Sunday, November 15, 2015

[ToB] [O] event 1.4 : Red

"The Meaning Of Love"


4.

'หัวใจ'

คำๆนี้สำหรับข้าแล้วมันคือ 'รูปธรรม' ไม่ใช่ 'นามธรรม'

สำหรับ 'รูปธรรม' นั้น ข้ารู้ว่าตัวของข้ามีก้อนเนื้ออยู่หนึ่งก้อน และมันก็เต้นอยู่ในอกของข้า มันเต้นอยู่ทุกวัน ทุกวัน เพื่อให้ข้ามีชีวิต มันสูบฉีดเลือด หล่อเลี้ยงไปตามร่างกายเหมือนกับต้นไม้ที่ต้องการน้ำเพื่อทำให้มันยังคงมีชีวิต

หากไร้ก้อนเนื้อก้อนนี้ ข้าก็จะตาย...เหมือนกับทุกๆคน

เป็นเพียงกายเนื้อกลวงเปล่า เย็นชืด... ไม่ต่างจากอาหารที่ถูกวางทิ้งไว้ในจานไม้ที่ถูกผู้คนเรียกขานกันว่า 'โลงศพ' ซึ่งวางตั้งไว้เพื่อรอคอยให้รากไม้และแมลงกัดกินชอนไชจนหมดไปในซักวัน

ร่างกายของคนเราก็เปรียบเหมือนดั่งอาหารมื้อหนึ่งที่ถูกตั้งอยู่ในดิน ประดับด้วยแท่นหินสลักสีเทางดงามอันแสนเศร้าแทนที่กุหลาบแดงประดับโต๊ะ.. แท่นหินที่ไม่ได้ร่ำไห้ แต่กลับหมองหม่น พร้อมกับป้ายชื่อที่วางเคียงไว้เพื่อบอกให้รู้ว่าเมนูที่อย่ในจานนั้นมีชื่อเรียกว่าอะไร


สำหรับข้า..นั่นคือ 'หัวใจ'

คือสิ่งที่เหมือนกับก้อนพลังงาน ทำให้คนมีชีวิต

ทำให้ร่างกายขับเคลื่อน


แต่หากจะถามตัวข้าว่า 'นามธรรม' นั้นเป็นอย่างไร...ข้าก็คงยากที่จะอธิบายมันออกมา แต่หากจะให้พยายามที่จะหาคำตอบแล้วนั้น "สีแดง" คงเป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดสำหรับตัวข้าในตอนนี้



5.

สีแดงของข้าคือสีแดงของเลือด

คือสีของสงคราม

คือสีของเปลวไฟ

สีแดง...


เหมือนกับดอกกุหลาบดอกหนึ่ง ที่กำลังผลิบานอยู่ในหัวใจ

แต่กับริมฝีปากที่ประกบลงมาในวันที่โลกของข้ากลับคืนสู่สีเทานั้นนั้น..ข้ากลับไม่เข้าใจมันเสียเลย


"ขอโทษค่ะ แต่ว่าฉันน่ะไม่ได้คิดว่าคุณเป็นแค่รุ่นพี่หรอกนะคะ..."


สิ่งที่เจ้าพูด กับการกระทำของเจ้า ข้าไม่คิดว่าข้าจะสามารถให้กับตอบที่ดีกับเจ้าได้เลย เดอ เบอค์มองท์

....



6.


