***POINTS FOR USA***
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง.. วันนี้อากาศไม่สู้ดีเอาซะเลย และผมก็ไม่อยากที่จะออกไปไหน น่าแปลกใจนะที่ผมจะตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่แย่แบบนี้ หรือจะให้พูดในอีกความหมาย
ผมไม่ได้รู้สึกแย่ในสิ่งที่เป็นอยู่มากเท่าวันนี้..
บางทีต้นเหตุอาจจะมาจากสายฝนที่ตกพรำ..
ผมมองมันที่ตกกระทบหน้าต่างเป็นเสียงเปาะแปะที่ชวนให้รู้สึกเงียบเหงา.. ผมทิ้งตัวลงบนเตียงอีกครั้ง แล้วมองไปรอบตัวที่ว่างเปล่าและไม่มีใคร..
นานเท่าไหร่แล้วนะ..ที่ในบ้านหลังนี้ไม่มีใครอื่นนอกจากผม..
ผมยันตัวลุกขึ้นเมื่อเห็นว่านอนมาพอแล้ว ได้เวลาออกไปข้างนอกซักที.. ผมยิ้ม..
ผมเดินไปทางหน้าต่าง แล้วรูดม่านเปิดดูท้องฟ้าสีเทาที่ให้ความรู้สึกน่าเศร้า ผมมองมัน แล้วเปิดทิ้งไว้อย่างนั้น ให้แสงที่มีเพียงน้อยนิดได้ส่องผ่านเข้ามาในห้องที่ไม่มีใครอื่น..
ถึงมันจะดูเหงา แต่ก็ดีกว่าขังตัวเองไว้ในความมืดให้นานกว่านี้
เพราะผมไม่ชอบเปิดไฟ มันแสบตาเกินไปในตอนเช้า และมันจะทำให้บรรยากาสในห้องเสียเปล่าๆ ผมเลยแทบไม่เปิดไฟในห้องเลย ผมไม่ชอบแสงของนีออน..
หลังจากเปิดวิทยุให้เสียงดนตรีดังคลอไปกับสายฝน ผมก็เดินไปชงกาแฟ..
รสชาติของมันขม..และผมก็เกลียดมัน
ผมไม่ใช่คนที่ชอบดื่มกาแฟ ผมเกลียดรสชาติของมันมากพอๆกับการที่โดนเกลียดนั่นแหละ
แล้วทำไมผมถึงยังดื่มน่ะเหรอ? เพราะพ่อ แม่ กับวิลเฮมชอบดื่มตอนเช้าน่ะสิ...
วันนี้อาหารก็เป็นออมเล็ตแบบง่ายๆ ประดับตกแต่งด้วยซอสมะเขือเทศเป็นรูปร่างแบบที่วอเรนซ์..น้องชายของผมชอบกินและบีบเล่น..
ออมเล็ตที่ไม่มีผัก กับกาแฟรสขม..
...ไม่เข้ากันเลยซักนิด...
ผมตั้งมันทิ้งไว้แล้วเดินไปล้างหน้าล้างตาก่อนค่อยกลับมากิน
น้ำที่ไหลผ่านมือของผมนั้นเย็นเฉียบ ซึ่งผมก็ไม่ได้สนใจอะไร.. เพราะมันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันอยู่แล้ว..
ก็แค่ถอดเสื้อผ้า แล้วเปิดฝักบัวให้สายน้ำได้สาดเทลงมา..
น้ำเย็นๆนั้นบาดลึก
ผมปล่อยให้มันไหลผ่านร่างกายตั้งแต่หัวลงมา...ไหลเรื่อยมาจนถึงพื้นกระเบื้องสีเข้ม
ผมหลับตาลง..ขณะเงยหน้าขึ้นรับสายน้ำ
...หนาวจัง
หลังแต่งตัวเสร็จผมยืนส่องกระจก..
รอยยิ้มของผมยังเหมือนเดิม ผมหัวเราะเบาๆแล้ววางมือลงบนแผ่นกระจกบานใหญ่
รอยยิ้มนี้เมรินดา..พี่สาวบอกว่าชอบ.. พ่อเองก็บอกให้ยิ้ม..
ผมยิ้ม...
