**หมายเหตุ : มีเพลงประกอบนะ**
วันนี้เป็นวันอะไรกันนะ...
..เหมือนว่าจะเป็น.....วันเผาศพของอิทสึกิ....รึเปล่านะ..
แล้ววันเผาศพของเบนิบาระ
กับวันของคาสึฮาระนี่มันวันไหนกันนะ......
....จำไม่ได้เลย....
....จำไม่ได้เลย....
แต่ยังไงก็ไม่ได้ไปอยู่แล้วนี่นา...
เพราะอย่างนั้นก็ช่างเถอะ...
..จะว่าไปแล้ว.... พรุ่งนี้ก็ไม่ได้หยุดเรียนนี่นะ
.....เทนโชอินเองยังไม่กลับ....
เอาเป็นว่า...ค่อยคิดว่าจะทานอะไรทีหลังก็แล้วกัน
....
ตอนนี้การบ้านที่จะต้องส่งพรุ่งนี้ก็ทำเสร็จแล้ว
ผ้าเองก็ซักไปแล้วเมื่อวาน...
ยัง....เหลืออะไรที่ไม่ได้ทำอีกไหมนะ..
....
..
...
จะว่าไป..อัลบั้มรูปที่เอาออกมาเมื่อวันก่อนก็ยังไม่ได้เก็บเลย..
สมุดที่รวมภาพสมัยอนุบาลกับสมัยประถมนั่น...
..........ฉัน...
.....หยุดที่จะถ่ายภาพไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ....
.....หยุดที่จะถ่ายภาพไปตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ....
.......
ตอนนี้เอื้อมไปหยิบอัลบั้มปกแข็งสีเข้มขึ้นเปิด ฉันจำได้ว่ามีช่วงนึงที่คนในบ้านบ้าถ่ายรูปเพราะแม่ได้กล้องโพลาลอยมาจากที่ไหนซักแห่ง
แม่บอกว่าการถ่ายภาพคือสิ่งที่ดีที่สุด
เพราะว่ามันจะช่วยเก็บรวบรวมความทรงจำที่เป็นรูปภาพได้
ถึงจะต่างจากการเขียนไดอารี่ แต่ถ้าแค่จดคำสั้นๆลงไปก็จะพอเตือนความจำได้บ้าง
เพราะแบบนั้น..พี่ก็เลยถ่ายภาพของฉันกับเพื่อนในสมัยนั้นเก็บเอาไว้เต็มไปหมด.....
จน...ตอนไหนกันนะ..
จน...ตอนไหนกันนะ..
ตอนไหนกัน....ที่ภาพถ่ายพวกนั้นถูกหยุดลง.......
...
.....
..
ตอนที่ไล่ปลายนิ้วไปตามรูปถ่ายแต่ละใบ..ฉันรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนเหล่านั้นเหมือนจะดังออกมาจากภาพใบเล็กขนาดไม่ถึงฝ่ามือ
ทั้งความสุขและความสดใส...สื่อผ่านแววตาและใบหน้า... มันราวกับว่าเรื่องในวันนั้นถูกเก็บเอาไว้ในนี้
ทุกความรู้สึก ทุกความทรงจำ.....มันไม่ได้จากไปไหนเลย..
แม้ว่าบางคนจะจากไปแล้ว แม้ว่าบางคนจะย้ายไปในที่ที่ไกลแสนไกล แต่พวกเขาก็ยังอยู่ตรงนี้เสมอไม่ใช่เหรอ..
ทั้งรอยยิ้มของโอจังในวันสุดท้ายที่เราได้ถ่ายคู่กัน...
....รอยยิ้มของอิทสึกิ
กับอาริสะในช่วงประถม...
โคโคโระที่กอดตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบทุกๆครั้ง....
...โคซารุที่ถ่ายคู่กับพี่....
โทยะกับฉันที่กำลังทะเลาะกัน....
..นัตสึกับหมวกเบสบอลของทีมโปรด...