ตั้งแต่เกิดมาคนเราทุกคนจะมีกระถางอยู่หนึ่งใบ

และในกระถางทุกต้นนั้นมีเมล็ดอยู่หนึ่งเมล็ด ไม่มากกว่านั้น ไม่น้อยกว่านั้น จะมีแค่หนึ่งเท่านั้น แต่ก็สามารถเปลี่ยนใหม่ได้เรื่อยๆ


ข้าเองก็มีกระถางนั้น...แต่ไม่รู้ทำไม ไม่ว่าจะพยายามซักเท่าไหร่ก็ไม่มีอะไรงอกขึ้นมาจากดิน ทั้งที่คนรอบตัวของข้าเริ่มมีต้นอ่อนแตกหน่อออกผลกันขึ้นมากันแล้ว

คนแรกที่ข้าได้พบ...คงเป็นแบนเดอราส ต้นอ่อนของเขาผุดขึ้นจากกระถางตั้งแต่ปีหนึ่งหลังพบกับเชอร์ริค และในตอนนี้มันก็สูงขึ้นเลยหัวของพวกเราไปเสียแล้ว

ส่วนซีก.. ต้นอ่อนของเขางอกขึ้นมาเมื่อสองปีก่อน ถึงมันจะเชื่องช้าแต่มันก็มีใบงอกขึ้นงดงาม แต่ในตอนนี้ดูเหมือนมันจะหยุดเติบโต ดอกไม้ของมันร่วยโรย แต่ลำต้นกับยังคงกล้าแข็ง..น่าประหลาดใจ

ในขณะที่ลีโอนั้นเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะน่าขำ กระถางของเธอก็ยังวางอยู่ตรงนั้น ที่แตกต่างออกไปคือมีใครซักคนวางเมล็ดพันธุ์ใส่ห่อกระดาษทิ้งไว้เคียงข้าง ก็ขึ้นอยู่กับว่านางจะตอบรับ หรือเลือกที่จะปล่อยมันทิ้งเอาไว้หรือไม่ก็เท่านั้น แต่หากเมล็ดพันธุ์มันยังเติบโตของมันเองได้ ข้าคิดว่ากว่านางจะรู้ตัว เถ้าไม้นั้นอาจจะรัดกระถางนางไว้แน่นจนยากจะแยกออก

คนทุกคนต่างก็มีกระถางของตนเอง ขึ้นบ้างไม่ขึ้นบ้าง ออกดอกบ้าง ไม่ออกดอกบ้าง ต่างคนต่างเรื่องราวแตกต่างกันไป


และนี่ก็ผ่านมาถึงปีที่สี่แล้ว...ที่กระถางของข้ายังคงว่างเปล่า

แม้แต่ เดอ เบอร์มองท์เองก็มีต้นไม้ที่งดงาม แม้ต้นจะไม่สูงใหญ่ แต่ดอกไม้นั้นก็เป็นสีชมพูหวาน...

มันทำให้ข้าสงสัย...ว่าทำไม...ทำไมกัน

สุดท้ายข้าจึงได้เที่ยวไล่ถามใครต่อใคร ถึงความหมายของเมล็ดพันธุ์นั้น...ว่าแตกต่างจากกันและกันอย่างไร



7.


"สำหรับพวกเจ้าแล้ว 'ความรัก' คืออะไร?"



-Ciar Milford-

"ความรักคืออะไร?" มิลฟอร์ด(คีอา)เลิกคิ้วสูงกับคำถามแปลกประหลาด ราวกับว่าเป็นคำถามที่เขาไม่คิดว่าข้าจะถาม "นั่นสินะ..?" เขาหัวเราะเบาๆ แล้วยกมือทาบคางครุ่นคิด "บางที...คงหมายถึงความรู้สึกหลากหลายที่ยากจะอธิบายก็ได้"

มิลฟอร์ดเป็นคนแรกที่ข้าพบ คำตอบของเขาบอกข้าว่าตัวเขาอาจจะยังคงไม่รู้ แต่มันก็ใช่ที่มันยากจะอธิบาย เพราะคำตอบนั้นมีหลากหลาย แตกต่างกันไปทั้งจากคนและนิยาม แต่เพราะมันอธิบายยากจนเกินไป...บางทีทั้งข้าและเขา ก็อาจจะยังไม่เข้าใจมันในเร็วๆนี้..



