0.
ซาซากิ โคโทริ เป็นเพียงพยาบาลฝึกหัดที่ประจำการในกะดึก หน้าที่ของเธอไม่ได้ยากเย็นหรือลำบากเท่ากับเหล่าพยาบาลเวรแถวหน้าห้องฉุกเฉิน เพราะอย่างนั้นนอกจากการจัดยาให้ผู้ป่วยในชั้นเจ็ด และออกเดินตรวจดูคนไข้หนักบางรายแล้ว เธอก็แทบจะไม่ได้รับการมอบหมายเรื่องอื่นจากรุ่นพี่เท่าไหร่นัก จนกระทั่งเด็กนักเรียนหญิงคนหนึ่งถูกพามาส่งที่โรงพยาบาล
เด็กคนนี้ไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย แต่จิตใจของเธอนั้น......แหลกสลายยิ่งกว่าอะไร
คุณมาริ คนที่เหมือนจะเป็นคุณน้าของผู้ป่วยเข้ามาดูอาการเด็กคนนั้นซักพัก ก่อนจะปล่อยให้เด็กผู้ชายอีกคนที่ตามมาหลังจากนั้นดูแลเธอเพียงลำพัง ..เรื่องพวกนี้รุ่นพี่พยาบาลนั้นเล่าให้เธอฟังจนเธออดไม่ได้ที่จะแอบไปดูผู้ป่วยในห้องพิเศษของห้องที่ริมสุดทางเดิน ที่นั่นเองที่เธอได้เห็นว่าเด็กพวกนี้เองก็มีอายุไม่ได้ห่างจากน้องสาวของเธอซักเท่าไหร่นัก
เพราะอย่างนั้นในช่วงที่ได้พักเปลี่ยนเวร เธอจึงเข้ามาในห้องนั้น...ทั้งที่รู้ว่าถ้าหัวหน้าพยาบาลรู้ก็คงจะโดนตำหนิที่ทำอะไรไม่เข้าเรื่อง แต่เพราะเห็นภาพเด็กพวกนั้นซ้อนทับกับน้องสาวและเพราะเป็นห่วงเด็กสองคนที่อยู่ในโรงพยาบาลกันตามลำพังโดยไม่มีผู้ใหญ่คนอื่นเธอจึงค่อนข้างกังวล
และเมื่อมาอยู่ใกล้ชิด ซาซากิจึงได้เห็นว่าในสายตาของคนอื่น โมริ นาเดชิโกะ นั้นไม่ปกติ และควรให้ความดูแลอย่างใกล้ชิด... แต่สำหรับเธอ มิซึสึกิ โคฮาคุ เองก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากัน
เธอไม่แน่ใจว่าคุณหมอกับพยาบาลคนอื่นจะดูกันออกรึเปล่า แต่เธอรู้สึกว่าเขามีอะไรที่...ไม่ปกติ เด็กผู้ชายคนนั้นปิดปากเงียบและไม่ค่อยพูด เขาไม่ยิ้ม ไม่แสดงสีหน้าหรืออารมณ์ใดๆจนแม้แต่ตัวของเธอเองก็ไม่สามารถเข้าใจได้ว่าในตอนนี้เขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่เธอเห็นได้ชัดคือเด็กคนนั้นไม่ได้สบตากับใครเวลาสนทนา ถามคำตอบคำเหมือนกับเด็กวัยรุ่นที่เลี่ยงปัญหาเวลาพูดคุยกับผู้ใหญ่ แต่เธอรู้ดีว่าไม่ใช่..
บางอย่างของเด็กคนนี้นั้น....ต่างออกไป เธอแค่ยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร... อาจจะแค่...เป็นห่วงเด็กผู้หญิงคนนั้น?