ยิ้มที่กว้างจนตาปิดนั้น ผมมองมัน แล้วลืมตา...มองสีตาในกระจกแล้วปิดตาลงใหม่อีกครั้ง
ผมยิ้มเสมอตามที่ทุกคนบอกให้ยิ้ม และปิดตาไว้แบบนั้นเพราะแม่ไม่ชอบแววตาที่สะท้อนอยู่ของผม
ผมหัวเราะ..
ด้วยเสียงหัวเราะที่ไร้ความหมาย..
ในห้องที่ไม่มีใคร....ไม่มีใคร....
ผมเลยหัวเราะ...เพราะผมไม่ได้ยินเสียงหัวเราะจากใครๆ...
เมื่อเดินไปกดดูที่เครื่องฝากข้อความนั้นก็มีแต่คำพูดเดิมๆ เหมือนกับคำเดิมๆที่เขียนบนจดหมาย..โปสเตอร์ที่ส่งมาให้ก็เขียนด้วยคำที่ไม่ได้แตกต่างกันเลย
เหงาไหม.. สบายดีรึเปล่า.. มีเพื่อนบ้างไหม.. ระวังเป็นไข้ละ.. อย่าไปยุ่งกับพวกไม่ดีนะ..
คิดถึงเสมอ.. อยากเจอจังเลย.. ระวังตัวด้วยนะ.. ทำตัวดีๆละ..
คำพูดเดิมๆที่ต่อให้ไม่ต้องเปิดอ่าน หรือกดฟังก็จำได้ขึ้นใจ แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังอ่าน..และฟัง..
เหมือนคนโง่ที่ทำแต่เรืองเดิมๆซ้ำไปมา.. เรื่องเดิมๆที่ให้ความรู้สึกเหมือนกรอเทปกลับอีกครั้ง
ถ้อยคำเดิมๆที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง...
พวกเขาบอกอยากเจอ..แต่ก็ไม่ยอมกลับมา..
ผมส่ายหน้ากับความคิดที่งี่เง่า แล้วเลิกสนใจมัน
เดินกลับไปกินอาหารของโปรดของน้องชาย ดื่มกาแฟที่พ่อ แม่ กับพี่ชายชอบ และฟังเพลงที่พี่สาวรัก..
ในห้องที่มีแค่เสียงสายฝนและเพลงเบาๆที่เปิดคลอกันไป..
วันนี้ก็เหมือนกับวันอื่นๆ...
ผมล้างจาน แล้วหยิบเสื้อโค๊ทสีส้มขึ้นสวม ก่อนเดินไปคว้าเอาไม้เบสบอลสีแดงขึ้นพาดบ่า
น้ำหนังของมันมีพอสมควร แต่ผมก็ไม่รึ้กอะไรเลยนอกจากความเย็นจากด้ามเหล็กที่ทำให้ผมรู้สึกอ้างว้าง
ผมเดินไปเปิดเพลงที่ไม่ได้ตั้งใจฟัง แล้วใส่รองเท้าคู่โปรดเตรียมออกจากบ้าน
รอยยิ้มของผมยิ้มให้กับบ้านที่ร้างผู้คน
“เค้าไปข้างนอกก่อนนะจ๊ะ แล้วจะกลับมาตอนดึกๆน้า~”
บอกลาด้วยคำพูดจ๊ะจ๋า.. สำเนียงที่พี่สาวชอบใช้..
เมรินดาบอกว่ามันน่ารักดี..
ผมยังคงบอกลาแม้จะไม่มีใครให้ลา..
ทำตามที่แม่สอนไว้เสมอ..
ปิดประตูห้อง ล๊อคให้แน่น แล้วเดินลงลิฟไปเพียงลำพัง
ผมหัวเราะเบาๆขณะประตูเลื่อนค่อยๆปิดลง มองไปทางประตูไม้สีน้ำตาลแล้วยิ้มบางๆ
....วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งวันที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง....
...วันนี้ก็เป็นวันอีกหนึ่งวัน...
....ที่ยังไม่มีใครกลับมา....