-Radley Cherick-

ข้าถามเชอร์ริคเป็นรายต่อมา เขาหลุบสายตา "นั่นเป็นสิ่งที่นายควรไปถามหาจากคนอื่น ออริออน" เขาเว้นช่วงไป ก่อนจะเอ่ยตอบคำถามของข้าหลังคิดอยู่ซักพัก รอยยิ้มนั้นบางเบา "สำหรับข้า ความรักคือการที่ไม่มีใครหลอกลวงใครน่ะ"

การไม่หลอกลวงใครอย่างนั้นเหรอ...น่าประหลาดใจ แต่หากลองคิดดูแล้ว โจรอย่างเชอร์ริคเองก็อาจจะเหนื่อยอ่อนกับการลวงหลอกแล้วกระมั้ง

แต่ถ้าหากโลกใบนี้ไร้คำลวงพวกนั้น คนเราก็จะรักกันได้มากกว่านี้จริงๆน่ะเหรอ?


-Crosette Geins-

"...ความรู้สึกที่...ใช้เป็นประโยชน์ได้ในบางครั้ง" เกนส์กล่าวพร้อมรอยยิ้ม ตาของเขาปิดสนิท

ความรู้สึกที่ใช้ประโยชน์ได้ ก็หมายถึงการหลอกใช้ หรือหมายถึงการสนองตนเองรึเปล่า.. ข้าไม่เข้าใจความหมายของรักเท่าไหร่นักก็จริงอยู่ แต่เจ้าเองก็เหมือนกับ 'พวกนั้น' สินะ

สิ่งที่ใช้ประโยชน์ได้ก็จงใช้...เหมือนกับการยืมมือของใครซักคน ใช้คำหวาน ใช้ความสามารถที่มี แล้วตวัดบ่วงนั้นรัดคอคนเหล่านั้น กระชากลงไปในวังวนของตน

ข้าเข้าใจละ เมล็ดพันธุ์ของเจ้าเอง....ก็เป็นสีดำเช่นนั้นสินะ..



-Ymir S. Lichtenberg-

ลิชเตนเบิร์กยิ้มน้อยๆกับคำถาม เขาส่ายหน้า "..ความรักไม่มีอยู่จริง มีก็แต่การครอบครอง"

หากความรักนั้นไร้ซึ่งตัวตนเพราะผู้คนสร้างมันให้มี หากการครอบครองคือบทบาทหนึ่งของความรู้สึก

หากเป็นเช่นนั้น..คนเราทุกคนต่างก็ต้องถูกกักขังอยู่ในกรงขังที่แปะป้ายสวยหรูว่ารัก และทาสีอ่อนหวานให้ผู้คนลุ่มหลวงมัวเมา.. เป็นเจ้าของ และถูกครอบครอง ถูกกักขัง

มันจะต่างอะไรจากนักโทษที่รอวันถูกประหารกันละ



-Zephyr Cerenite-

"สำหรับฉัน ความรัก...คือความรู้สึกหนึ่งที่ทำให้ทั้งมีความสุขและเจ็บปวดไปพร้อมกัน" เซเรนิธยิ้มเล็กน้อยก่อนจะเหม่อมองไปแสนไกล ".....อีกทั้ง...สิ่งนั้นที่เรามอบความรักให้ มันไม่จำเป็นต้องครอบครองหรอกนะ..." เขาหลุบตาลง

ความรักของเจ้าต่างจากที่ข้าได้ยินมาจากลิชเตนเบิร์ก ความรักที่ไม่ได้ครอบครองใครเอาไว้แต่กลับทำให้หัวใจเจ็บปวดได้อย่างนั้นเหรอ..

