Friday, August 5, 2016

[YK] [03] 白鳥 麻代


0.

สีแดง

นั้นยังคงติดตา...

สีแดงที่ไหลลงมาจากลำคอของ ชิราโทริ มาชิโระ...และสีแดงของชิ้นเนื้อที่ถูกใบพัดปาดและปั่นจนกระเด็นกระจัดกระจาย


สีแดงเข้มจนดูคล้ายเมล็ดทับทิมบนกระเบื้องสีขาว..กำลังส่องประกายแวววาวสะท้อนแสงแดดและไฟนีออน


สีแดง....

.....สีขาว


และ....สีดำ..ของชุดนักเรียน ของผู้ชายที่เหมือนกำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา


และนั่นคือภาพที่ฉันเห็นทุกคืนในความฝัน แม้แต่ยามที่ปิดเปลือกตาลง แม้ว่าดวงตาคู่นั้นของชิราโทริจะไม่ได้จ้องมองมาทางฉัน แต่ฉันกลับรู้สึกราวกับกำลังถูกตั้งคำถามที่ฉันไม่รู้คำตอบอยู่ตลอดเวลา...

แต่ต่อให้รู้...ผู้ถามก็คงไม่มีวันที่จะได้รับฟังคำตอบนั้นอีกต่อไปอยู่ดี




1.

'ทำไมชีวิตของฉันถึงได้จบลงแบบนี้'

'ทำไมมันถึงได้...จบลงอย่างง่ายดาย'

'ทำไม...ฉันถึงไม่ได้อยู่กับพวกเขา'

'ทำไมกันละ...'




2.

ถ้าจะให้พูดถึง ชิราโทริ มาชิโระ ก็คงจะพูดได้แค่วันเป็นเพียงเพื่อนร่วมชั้นที่เห็นกันแค่ยอมอยู่ในห้องเพียงเท่านั้น ส่วนการพูดคุยกันนั้นก็น้อยเกินกว่าจะเรียกได้เต็มปากว่าเป็นเพื่อนร่วมห้อง.. เอาตามจริงแล้ว สำหรับฉัน ชิราโทริเป็นเพียงแค่ 'คนแปลกหน้าที่ได้มาอยู่ร่วมชั้นเดียวกัน' เสียมากกว่า

ฉันไม่เคยสนใจเขา และเขาเองก็คงไม่ได้สนใจฉัน

พวกเราอยู่ในโลกที่แตกต่างกัน อยู่ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน และพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นใดๆที่ต้องโคจรมาเจอกัน เพราะอย่างนั้นฉันถึงไม่แม้แต่จะมีความคิดที่จะเสนอตัวไปทำความรู้จักกับเขา...จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความรู้สึกนั้น

แต่ไม่รู้ว่าควรจะโทษความอยากรู้อยากเห็นที่มากเกินไปของตัวเอง หรือโทษที่เจ้าหน้าที่พนักงานกำลังวุ่นวายจนปล่อยให้เด็กวัยรุ่นคนหนึ่งได้แหวกฝูงนักเรียนที่ยืนอออยู่หน้าห้องคหกรรมออกไปจนตัวฉันได้ไปอยู่แถวหน้าสุด..


ได้มองเห็นนาย..นอนอยู่ตรงนั้น


ในตอนแรกนายก็ดูไม่ต่างอะไรกับคนที่นอนหลับ.. แต่พอสายตามองไล่ลงไปจนถึงคอ ฉันก็ได้เห็นว่าคอที่ถูกพัดลมปั่นของนายนั้นมีรอยแผลเหวอะที่แหวกออก...ถึงแม้คอของนายจะไม่หลุดออกจากบ่า แต่ชิ้นส่วนที่เคยอยู่ตรงนั้นก็กระจัดกระจายกระเด็นไปไกลกว่าที่คิด


แล้วในตอนนั้นฉันก็ตั้งคeถามกับตัวเอง

'นี่คนเราตายได้ง่ายขนาดนี้เชียวเหรอ?'



เปราะบาง และอ่อนแอ...แต่กลับไม่รู้สึกว่ามันน่าประหลาดใจ




3.

