Tuesday, September 6, 2016

[YK] [11] Side Story: 羨望





สมัยเด็กฉันเป็นคนขี้อิจฉา



อาจจะฟังดูแตกต่างจากตอนนี้มาก แต่ภายในแล้วฉันก็ยังคงเป็นคนขี้อิจฉาอยู่ดี เพียงแค่สิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นตามมาคงเป็นคำว่า “ไม่เป็นไร” และกันตัวออกห่างจากสิ่งเหล่านั้นมาตลอด ทำแค่จับตามอง และหยุดอยู่ในที่ไกลๆเท่านั้น


แต่สมัยก่อนนั้นฉันเป็นเด็กที่อิจฉาจนเรียกได้ว่าอิจฉาได้กับทุกอย่าง


ทั้งเรื่องที่เด็กคนอื่นในห้องมีพ่อกับแม่ไปรวมงานในวันเยี่ยมชมการเรียนการสอน..

..ในขณะที่ถ้าพี่ชายไม่โดดเรียนมาดูฉัน ก็จะไม่เคยมีใครมาเลย


ทั้งเรื่องที่เด็กคนอื่นได้ของขวัญทั้งในวันปีใหม่ และได้ออกไปเที่ยวในวันเทศกาล..

..ในขณะที่มากสุดของพวกเราคือการนั่งทานหม้อไฟกับพี่โดนที่พ่อกับแม่ออกไปเที่ยวที่ไหนซักแห่ง และในบางครั้งเคย์จังก็จะออกไปกับเพื่อนๆหลังจากนั้น




ทั้งเรื่องที่เด็กคนอื่นมีในสิ่งที่ฉันไม่มี....

ครอบครัวที่อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า..

ได้ทานอาหารที่แม่ทำทุกวัน..

ได้ทานเค้กวันเกิดทุกปี...

ได้จูงมือกันไปไหว้ศาลเจ้าในวันปีใหม่...



...ทุกคนมีในสิ่งที่ฉันไม่มี...



แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังดีใจที่มีคนยอมเป็นเพื่อนกับฉัน



ฟุชิวาริ โอคาเบะ เพื่อนคนแรกที่เล่นเบสบอลด้วยกันตอนอนุบาล..

...ที่สุดท้ายก็เดินทางไปต่างประเทศ และมีเพื่อนใหม่


โนชิโระ อาริสะ กับ อาโอคิชิ อิทสึกิ เพื่อนที่ได้มาตอนประถม...

...พวกเขาสนิทกันเองมากกว่าฉันเสียอีก


อาโอยามะ จิกะ ที่ได้พบกันตอนประถม และเล่นซอร์ฟบอลด้วยกันมาตลอด...

...กลายเป็นศูนย์รวมของผู้คนที่ฉันไม่รู้จักเต็มไปหมด


คันนะซึกิ โคโคโระ เด็กขี้แงที่ร้องไห้ไม่หยุดจนต้องยื่นมือเข้าหาบ่อยๆ

...ก็ไปสนิทกับคนที่ย้ายมาใหม่อย่าง โยชิฮาระ ซาจิโกะ


เจ้าคนน่ารำคาญอย่าง โรคุดะ โคซารุ กับคนปากหนักอย่าง โอนิยามะ โทราโนะสึเกะ เอง...

....ก็ไปหา โมริ นาเดชิโกะ ที่เพิ่งย้ายมาในช่วงชั้นประถมปีที่หก

....นอกจากนี้ยังแย่งพี่ชายฉันไปอีกด้วย




น่าอิจฉาจังเลยนะ....

น่าอิจฉาชะมัดเลยนะว่าไหม...