ถ้าเช่นนั้น...มันก็เหมือนสายโซ่ที่ผูกรัดหัวใจเอาไว้ ให้มันแน่นขึ้นแน่นขึ้นทุกทีแทนที่การจับมันใส่ไว้ในกรงอย่างนั้นใช่ไหม



-Michael Luminathea-

คนต่อมาที่ตอบคำถามของข้าคือลูมินาเธีย เขากล่าวเนิบช้าด้วยรอยยิ้มที่มักวาดอยู่บนดวงหน้าของเขา "ความรักสำหรับผมหมายถึงความปรารถนาดี  อยากให้มีความสุขเสมอ  อยู่ใกล้ ๆก็รู้สึกวางใจ  แม้อยู่ไกลก็ยังคงผูกพันธ์  มันไม่จำกัดเพียงความรักระหว่างชายหญิง  แต่รวมไปถึงมิตรภาพและครอบครัวด้วยครับ"

ความรักของลูมินาเธียถูกหว่านกว้างเหมือนกับแห มันครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ข้างใต้ แต่ไม่ได้มัดรวบไว้แล้วดึงขึ้นมา ความรักของเขาแตกต่างจากคนอื่น...มันช่างดูบริสุทธิ์เหลือเกิน

เป็นคนที่..ดีจังเลยนะ..



-Aramis Night-

อรามิสหัวเราะ "เรื่องนั้น...ฉันยังตอบนายไม่ได้เหมือนกัน" แล้วเขาก็ลูบหัวข้าด้วยรอยยิ้มแบบนั้นของเขา

เจ้าไม่เข้าใจ...ข้าเองก็เช่นกัน แต่เจ้าคิดว่าซักวัน พวกเราจะเข้าใจมันได้ในซักวันรึเปล่า



-Arkard Banderas-

แบนเดอราสเกาแก้ม เขาดูไม่มั่นใจนักที่จะตอบคำถาม อาจจะกระทันหันจนเกินไป แต่ข้าก็แปลกใจที่เขาใช้เวลาตอบนานกว่าที่ข้าคิดไว้พอตัว

"คงเป็น....ความรู้สึกอยากอยู่ใกล้ๆ อยากเห็นหน้าทุกวัน อยากเห็นรอยยิ้ม อยากให้เขามีความสุข...ล่ะมั้ง?"

คำตอบนั้นเรียบง่าย ไม่หวือหวา มันทำให้ข้าคิดถึงงานแต่งของพี่ชายและพี่สะใภ้ เรียบเหมือนกับชายกระโปรง



-Bianca Lemony Leo-

“ความรัก... ความรักคือการให้ความสำคัญกับอีกคนหรืออีกสิ่งจนหมดใจล่ะมั้ง...” ลีโอ(เบียงก้า)ช้อนตานึก “รักหมดใจ... ใจหมดรัก... คนโง่เป็นอย่างแรก คนฉลาดเป็นอย่างที่สอง... แต่เราเชื่อว่าคนโง่มีมากกว่าคนฉลาด...” นางเอียงคอยิ้มบาง “แล้วอันที่จริง... สำหรับเรา เป็นคนโง่ก็ไม่แย่นะ เวลาไม่อยู่แล้วจะได้มีคนคิดถึงยังไงล่ะ..."

คนโง่ คนฉลาด สองสิ่งแตกต่าง สองสิ่งคล้ายคลึง.. พวกเขามีรัก พวกเขารัวรู้ถึงรัก ก็ต่างแค่ว่าใครจะถลำลึกจนขึ้นไม่ได้ กับอีกฝ่ายที่ไม่ยอมลงไปตั้งแต่ต้น

ฟังดูแล้วก็คล้ายการพนัน หากไม่เสี่ยงลงทุนก็จะไม่สูญเสียแต่ก็จะไม่ได้รับสิ่งใด...หากลงทุนมากเกินไปก็จะสูญเสียหมดทุกสิ่ง

แล้วถ้าหากรู้จักมอบรักให้อย่างพอดี ไม่ใช่ทั้งคนโง่ หรือคนฉลาด...คนผู้นั้นควรจะถูกเรียกว่าอะไร?