แต่เธอก็ยังไม่ละความพยายามอยู่ดี เธอคิดว่าเด็กผู้ชายคนนั้นอาจจะแค่ไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไง หรืออาจจะเข้าสังคมไม่เก่ง เธอจึงคิดว่าช่วงอายุที่ไม่ต่างกันมากนักอาจจะทำให้เขาพูดอะไรออกมาได้บ้าง ถ้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายบ้างซักนิดก็ยังดี
“ไม่เป็นไรนะจ๊ะ เรื่องแบบนั้นน่ะไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นหรอก เรื่องน่ากลัวแบบนั้น.. ฉันรู้ว่ามันยาก แต่เด็กคนนั้นต้องก้าวผ่านเรื่องที่เกิดขึ้นไปได้แน่ ฉันเข้าใจนะว่าภาพพวกนั้นมันติดตา ฉันก็เคยเห็นผู้ป่วยฉุกเฉินที่ไม่รอดเหมือนกัน แล้วตายไปต่อหน้าเหมือนกัน”
“ว่าแต่..คนที่เสียไปคือ โมริ ไทโย ที่เป็นญาติกับ โมริ อากิ ที่พักอยู่ที่นี่รึเปล่าจ๊ะ”
แต่เพราะเธอพลาดเผลอพูดคำที่ไม่ควรพูดออกไป กว่าจะรู้ตัวก็ตอนที่ถูกเด็กผู้ชายคนนั้นกระชากเข้ามาประชิดตัวพร้อมเสียงเหมือนของแข็งกระทบกับอะไรบางอย่าง นาเดชิโกะเริ่มเหวี่ยงเสาน้ำเกลือไปทั่วเหมือนคนเป็นบ้า ฟาดทำลายทุกอย่างรอบตัวแตกกระจาย ซาซากิหลุดเสียงร้อง ก่อนจะถูกผลักให้ล้มกระเด็นออกไปจากจุดนั้น
โคฮาคุไล่ให้พยาบาลสาวออกไปตามคนอื่น ในขณะที่ตัวเองก้าวเข้าหาคนบนเตียงหมายจะกระชากเสาน้ำเกลือนั่นกลับมา แต่เพราะความไม่ระวัง เสาเหล็กถึงได้ฟาดเต็มๆเข้าที่ขมับจนเกือบล้ม.. ยังดีที่นาเดชิโกะเป็นผู้หญิง...แรงจึงยังไม่มากพอจะน็อคเขาได้ในครั้งเดียว
เขาคว้าเสาน้ำเกลือ ยื้อกับอีกคนอยู่ซักพักจึงกระชากเสาน้ำเกลือปาทิ้งไปได้ แต่อีกคนก็เริ่มคว้าของใกล้ตัวทุ่มปาไปรอบด้าน แก้วน้ำที่โต๊ะข้างเตียงเฉียดหัวเขาไปไม่มาก สุดท้ายจึงตัดสินใจจะจับอีกคนไว้ก่อนที่จะอาละวาดยิ่งกว่านี้ แต่พอแตะตัวเท่านั้น นาเดชิโกะก็กัดเข้าเต็มแขน
".....ไอ้...." คำสบถถูกกลืนลงคอ ด้วยความคิดฉับพลันเลยกอดรัดร่างนั้นไว้แน่น แน่นมากพอจะทำให้เธอไม่สามารถสลัดตัวออกไปอาละวาดได้อีกครั้ง แม้ว่าแขนของเขาจะถูกกัดจนจมเขี้ยวแต่เขาก็ไม่คิดที่จะปล่อย
เลือดที่ไหลหยดลงบนพื้นนั้นถูกเหยียบซ้ำจนกลายเป็นรอยแดงขนาดใหญ่ พร้อมกับบรรดาหมอและพยาบาลที่รีบวิ่งเข้ามาในห้อง
…………..