[END]
ในเรื่องที่พูดถึงคือมาริคละครับ.. อยู่ในคอนโดที่สมัยก่อนอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ มีพ่อ แม่ พี่ชาย พี่สาว กับน้องชาย.. ซึ่งตอนนี้ไม่มีใครอีกแล้ว
พ่อเป็นทูต หย่ากับแม่ที่เป็นนักธุรกิจเมื่อนานมาแล้ว.. พี่สาว(เมรินดา)กับน้องชาย(วอเรนซ์) อยู่กับแม่
ส่วนมาริค กับพี่ชาย(วิลเฮม) นั้นอยู่กับพ่อ แต่พ่อก็ไม่ค่อยกลับมาหา
ถึงจะบอกว่าหย่า แต่ก็พยายามรักษาความสัมพันธ์แบบเพื่อนไว้ บอกว่าจะกลับมาหานะ จะอยู่ด้วยนะ แต่ก็ไม่มีใครมาซักที ได้แต่ส่งจดหมาย ข้อความ และเงินมาให้ แต่ก็ติดธุระตลอด
พี่ชายเป็นตำรวจก็แทบไม่กลับบ้าน..
แต่เค้าก็บอกว่าตัวเองมีความสุขดี..
ก็นั่นแหละนะ...ที่เหมือนกับว่าจะ “หลอกตัวเอง”
ความจริงแล้วอยากแต่งให้กระชากอารมณ์มากกว่านี้ แต่ก็แต่งได้แค่นี้เอง.. เอาไว้ค่อยแต่งแก้มือใหม่แล้วกัน
ขอบคุณที่อ่านครับ!
วาย.จี. - ท่านดูจะเหงาจังนะคะ TT^TT สู้ๆนะคะ
---------------------
-//ปาดน้ำตา...โฮ้กกกกกกกกก~ น่าสงสาร~ มาม่ะ(?) มาให้วาย.จี(หา!!) ปลอบมา~
มาริคเหงามากสินะ
โถๆ มาอยู่กับป้ามั้ยลูก /โดนฟาด
พี่ว่าแต่งได้ดีนะ ถึงพี่จะแต่งฟิคหรือนิยายไม่เป็นก็เถอะ
ค่อนข้างจะรู้ความรู้สึกของมาริคผ่านตัวอักษรเลยน่ะ
โถๆ มาอยู่กับป้ามั้ยลูก /โดนฟาด
พี่ว่าแต่งได้ดีนะ ถึงพี่จะแต่งฟิคหรือนิยายไม่เป็นก็เถอะ
ค่อนข้างจะรู้ความรู้สึกของมาริคผ่านตัวอักษรเลยน่ะ
ซบอกพี่ชายมั้ยน้อง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
(วิ่งแทคเข้าแบร์ฮัก)
//โดนถีบ
เจค
(วิ่งแทคเข้าแบร์ฮัก)
//โดนถีบ
เจค

โถววว จริงๆ ข้างในเป็นเด็กเก็บกดมากเลยนะนี่
พี่ว่าส่วนนึงไม่ใชมาริคไม่สนใจอะไรรอบตัวหรอก เขากำลังตะเกียกตะกายไขว่คว้าสิ่งที่เคยมีอยู่นั่นแหละ เพียงแต่...ก็อย่างว่าน่ะแหละมั้ง
ในเมื่อกำลังหลอกตัวเองอยู่ ก็จะยังไม่ได้อะไรมาไว้ในมือ เพราะกำลังทำเรื่องหลอกๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะได้อะไรที่แท่จริงมาชดเชยหรือแทนที่ของที่เคยมีอ่ะเน้
แหม ...ก็ว่ากันไปอ่ะจ้ะ
พี่ว่าส่วนนึงไม่ใชมาริคไม่สนใจอะไรรอบตัวหรอก เขากำลังตะเกียกตะกายไขว่คว้าสิ่งที่เคยมีอยู่นั่นแหละ เพียงแต่...ก็อย่างว่าน่ะแหละมั้ง
ในเมื่อกำลังหลอกตัวเองอยู่ ก็จะยังไม่ได้อะไรมาไว้ในมือ เพราะกำลังทำเรื่องหลอกๆ มันเป็นไปไม่ได้หรอกที่จะได้อะไรที่แท่จริงมาชดเชยหรือแทนที่ของที่เคยมีอ่ะเน้
แหม ...ก็ว่ากันไปอ่ะจ้ะ
มาริคน่าร๊ากกก/กอดๆ
ไว้ว่างๆแต่งของเยมๆให้อ่านครับ.../ถ้าไม่ขี้เกียจ.../เหม่อ/โดนต่อย
ไว้ว่างๆแต่งของเยมๆให้อ่านครับ.../ถ้าไม่ขี้เกียจ.../เหม่อ/โดนต่อย

No comments:
Post a Comment