...โคซารุที่ถ่ายคู่กับพี่....
โทยะกับฉันที่กำลังทะเลาะกัน....
..นัตสึกับหมวกเบสบอลของทีมโปรด...
....โทระที่ยืนอยู่หน้าร้านราเม็งนั่น.....
.....
..
และ.....
`เธอ` ...ที่กำลังมองฉันผ่านซี่ลูกกรงของระเบียงห้องข้างๆ จ้องผ่านเลนส์สบตาฉันด้วยรอยยิ้มที่หวานยิ่งกว่าใคร
ทุกคนยังคงอยู่ในนี้....มันไม่ได้ไปไหนซักหน่อย
ทุกคนยังคงยิ้ม ยังคงหัวเราะอยู่ในนี้..
และในความทรงจำของฉัน....ไม่ใช่เหรอ
ไม่ได้...หายไปซักหน่อยไม่ใช่เหรอ..
........
....อา....
จำได้แล้ว...
ว่าที่เลิกถ่ายภาพไปเพราะอะไร....
ที่เลิกพกกล้องโพลาลอยติดตัวไปก็เพราะอะไร...
ฉัน.....จะไม่ลืมอีกแล้ว....ไม่ลืม...
......
ติ๊ดๆ....ติ๊ดๆ...
......
ตอนที่สติเริ่มจะถูกดึงหาย เสียงข้อความของมือถือก็ดังขึ้นเรียกความสนใจ....ฉันหยิบมัน และเปิดดู...
....เบนิบาระ เซ็ตสึนะ....
.......
..
ถึง มิซึสึกิซัง
สวัสดีครับมิซึสึกิซัง...หวังว่าคุณ...และครอบครัวจะสบายดีนะครับ
ส่วนผม...อืม...ผมกำลังจะไปทำเรื่องอันตรายบางอย่างล่ะครับ
ทั้งๆ ที่คุณอุตส่าห์ไปเยี่ยมถึงที่โรงพยาบาลแท้ๆ แต่ผมก็ไม่ดูแลตัวเองดีๆ จนได้ ขอโทษนะครับ
แต่นั่นก็เป็นเพราะว่า ‘เขาคนนั้น’ ดันไปแตะต้อง ‘คนสำคัญ’ ของผมเข้าน่ะครับ
...ขอโทษด้วยที่ผมมิอาจพูดชื่อตรงๆ ได้ แต่คุณอาจจะทราบเองในภายหลังก็ได้
มึซึสึกิซัง…
ผมยังแปลกใจจนถึงทุกวันนี้ถึงความใจดีของคุณล่ะครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เข้ามาช่วยผมที่กำลังเลือดไหลอาบมือวันนั้นจะเป็นคุณ
ทำไม...เราไม่เจอกันเร็วกว่านี้นะครับ?
ถ้าได้สนิทกันมากกว่านี้ บางที...เราอาจจะมีโอกาสสร้างความทรงจำดีๆ ด้วยกันให้มากกว่านี้เนอะครับ
แต่ตัวผมในตอนนี้...ตัวผมในตอนที่คุณกำลังอ่านเมล์ฉบับนี้อยู่...คงจะไม่มีโอกาสได้สร้างความทรงจำใดๆ แล้ว
มึซึสึกิซัง…อย่าตายนะครับ
ตัวผมที่ไร้ความสามารถนี้ ตอนนี้...ปรารถนาเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นละครับ
คือขออย่าให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าของใครอีก และขอให้...จำนวนคนในห้องไม่ลดไปกว่านี้เลย ให้มันจบที่ผม...ที่การกระทำครั้งนี้ของผมเถอะครับ
ถ้าทุกอย่างเป็นแค่ฝันร้าย...ก็คงดี...สินะครับ?
เบนิบาระ เซ็ตสึนะ
...
........
พออ่านจบ ฉันก็แค่ปิดมันลงไป แล้วหันกลับไปมองภาพถ่ายแต่ละใบ แม้ในหัวจพคิดอะไรหลายอย่าง แต่ใจของฉันก็พยายามจะบอกว่าอย่าคิด...อย่าคิดมากไปกว่านี้
.........