"ไม่เป็นไรครับ"
นั่นคือคำที่เด็กคนนั้นพูดหลังจากนั้น อารมณ์บนใบหน้าของเขายังคงนิ่งเฉย แววตาของเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงไปแม้จะไม่ได้สบตากับเธอเหมือนทุกครั้ง
ซาซากิไม่เข้าใจ
เด็กคนนี้ยกแขนขึ้นกันเธอจากเสาน้ำเกลือ โดนฟาดเข้าที่ขมับ และโดนเด็กคนนั้นกัดจนเลือดไหล แต่เขาก็ยังนิ่ง จะว่าชินแล้วก็ไม่น่าจะใช่ แต่ในเมื่อเขาดูจะไม่อยากพูดอะไรกับเธอ หลังจากที่ทำแผลให้เขาจนเสร็จเธอจึงทำได้เพียงบอกให้เขาหายไวๆ ก่อนจะบอกลาและเดินออกจากห้องไป
-----------------------------------------------------
กลางดึกคืนนั้น ซาซากิถูกไล่ให้ออกมาตรวจห้องของ โมริ นาเดชิโกะ ซาซากิไม่รู้ว่าเพราะรุ่นพี่ไม่อยากจะมาเองรึเปล่า แต่เธอก็อยากจะมาดูเด็กทั้งคู่อยู่แล้ว แม้จะคิดว่าหลับไปแล้วแต่อย่างน้อยการมาตรวจดูก็เป็นสิ่งที่จำเป็น
แต่ตอนที่ซาซากิเปิดแง้มประตูห้อง เธอกลับได้ยินเสียงพึมพำจากในความมืดที่ฟังไม่ได้สรรพ ในตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเสียงของ โมริ นาเดชิโกะ ที่ตื่นจากฤทธิ์ยาขึ้นมากลางดึก แม้จะคิดว่าหมอไม่น่าจะให้ยาน้อยเกินไปแต่เธอก็ไม่ควรประมาท พยาบาลสาวจึงรีบกดเปิดไฟห้องเพื่อให้แน่ใจเพราะหากเกิดเหตุสุดวิสัยขึ้นมาเธอจะได้ตามคนอื่นมาทันท่วงที แต่พอก้าวเข้าไปในห้องเพื่อเช็คสภาพ เด็กคนนั้นกลับยังคงนอนหลับสนิทเหมือนกับเจ้าหญิงนิทรา
และตอนนั้นเองที่เธอรู้สึกได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่จับจ้องเธอทุกฝีก้าวจึงได้รีบหันกลับไปมอง
มิซึสึกิ โคฮาคุ นั่งกอดเข่าอยู่บนโซฟาผู้ป่วยเหมือนในช่วงเย็นที่เธอเข้าไปหา เหมือนกับว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ขยับตัวไปไหนนอกจากยกขาขึ้นมากอดเอาไว้และซุกหน้าลงไป เด็กคนนั้นไม่ได้พูดอะไรเหมือนปกติ แต่ดวงตาของเขาที่ล็อคเข้าที่ใบหน้าของซาซากินั้นนิ่งเฉย ตาของพวกเขาสบกัน..แต่เด็กคนนั้นเหมือนกับไม่ได้กำลังมองเธอ แต่กลับมองทะลุตัวของเธอไป...
มองอะไรซักอย่างที่เธอไม่รู้ว่าคืออะไร....
แววตาของเด็กคนนั้นมืดสนิท เขาไม่แม้แต่จะกระพริบตาด้วยซ้ำตอนที่จ้องหน้าเธอจนเธอเองต้องเป็นฝ่ายหลบสายตาไปก่อน และนั่นเองที่ทำให้เธอเพิ่งสังเกตว่าเสียงกระซิบนั้นเงียบไป...ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ...
เขามองเธออยู่อีกซักพัก ก่อนจะยืดตัวเงยหน้าขึ้นเพื่อมองเธอให้ชัดขึ้น
ท่ามกลางความเงียบนั้น ซาซากิถึงกับหายใจกระตุกเมื่อเธอเลื่อนสายตากลับไปสบกับเขาอีกครั้ง...
ริมฝีปากของโคฮาคุคลี่ออกอย่างเชื่องช้าแทนคำทักทาย แต่ดวงตาคู่นั้นไม่ได้แสดงอารมณ์ใดๆ...เหมือนกับสายตาของเด็กสาวที่ถูกรัดเอาไว้บนเตียง
แววตาของเด็กสองคนนั้นแทบจะไม่ต่างกันเลย...
1.
ภาพในความฝันนั้นยังคงเด่นชัด ไม่ว่าจะในยามหลับ...หรือตื่น...
ท่ามกลางท้องฟ้ายามเย็นที่แดงฉานเหมือนเลือด หัวของโมริ ไทโย กระเด็นขาดต่อหน้าต่อตาของเขากับนาเดชิโกะ
เลือดสีแดงนั้นสาดกระเซ็น
เปรอะไปหมด พร้อมเสียงกรีดร้อง...เสียงที่ฟังไม่เข้าใจ
สีแดง..ของชายคนนั้น
...และเธอ
เธอที่บ้าคลั่ง เธอที่ไร้สตินั้นกำลังโอบกอดหัวของชายคนนั้นเอาไว้ หัวของชายคนนั้น..