ที่ใครต่อใครต่างก็สนิทกันได้ง่ายๆ และที่คนอย่างฉันรู้สึกกลัวเกินกว่าที่จะแทรกตัวเข้าไป

แม้ว่าฉันจะมองห่างๆ ทำเป็นไม่สนใจ บอกว่าไม่เป็นอะไร แล้วเหวี่ยงไม้เบสบอลต่อไป...เพียงแค่เพราะต้องการที่จะลืม ก็เลยเหวี่ยงแรงขึ้น แรงขึ้นและแรงขึ้น ฝึกซ้อมจนกว่าพระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้า ให้เหงื่อร่วงลงมาแทนน้ำตา แล้วตีหน้ายิ้มแย้มให้กับพี่ชายระหว่างที่เดินกลับบ้านไปด้วยกัน


ฉันเองก็อยากจะได้เหมือนกันนะ ฉันเองก็ต้องการที่จะมีเหมือนกันนะ

สิ่งที่พวกเธอไม่สนใจ สิ่งที่บางคนมองข้ามไปน่ะ

ทำไมถึงได้...น่าอิจฉาขนาดนี้กันนะ


...มันช่างไม่ยุติธรรมเอาซะเลย...



แต่แล้วเรื่องพวกนั้นก็เริ่มน้อยลง ลดลงอย่างช้าๆ

อาจจะเพราะในตอนนั้นฉันมีองค์หญิงอาจิไซอยู่กับฉัน ฉันเลยไม่สนใจใครเท่าที่ควร

หรืออาจจะเพราะฉันเริ่มห่างจากคนอื่นๆ ฉันเลยยิ่งผูกตัวติดกับชิโรวกะมากขึ้นก็เป็นได้



มากขึ้น มากขึ้น



มากขึ้นจนรู้สึกว่าถ้ามีแค่เธอแล้วฉันก็ไม่ต้องการใครอีก

มากขึ้นจนรู้สึกว่าฉันคงขาดเธอไปไม่ได้อีก


และมากขึ้นเพราะรู้ดี...ว่าพวกเราสองคนนั้นเหมือนกัน....



เพราะว่าฉันไม่มีใคร และเธอก็ไม่มีใคร

เพราะว่าฉันนั้น อยู่คนเดียว ตัวของเธอก็ อยู่คนเดียว

พวกเราทั้งสองต่างก็ถูกทิ้งจากคนรอบตัว ทั้งครอบครัวและสังคม

เพราะอย่างนั้นฉันถึงมีแค่เธอ และเธอก็มีแค่ฉัน

เพราะอย่างนั้น...

เธอจึงเป็นสิ่งเดียว

เป็นคนเดียวที่ฉันมี

ที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้...ไม่มี


ตอนที่พวกเราเกี่ยวนิ้วที่ผูกด้ายสีแดงไว้ด้วยกัน เธอยิ้ม ฉันยิ้ม....

ตอนที่เธอหยิบมีดทำครัวออกมากรีดนิ้วของทั้งเธอและฉันก่อนจะยื่นให้มาประกบกัน เธอบอกกับฉันว่าสิ่งนี้จะผูกพวกเราเข้าไว้ด้วยกัน


เลือดของเธอในตัวของฉัน

เลือดของฉันในตัวของเธอ


จากนี้ไปไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น....พวกเราจะมีแค่กันและกันตลอดไป




"หลังจากนี้ พวกเราก็จะอยู่ในตัวของกันและกันตลอดไปแล้วนะคะ"




นั่นคือคำพูดขององค์หญิงอาจิไซ ที่สาปให้ฉันไม่อาจที่จะลืมเรื่องของเธอได้ไปตลอดกาล







"และเท่านี้.. ชิโรวกะก็ไม่ต้องอิจฉาเวลาโคฮาคุคุงคุยกับคนอื่นแล้วด้วยค่ะ"









"เพราะว่าโคฮาคุคุงเป็นของชิโรวกะแล้วยังไงละคะ"









"แม้แต่ความตาย ก็จะพรากพวกเราไปจากกันไม่ได้แล้วล่ะค่ะ"











รอยยิ้มรูปจันทร์เสี้ยวขององค์หญิงอาจิไซนั้นยังคงงดงาม แม้จะอาบย้อมไปด้วยสีดำ














[End.]

No comments:

Post a Comment