ข้อความนั่น.....นั่นสินะ ฉันเองก็เหมือนกัน...
ถ้าได้พบกันนานกว่านี้...ถ้าได้เริ่มคุยกันมากกว่านี้แล้วละก็......
......
อา.........
เพื่อนของฉัน.....ค่อยๆ...หายไปทีละคนอีกแล้วสินะ....
ทุกคนที่อยู่รอบตัว...
ทีละคนสองคน.....
ทั้งที่.....ทั้งๆที่ฉันยัง......
ถ้าได้พบกันนานกว่านี้...ถ้าได้เริ่มคุยกันมากกว่านี้แล้วละก็......
......
อา.........
เพื่อนของฉัน.....ค่อยๆ...หายไปทีละคนอีกแล้วสินะ....
ทุกคนที่อยู่รอบตัว...
ทีละคนสองคน.....
ทั้งที่.....ทั้งๆที่ฉันยัง......
......
.....
.....
....
“........”
....
แต่ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ...
...
..........
“..อึก...........”
.......
แต่การที่ฉันได้พบกับพวกเธอน่ะ...
...
.......
“........”
........
...
การที่ฉันได้พบกับพวกเธอแต่ละคนน่ะ...
..........
......
..
“ฮึก........”
.........
...
.......
..
มันช่างมีค่า...มากมายเหลือเกิน........
...........
.....
.......
...
......ขอบคุณนะ...ที่พวกเราได้มาเป็นเพื่อนกัน...
....ขอบคุณนะที่เข้ามาคุยกับฉัน...
...ขอบคุณนะ...ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตของฉัน ได้รู้จักคนอย่างพวกเธอ....
..ขอบคุณนะ...
...
....
...
.....ขอบคุณ.....
....มากจริงๆ...
...
..........
.....
...
..
ฉันกรีดร้อง.....กรีดร้องทั้งน้ำตา
มันเจ็บ...มันเจ็บ...
หายใจไม่ออก...........ทรมาน.......
...มันเจ็บ....
.......มันเจ็บ........
....
......
...
มัน.......เจ็บ..........เหลือเกิน.....
--------------------------------------
Talk....
- ที่โคคุงร้องไห้ออกมา จริงๆก็ไม่ไช่เพราะสามคนนั้นตายหรอกครับ แต่เหมือนเป็นอารมณ์ที่ทับถมกันมาตลอดตั้งแต่ช่วงที่คนรู้จักแต่ละคนต่อยๆตายไปทีละคนสองคนนั่นละ แล้วมันระเบิดออกมา
- เสียใจสิ เสียใจมากเลย บ้าเอ๊ยยย
- แต่แน่นอนว่าเรายังไม่ไปงานศพอยู่ดี บัย
- และเราก็ยังไม่คิดจะวอร์ด้วยเช่นกัน (...)
- แต่หลังจากนี้เป็นต้นไป โคฮาคุจะพกกล้องโพลาลอยติดตัว แล้วจะไม่ขาดเรียน(เหมือนทุกวัน) เวลาถ่ายเขาไม่ขอใครหรอกนะ เพราะอย่างนั้น....ห้ามไปก็เสียเวลาเปล่า
- คนที่ส่งเมสเสจมาให้คือไทโยคุง เพื่อนเบนิบาระละ ขอบคุณมากนะครับ
- จากวันนี้ไป โคฮาคุอาจจะเริ่มยิ้มมากขึ้นทีละนิด... อืม ไม่ได้สติแตกหรืออะไร แต่เบนิบาระบอกว่าไม่อยากให้รอยยิ้มหายไปจากใบหน้าใครเพิ่มอีกแล้ว เราก็เลย..เพิ่มรอยยิ้มของเราขึ้นมาเท่านั้น
- ขอบคุณที่อ่านมานะครับ
No comments:
Post a Comment