กรีดร้อง
เสียงของเธอ
ที่ฟังไม่รู้เรื่อง
เธอกรีดร้อง ร้อง ร้อง ร้อง
เธอนั่งตรงนั้น
บนพื้นนั่น
ฉัน...แค่จ้องมอง
และสบตา
ดวงตาคู่นั้นของเขา.....
จ้องมองมาทางฉัน ด้วยรอยยิ้มนั่น
ที่ไม่เปลี่ยนแปลง
2.
มิซึสิกิ เคย์ รีบเปลี่ยนขบวนรถไฟและนั่งรถต่อกลับมาที่เมืองโยมิยามะทันทีที่โคฮาคุโทรมาหา เสียงของน้องชายเหมือนกำลังจะเป็นบ้า เขาพูดและอ้อนวอนอย่างที่คนเป็นพี่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
‘พี่.....ช่วยด้วย…’
นั่นคือคำสั้นๆแต่กลับเต็มไปด้วยความหมาย และตอนที่เขากลับมาถึงบ้าน สิ่งที่เห็นทำให้เขาถึงกับพูดไม่ออก ภาพของน้องชายที่ดูไม่ปกติ กับเลือดบางส่วนที่อยู่บนเสื้อนั้นทำให้เขาเริ่มต้นไม่ถูก แต่พอยังไม่ทันจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็วิ่งเข้าห้องน้ำ...อ้วกจนแทบทรุดอยู่ในนั้นจนเขาต้องหันไปหาน้องสาวทั้งสอง
มิอินะทำหน้าเหมือนจะร้องไห้เพราะไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ส่วนโคโตเนะที่นิ่งกว่าก็บอกแค่ว่าพออีกฝ่ายกลับจากการไปส่งพี่นาเดชิโกะก็เป็นอย่างนั้น ตัวของเด็กทั้งสองสั่นและกอดกันเอาไว้แน่นจนเขาทำได้เพียงแค่โกหกพวกเธอว่ามันจะไม่เป็นอะไร
กว่าจะกล่อมให้โคฮาคุสงบสติลงและปลอบจนอีกฝ่ายพูดออกมาเป็นภาษาก็ผ่านไปเกือบสองชั่วโมง เขาทำได้แค่กอดและลูบหลังของน้องชายไว้เพียงเท่านั้น
หัวของ โมริ ไทโย กระเด็นขาดออกไปต่อหน้าต่อตา... มันทำให้น้องชายเขาแทบบ้า
แต่เขาก็เป็นห่วงนาเดชิโกะเช่นกัน จึงได้รีบรุดไปโรงพยาบาลโดยมีโคฮาคุตามมาด้วย และนั่นก็ทำให้เขาได้เห็นเด็กที่รักเหมือนกับน้องสาวมีสภาพที่ย่ำแย่แทบไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะพูดคุยยังไงอีกฝ่ายก็ยังคงนั่ง เหมือนกับร่างที่ไร้วิญญาณ..เหมือนกับตุ๊กตา....
โคฮาคุขอร้องกับเขาหลังจากนั้นว่าให้ช่วยพาน้องๆกับแม่ไปอยู่ด้วยซักพัก และเขาก็ตกลง.. เอาจริงๆแล้วเขาก็ดึงดันว่าจะอยู่ที่นี่กับอีกคน แต่อีกฝ่ายกลับบีบข้อมือเขาเหมือนกับจะบังคับ...แววตาของน้องชายที่ไม่เคยเห็นกำลังออกคำสั่งเขาว่าให้ทำตามที่พูด..
ซึ่งเขาก็ทำ...
"เพราะอาถรรพ์เหรอ?"
คำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบ แต่แววตาของน้องชายกลับเปลี่ยนไป...มันดูมืดลงยิ่งกว่าเดิม
3.
ถาดใส่อาหารถูกเทลงในถุง โคฮาคุมัดปากถุงก่อนจะทิ้งมันลงในถังขยะ
ขนมที่ได้มาจากซาซากิซังเองก็ทานไปได้แค่คำสองคำ สุดท้ายก็ต้องใส่ถุงแล้วทิ้งไปเหมือนกัน
เอาจริงๆเขาก็อยากจะเก็บบางอย่างเอาไว้ แต่ถ้าเก็บบางอย่างไว้มันก็จะทำให้ถูกสงสัย...เขาไม่อยากที่จะถูกซักถาม ไม่อยากจะพูดคุยกับใคร ว่าไม่ใช่แค่ โมริ นาเดชิโกะ ที่เห็นเรื่องในวันนั้นเพียงลำพัง..แต่ตัวของเขาเองก็อยู่ตรงนั้น และเห็นทุกอย่างเช่นกัน..
