"The Sound of Silence"
0.
หากพูดถึงสีขาว แต่ละคนจะนึกถึงอะไร
สำหรับข้า มันก็คงเหมือนกับสีของน้ำนมในแก้ว และสีของเมฆบนฟ้า
สีของหิมะที่ข้าไม่เคยเห็น และดอกไม้ขาวที่เบ่งบานตอบรับความรักของคนสองคน... เป็นสักขีพยานของความรักของชายหญิง ของพี่ชาย ของพี่สะใภ้
นั่นถือเป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นถึงความรักที่ถูกกลั่นออกมาจากคำเลื่อนลอยที่ใครต่อใครมักพูดถึง กลั่นออกมาจนเป็นรูปเป็นร่าง ผ่านทางแววตาที่พวกเขามองสบตาซึ่งกันและกัน
ความรักสีขาว..สะอาดบริสุทธิ์ เหมือนกับกลีบดอกไม้ที่ร่วงโรยลงมาจากฟากฟ้า
ราวกับสีของหิมะขาวในหนังสือนิทานที่ข้าเคยอ่านพบ
ความรักที่ร่วงหล่น มันผลิบานบนผืนดิน แตกหน่อและออกผล งดงามจนยากที่จะบรรยาย
..นี่เหรอคือสิ่งที่เรียกว่าความรัก..?
ข้ามองภาพนั้นแล้วเอ่ยถามตัวเอง เพราะข้าไม่เคยรู้จักรักในแง่ของหนุ่มสาวแบบนั้นนอกจากความสัมพันธ์ของครอบครัว ถึงแม้พี่ชายจะบอกข้าว่ามันก็คือก้าวหนึ่งของการพัฒนาความสัมพันธ์ขึ้นไปแต่ข้ากลับคิดว่ามันนั้นแตกต่างอยู่ดี
อาจจะเพราะข้าไม่เคยเห็นพี่ของข้ายิ้มกว้างแบบนั้น
ข้าไม่เคยเห็นเขามองใครด้วยสายตาที่อ่อนโยนถึงขนาดนั้น
ข้าไม่เคยเห็นเขาโอบกอดใครไว้ในอ้อมแขน...อย่างเบามือเหมือนที่พี่ทำกับนาง
และอาจจะเพราะท่านพ่อไม่เคยทำเรื่องแบบนั้นกับท่านแม่เลยแม้แต่อย่างเดียว ข้าจึงเพิ่งเคยได้พบว่าการรักใครซักคนมากเท่านั้นช่างเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจ
แต่มันก็คือ "ความรัก"
...พี่บอกกับข้า
มันคือ "ความรู้สึก"
มันคือสิ่งที่ข้า...กำลังพยายามทำความเข้าใจอยู่
แต่ภาพตรงหน้าในตอนนี้กลับดูอบอุ่นเหลือเกิน อบอุ่นเกินกว่าที่ข้าจะสรรหาคำไหนมาเปรียบเทียบ
จะเรียกว่าเป็นความรู้สึกที่พองอยู่ในอก เหมือนลูกโป่งที่ถูกเป่าด้วยลมร้อนแล้วปล่อยให้ละลอยล่องอยู่ในท้องก็คงได้
พลิ้วไหว ห่างไกล...แต่งดงาม ไม่หวือหวา
มันเรียบง่ายเหมือนกับสายลมที่พัดผ่านม่านในยามสาย และอุ่นสบายเหมือนแสงแดดในยามเช้า
เบื้องหน้าของข้าในตอนนี้ ท่านพี่และพี่สะใภ้สัมผัสฝ่ามือของกันและกัน พวกเขาเกี่ยวปลายนิ้วเชื่องช้าก่อนจะจับประสานไว้ราวกับคำสาบานที่ไร้เสียง ริมฝีปากของท่านพี่สัมผัสหน้าผากของนางแผ่วเบา และยิ้มให้แก่กัน
ท่ามกลางความเงียบของผู้คน แขกเหรื่อเริ่มก้าวถอยหลัง เว้นช่องว่างตรงกลางเป็นลานโล่งทรงกลมให้คู่บ่าวสาวได้โดดเด่นออกมา ก่อนที่บทเพลงผะแผ่วจะถูกบรรเลงจากกอดีตกลุ่มนักเรียนโรงเรียนพระราชาไม่กี่คนที่พี่แนะนำว่านั่นคือ "เพื่อน" ของพี่ "เพื่อน" ที่แสนสำคัญ
บนเพลงและคำร้องที่ไม่คุ้นเคยดังสะท้อนไปตามแผ่นหินและความเงียบ ก่อนก่อนเป็นเสียงดนตรีที่ช่างแสนไพเราะ
รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ...
และ...พวกเขาที่เริ่มหมุนตัวเข้าหากัน
พี่สะใภ้จับชายกระโปรงนางด้วยมือข้างหนึ่งในขณะที่พี่ชายใช้มืออีกข้างของตนไพร่หลัง ก้าว...ก้าว... ถอย ด้วยมือข้างนั้นที่ไม่ปล่อยออกจากกัน มีแต่จับประสานแน่นขึ้นไป
ความรักของชายหญิง
ความรักของท่านพี่และตัวนาง
ความรักของชายเพชฌฆาตกับนางผู้เฝ้าสุสาน
ช่างฟังดูพิลึกพิลั่นเหมือนกับผู้คนรอบข้าง ไม่สมประกอบซักเท่าไหร่ แต่ก็มีความงดงามในตัวของมันเอง และหากจะกล่าวว่ามันเป็นภาพที่ติดตรึงแค่ไหน ก็คงต้องตอบว่ามันติดตรึงจนรู้สึกประหลาดใจ
และนั่นคือสีขาวที่ข้าได้รู้จักเพิ่มขึ้นมา
สีขาวของความบริสุทธิ์ที่แม้แต่มือของผู้ที่แปดเปื้อนไปด้วยมลทินยังสามารถสวมใส่ได้โดยไม่ทำให้มันเปรอะเปื้อนสิ่งใด
....
No comments:
Post a Comment