....

...เมื่อจากมาจึงได้รู้...

....เมื่อพรากจากกันจึงเข้าใจ....



..ว่าสิ่งที่ข้าต้องการมาตลอด..


....มีเพียงแค่ปลายนิ้วเย็นฉ่ำนั่น....

..ที่ช่วยยืดชีวิต ลดไอร้อนนี้ให้แก่ข้า..




....มันก็เท่านั้นเอง...




..หากข้ายังมีชีวิตที่จะสามารถรักษาต่อไปได้..

..สิ่งที่ข้าจะทำยามมองเห็นเส้นทางแห่งความหวังนั้นคืออะไรกัน..

หากเส้นทางเบื้องหน้าข้าเต็มไปด้วยแสงสว่างอันเปี่ยมล้นไปด้วยความฝัน

...ผู้ที่จะรอคอยข้าอยู่ ณ จุดนั้น....

...จะยังคงเฝ้ารอข้าอยู่หรือไม่...

....แล้วข้า....

....จะสามารถไขว่คว้า....

.....โอบกอดความอ่อนโยนนั้น.....

.....ได้หรือไม่กัน.....


........


...


...



..






[Fin.]





----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ยังคงเปิดรับ FAQ. อยู่นะครับ~~~

ขอบคุณที่อ่านนนะครับ =w= /


ท่านคาร์!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
โฮววววววววววววววววววววววววววว
ท่านคาร์กลับมาก๊อนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
#1By firay on 2011-11-02 20:15