ทุกคืนเขาจะสะดุ้งตื่นมากลางดึกจากฝันร้ายและบางคืนก็ไม่ได้นอนต่อ ทุกวันที่ทานอาหารได้แค่ไม่กี่คำแล้วอ้วกออกมาเมื่อนึกถึงสิ่งที่เห็นในวันนั้น แค่เพียงปิดตาโลกทั้งใบของเขาก็กลายเป็นสีแดงฉาน
บางครั้งก็รู้สึกเหมือนว่ามีใครซักคนมองเขาจากความมืด..ความว่างเปล่า และบางทีก็เหมือนกับได้ยินเสียงกระซิบกระซาบจากที่ไหนซักแห่ง
และบางครั้งที่เขานั่งนิ่งอยู่ในตอนเช้า พอรู้ตัวอีกทีพระอาทิตย์ก็กำลังจะตกดิน...
บางทีเขาอาจจะใกล้เป็นบ้า...
บางที...เขาอาจจะเป็นยิ่งกว่านาเดชิโกะ...
แต่เขาก็ยังคงปิดปากเงียบ และนั่งอยู่ตรงนั้น
จ้องมองข้ามเตียงของนาเดชิโกะไปในความว่างเปล่า.....ราวกับกำลังมองดูใครซักคน
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
Talk…
- เพราะเดินมาส่งนาเดชิโกะ ทำให้โคฮาคุเห็นหัวไทโยซังปลิวไปต่อหน้าต่อตาเช่นกัน แต่เพราะไทโยไม่ได้สำคัญกับเขาเท่านาเดจี้ เจ้าตัวเลยไม่คลั่งเท่านั้น
- แต่เอาจริงๆ สภาพจิตใจของโคฮาคุตอนนี้เป็นระดับที่มากกว่านาเดชิโกะไประดับหนึ่งไปแล้ว เพราะนาเดจี้อยู่ในสภาวะ “ตกใจและปฏิเสธความจริง” แต่โคฮาคุอยู่ช่วง “ต่อรอง, เศร้า หรือหมดหวัง” คือเริ่มยอมจำนนกับเหตุผล แต่ยังคงไม่ยอมรับ ซึ่งบางครั้งก็เริ่มจะหูแว่วและเห็นภาพหลอนเป็นบางช่วง
- แต่โคฮาคุไม่เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังนอกจากเคย์(พี่ชาย) เพราะงั้นจะไม่มีใครรู้ว่าเขาเอาก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพราะอย่างนั้นในสายตาคนอื่นก็อาจจะเห็นเขาเงียบลงและเหม่อมากขึ้นเฉยๆ
- แต่ข้างในมันไม่ใช่… มันไปไกลมากแล้ว...
- เพราะอย่างนั้นโคฮาคุเลยฝากน้องกับแม่ไว้กับเคย์ ให้เคย์เอาไปโอซาก้าด้วย + ตัวเองคิดว่ามันน่าจะปลอดภัยมากกว่าถ้าแม่กับน้องๆและพี่ชายไม่ได้อยู่ในเมืองนี้
- ความจริงเคย์ไม่อยากจะทิ้งโคฮาคุไป แต่เพราะรู้ว่าอยู่ต่อไปน้องคงบ้ากว่านี้ ก็เลยโอเค..แต่ก็กำชับว่าให้ส่งข้อความติดต่อมาทุกวันนะ
- ก็ใช่จะส่ง--
- ตอนนี้ส่วนมากจะใช้เวลาอยู่ในห้องพยาบาลของนาเดชิโกะ นั่งอยู่ในนั้นทั้งวัน และจะหยุดเรียนราวๆ 3-4วัน
- ตอนกลางคืนมันมีมากกว่าพึมพำคนเดียว..มันมีมากกว่านั้น….. แต่ซาซากิซังไม่กล้าจะผ่านห้องนั้นตอนกลางคืนเท่าไหร่แล้ว เพราะอย่างนั้น...อืม จะมีใครได้รู้ไหมก็ต้องรอดูในอนาคต บางทีซาซากิซังอาจจะไปอีกครั้งก็ได้นะ!
No comments:
Post a Comment