การตายของ ชิราโทริ มาชิโระ และการเลื่อนชั้นมาเรียนอยู่ในชั้นปี3 ห้อง3 ทำให้ตัวฉันได้รู้ว่าความตายนั้นมันง่ายดายถึงขนาดไหน และชีวิตมันสั้นมากเพียงใด...ทั้งที่ไม่เคยคิดถึงมาก่อน แต่ก็ได้รับรู้สิ่งที่ไม่เคยสนใจมาก่อนก็วันนี้

สั้นยิ่งกว่าวงจรชีวิตของแมลง เปราะบางยิ่งกว่าฟองสบู่ และขาดง่ายยิ่งกว่าเส้นด้ายที่เปื่อยยุ่ย...มันช่างผสมปนเปจนฉันไม่รู้ว่าควรจะเปรียบเที่ยบมันเหมือนกับสิ่งไหน


กว่าจะรู้ตัวว่ามัวแต่นั่งคิดในเรื่องนี้ คาบเรียนของวันนี้ก็สิ้นสุดลงไปโดยที่ฉันไม่ได้รู้สึกถึงความรู้ใดๆในสมองเลยซักนิด

แต่หลังจากที่นั่งคิดและคิดด้วยเวลาของคาบเรียนที่เหลือ ฉันก็คิดออกจนได้ว่าชีวิตของคนเรานั้นเหมือนกับอะไร มัน..ก็คงเหมือนแท่งเทียนอย่างที่คนอื่นเขาพูดถึงจริงๆ เพราะยิ่งใช้ชีวิตไปเท่าไหร่ความตายก็ยิ่งใกล้เข้ามา ในขณะที่เวลาที่ถูกใช้ไปนั้นค่อยๆละลายไหลลงมากองรวมกันที่ฐานแก้วอย่างเชื่องช้า และเปลวเทียนนั้นก็วูบไหวไปมาอย่างน่าใจหาย


ทั้งเทียนของอาริสะ คุโรซากิ โคโคโระ ชิราโทริ และ...คนที่จากไป คนที่ฉันจำชื่อไม่ได้...คนที่ไกลตัว

ทุกคนตายง่ายๆเหมือนกับเทียนที่ถูกเป่าให้ดับในครั้งเดียว


ทั้งที่ก่อนหน้าที่ไฟของพวกเขายังคงโบกสะบัดเหมือนกำลังเริงระบำอยู่ในตะเกียงแก้วแท้ๆ แต่ะเมื่อบทเพลงของพวกเขาจบลง พวกเขาก็สลายหายไป..ง่ายยิ่งกว่ากระพริบตาเสียอีก และนั่นทำให้ฉันคิดได้จริงๆว่าคนรอบตัวเของฉันนั้นสามารถตายได้ทุกเมื่อ ทั้งที่ยังเห็นพวกเขายิ้มและหัวเราะอยู่กับใครซักคน แต่พอหันมองอีกครั้ง พวกเขาก็จากไปแล้ว

เหมือนตอนที่ฉันถูกอาริสะโกรธ และเหมือนตอนที่ฉันได้พูดคุยกับโคโคโระก่อนเกิดอุบัติเหตุ

พอรู้เรื่องอีกครั้ง..สองคนนั้นก็เหลือเพียงแค่แผ่นหินที่ตั้งอยู่รวมกับบรรดาแผ่นหินมากมายในสุสานที่มีเพียงแค่ชื่อที่สลักไว้เท่านั้นที่บกบอกว่าผู้ที่นอนหลับอยู่เบื้องล่างนี่คือใคร


ทั้งที่คิดมาตลอดว่ามันคือเรื่องไกลตัว จนแม้กระทั่งว่าโต๊ะสองตัวที่ขนาบข้างอยู่ถูกวางเพิ่มด้วยแจกันดอกไม้ และคนที่หายไปจากห้องเรียนก็นั่งเยื้องจากตัวเองไปไม่มาก แต่ถึงอย่างนั้น ฉันก็ยังคงคิดว่ามันไกลตัวอยู่ดี...

ไกล.. จนน่าขำ..ที่คิดแบบนั้น

ทั้งที่ความห่างของคนเป็นกับคนตายมันก็กว้างแค่ช่องว่างระหว่างโต๊ะเรียนของฉันกับอาริสะและคุโรสึกิ

....ช่องว่างเพียงแค่นั้นเองแท้ๆ


แต่สำหรับฉันแล้วมันก็ยังฟังดูห่างไกลอยู่ดี.. จนถึงว่า ต่อให้ความตายมันประชิดตัว ฉันเองก็อาจจะไม่แม้แต่จะใส่ใจเลยก็ได้

อาจจะเพราะคิดมาตลอดว่าเรื่องพวกนั้นมัน 'ไม่เกี่ยวกับฉัน'


คิดมาตลอดว่า 'ใครจะตายก็ช่าง ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่ดี'


แต่...พอถึงเวลาที่คนในห้องเริ่มหายไปแล้วตัวเองไม่รู้สึกอะไร

ตอนนั้นเอง...ที่ฉันเริ่มรู้สึกหวาดกลัวกับความคิดของตนเองมากขึ้นทุกที


เพราะเวลาที่คนพวกนั้นจากไป...ฉันกลับยิ่งรู้สึกเหมือนชีวิตของฉันนั้นยังคงเหมือนเดิม...และไม่เคยมีอะไรเลยที่เปลี่ยนแปลงไป

แม้ว่าเพื่อนสมัยเด็กจะตายลงไปทีละคน...