-Hywel  Llewellyn-

เอลเวลลินลดหนังสือในมือก่อนที่จะตอบคำถาม "ความรักแล้วแต่ใครใคร่จะนิยาม สำหรับเราคงเป็นความปรารถนาจะดูแลใครหรือสิ่งใดนั้นตลอดไป"

อย่างเจ้า...คงหมายถึงเจมิไนหลัก แต่มันก็สมควรจะเป็นเช่นนั้นกระมั้ง แต่การได้ดูแลตลอดไป..ฟังดูแล้วเหมือนกับอัศวินเลยนะเอลเวลลิน

ปกป้องและคุมครองจนกว่าชีวิตจะหาไม่.. ซื่อสัตย์และภักดีไปจนวันตาย

ความภาคภูมิใจในตัวของตัวเองของเจ้า มันชัดเจนจนแสบตาเลยละ



-Warrick Argyris-

อาร์กีริสหัวเราะ เขายิ้มจนตาปิด "ความรักก็คือความรัก ..ข้าไม่รู้หรอก มันคงเป็นความรู้สึกที่ยากจะอธิบายล่ะมั้ง?"

คำตอบนั้นควรจะแปลกใจข้า แต่ข้ากลับไม่รู้สึกว่ามันแปลก อาร์กีริสไม่รู้คำตอบนั้น อาจจะเพราะตรงไปตรงมาเกินไป หรือเพราะความรู้สึกพวกนั้นมันวกวนเกินไป...บางทีอาจจะเช่นนั้น

แต่ข้าก็อยากจะรู้ในวันที่เจ้าได้คำตอบนั้นมาเช่นกันนะ



-Elroy de Fitzroy-

เดอ ฟิตซ์ครอยนิ่งคิดไปชั่วครู่ "รักคือสิ่งที่มองไม่เห็น มีเพียงใจที่รับรู้"

แล้วถ้าใจไม่อาจจะรับรู้ได้... เราก็จะไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรักเช่นนั้นเหรอ หรือจะต้องรอจนกว่าใจจะสัมผัสได้

แล้วถ้าวันนั้นไม่มาถึง ก็จะไม่สามารถรับรู้มันได้เลยใช่ไหม



-Alain Delvan-

"ความรักคือสิ่งที่ทำให้เจ้าให้ความสำคัญกับความสุขของคนอื่นมากกว่าตัวเจ้าเอง ฟังดูโง่ๆนะว่าไหม" เดลเวนหัวเราะเบาๆ "แต่รู้ไหม สิ่งที่แปลกคือ เจ้าจะมีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น"

มันก็ไม่โง่หรอก..เพราะนั้นเป็นความรักในแบบของเจ้า แต่ตัวข้ายังคงไม่ค่อยเข้าใตเท่าไหร่สิ่งที่เจ้าต้องการจะสื่อเท่าไหร่นัก

..การทำให้คนอื่นมีความสุข...แล้วจะมีความสุขตามไปด้วยได้อย่างนั้นน่ะเหรอ...จะได้จริงๆน่ะเหรอ..



-Heamus Sieg-

"ข้ารักแกรนด์ไลน์ รักครอบครัว รักตัวเอง" ซีกว่าเนิบๆ "ข้าบอกไม่ได้ว่ามันหมายถึงอะไร และเป็นยังไง แต่ทุกสิ่งที่ข้ารัก ข้าจะมอบชีวิตของข้า เพื่อปกป้อง เพื่อดูแล เพื่อไม่ให้โดนทำลาย" อธิบายช้าๆ "เพราะแบบนั้นถ้าจะถามข้าว่าความรักคืออะไร มันก็คงเป็น ความหนัก ความรับผิดชอบ ที่ต้องแบกขึ้นบ่าล่ะมั้ง"

ความหนัก ความรับผิดชอบ...หน้าที่ สิ่งที่ต้องทำ...