แต่เย็นวันนั้น ฉันก็ยังสามารถเปิดดูกีฬาเบสบอลได้โดยไม่คิดแม้แต่จะเสียเวลาเปลี่ยนชุดเพื่อออกไปงานศพ




...ความตายของคนพวกนั้น..มันไม่ได้กระทบอะไรกับชีวิตประจำวันของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว...




4.

'ใครจะตายก็ช่าง ยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันอยู่ดี'

ไม่ว่าจะเป็นคนข้างห้อง เพื่อนร่วมชั้น อาจารย์ประจำชั้น หรือกระทั่ง 'เธอ'


ฉันก็คงจะแค่รู้สึกว่ารอบตัวของฉันมันเงียบลง แต่บางทีนั่นอาจจะดีกว่าที่พวกเธอทุกคนจะปล่อยให้ฉันสามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบได้โดยที่ไม่มีใครมารบกวน


ก็แค่ความเหงา...ก็แค่ความเงียบสงบ...ก็แค่วันวันหนึ่งที่เหมือนกับทุกๆวัน

ตื่นแต่เช้า จัดปิ่นโต ไปส่งน้องสาว ไปโรงเรียน ทำกับข้าว และกลับมานอน...วงจรของฉันเป็นยังไงมันก็ยังเป็นอย่างนั้น


เห็นไหมละ ว่าความตายของพวกเธอไม่ได้สร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้กับตัวของฉันเลยแม้แต่นิดเดียว




5.

เพราะแบบนั้นรึเปล่า ภาพนั้นถึงได้ติดตาของฉันตั้งแต่ในวันนั้นจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะยามหลับหรือตื่น ขอแค่ปิดเปลือกตาลงเท่านั้น สิ่งที่ฉันเห็นก็เหมือนจะถูกย้อมด้วยสีแดง...

และ ชิราโทริ มาชิโระ จะนอนอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางแอ่งน้ำที่ไหลลงมาจากคอของเขาพร้อมกับชิ้นเนื้อมากมาย และเสียงพัดลมเพดานที่ดังเอี๊ยดอ๊าด....

ดวงตาของชิราโทริยังคงปิดสนิท...เขาไม่ได้ขยับไปไหน

เขายังคงหลับอยู่อย่างนั้น และต่อให้ใครต่อใครร้องไห้ให้เขามากเท่าไหร เขาก็คงไม่มีวันตื่นขึ้นมาอีกเลยอยู่ดี




6.

นี่ ชิราโทริ มาชิโระ ถ้าจะโผล่มาแค่อย่างนั้นและไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับชีวิตของฉันนอกจากทำให้ฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมาทุกคืน.. ก็ได้โปรดช่วยหายออกไปจากฝันฉันซักทีได้ไหม




เพราะมัน..น่ารำคาญ











-----------------------------------------------------------------

ผปค. talk!
นี่เป็นเรื่องหลังจากที่มิชาโระ หรือไวท์คุงตาย.. แน่นอนว่าเราเขียนช้ามากๆ...มาก และในเรื่องเรายังออกทะเลไปอีกต่างหาก(...) บ้าจริง สาระละ สาระไปไหน orz!!

  • เอาเถอะ เราไม่เคยเขียนอะไรที่มีสาระอยู่แล้ว
  • และในเรื่องที่เขียนนี้ เอาจริงๆแล้วโคฮาคุคุงได้ภาพติดตาจากการตายของมาชิโระคุงอยู่ และถึงแม้ในฟิค(ช่วงจบ)เขาจะดูเหมือนว่าอยากให้หายไปซักที แต่เอาจริงๆแล้วหังจากวันนั้นโคคุงยังทำใจทานเนื้อไม่ค่อยได้ ช่วงนี้ที่บ้านเลยทานแต่ต้มผักและเต้าหู้กันรัวๆ + โคคุงช่วงอาทิตย์สองอาทิตย์แรกจะนอนไม่ค่อยหลับเพราะหลับตาทีไรจะพบมาชิโระคุงมาเซย์ไฮแบบศพๆตลอดเวลา 
  • โคคุงช่วงนี้หงุดหงิดง่ายซักหน่อย(?)เพราะนอนไม่พอ แรกๆก็สะดุ้งแบบคนฝันร้าย..แต่หลังๆเริ่มจะพาลใส่มาชิโระที่ตายไปซะแล้ว... /นี่มันแย่
  • ความจริงเขาก็มีคิดอะไรอย่างอื่นมากกว่านั้น แต่ไว้รอดูในซักวันแล้วกันครับ


ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ขอบคุณจริงๆครับ

ปล. ตอนนี้มาชิโระคุงกลายเป็นชายในฝันของโคคุงไปซะแล้วสิ..


No comments:

Post a Comment