ปกป้อง ดูแล ไม่ให้โดนทำลาย...ช่างแต่ต่างกับตัวข้านัก



-Alexia Esfir-

"ความรักก็คือความรักสิคะ" เอสเฟอร์ยิ้มเหมือนเช่นทุกครั้ง และไม่มีคำอื่นใดตามต่อมา..

สำหรับนักบวชแห่งกิลดิเรก บางที..หากไม่รักแค่สิ่งหนึ่ง ก็คงจะเป็นการรักไปซึ่งทุกสิ่ง...มันจะเหมือนความรักของลูมินาเธียรึเปล่านะ..รักไปซึ่งทุกสิ่ง แบ่งบันไปให้ทุกอย่าง แล้วมันจะเหมือนของเดลเวนรึเปล่า ที่หากได้เห็นผู้อื่นมีความสุข ตนก็จะมีความสุขตามไปด้วย

ภายใต้รอยยิ้มของเจ้า..ถ้าซักวันค้นพบความหมายลึกกว่านั้นได้ ความรักของเจ้าจะเป็นสีอะไร

มันจะงดงามได้เหมือนรอยยิ้มนั่นไหมเอสเฟอร์


แต่แต่ละคนต่างก็มีความรักในรูปแบบที่ต่างกันออกไป บางคนคล้ายคลึง บางคนต่างก็ตรงข้าม บางคนก็ยังหาไม่พบ แต่ก็ไม่มีสิ่งใดที่ผิด สิ่งใดที่ถูก

คำตอบของทุกคนมีค่าในแบบของตนเองกันทั้งนั้น...ต่างจากตัวของข้าที่ไล่ตามหาความหมายนั้น แต่คงไม่มีวันที่จะได้พบเจอ



8.


เพราะอย่างนั้น...ในวันหนึ่ง ข้าจึงได้เทกระถางของตนเองออกดู มองเศษดินที่กระจัดกระจาย....


ทันใดนั้นข้าถึงได้รู้และเข้าใจ

กระถางของข้าต่างจากเชสที่ดูแลมันอย่างดี และต่างจากไวล์ลีที่ถือกรรไกรรอตัดดอกไม้ตูมของตนเองทิ้ง

...กระถางของข้า..มันไม่มีเมล็ดใดๆมาตั้งแต่ต้นแล้ว

แม้จะไม่รู้ว่านานแค่ไหนแล้วที่มันมีเพียงดินที่อัดแน่นและแห้งหยาบ..ข้าเองก็จำไม่ได้เหมือนกัน สิ่งที่ข้าจำได้มีเพียงว่าตัวข้าเป็นคนเอามันออกไปเอง... ทิ้งมันไปเอง

เพราะอย่างนั้นการที่มันจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก็ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะแปลกใจใดๆเลย

เพราะความจริงแล้วข้าเองก็ยังคงหวาดกลัวกับสิ่งที่จะตามมาอยู่ดี



9.

"แล้วความรักสำหรับเจ้าคืออะไรละ"

รอยยิ้มของ เดอ เบอร์มองท์ หมองลงไปเมื่อข้าถาม นางใช้เวลาไม่นานนักในการตอบคำถามนั้น "ความรัก....ฉันก็ไม่รู้ความหมายจริงๆ ของมันเหมือนกันค่ะ"

"แต่สำหรับฉันตอนนี้....ความรักคือการทำให้คนที่ฉันชอบมีความสุข...ล่ะนะคะ"

ข้านิ่งเงียบและรับฟัง

ความรักสำหรับนางในตอนนี้สะอาดบริสุทธิ์..เรียบง่ายไม่หวือหวา

แต่ว่าข้า...


"ขอบคุณสำหรับคำตอบของเจ้า"



10.

"ข้าขอโทษ ที่ไม่อาจเป็นมากกว่ารุ่นพี่ให้เจ้าได้"



No comments:

Post a Comment