Friday, January 20, 2017
[INTS] [06] My Promised Land
อเลสเตอร์นอนป่วยอยู่บนเตียง
อยู่ๆไข้ของเขาก็พุ่งขึ้นสูงจนน่าตกใจ ทั้งที่ตอนเช้ายังไม่เป็นอะไรแท้ๆ
ยังแข็งแกรงอยู่จนถึงก่อนพระอาทิตย์จะตกดินแท้ๆ
ก็รู้แหละว่าคงไม่รอด
ทั้งที่คิดว่าไม่ว่ายังไงก็จะกลับไปให้ได้แท้ๆ
ทั้งที่คิดว่าแข็งแรงดีมาตลอด
ทั้งการเที่ยวไปสัญญากับใครต่อใคร..
...แต่ก็ผิดสัญญาไปหมดทุกอย่าง
บางทีนี่อาจจะเป็นคำสาปในสิ่งที่ทำลงไป
บางทีคนที่ตายอาจจะกำลังสาปแช่งเขาอยู่...
หรือไม่ก็คงเป็นบราเธอร์คาร์ลอสเองนั่นแหละที่ไม่ยอมให้เขาอยู่รอด...
.....
ขอโทษนะ
ผิดสัญญาซะแล้ว....แต่ว่า...
ที่สัญญาไปนั่น..ก็ไม่คิดอยู่แล้วล่ะว่าจะทำได้
ไม่คิดอยู่แล้วล่ะ....ว่าจะได้รอดกลับไป
.....
...
ถึงจะว่าอย่างนั้นก็เถอะ...แต่ว่า...
อยากจะ...กลับบ้านเหลือเกิน
อย่างน้อย..ถ้าต้องตาย...ก็อยากจะไปตายที่บ้านแท้ๆ....
ไม่อยากตายบนแผ่นดินอังกฤษ..
ฉัน....อยากจะกลับไปที่สก๊อตแลนด์....
ไปที่บ้านเกิด...ไปหาพ่อ...แม่.....ดันแคน เกรเกอ กับรอสส์....
ไปหาทุกคน..
ฉันอยากจะฟังเสียงของปี่สก๊อต
ฉันอยากจะขี่ม้า...
อยากจะล่าสัตว์....อยากจะ....ทำทุกอย่าง
ฉันไม่อยากมาตายที่นี่ ไม่อยากให้ทุกอย่างจบลงอย่างนี้...
ถึงจะรู้อยู่แล้ว..เตรียมใจเผื่อเอาไว้แล้ว...
ฉันอยากจะกลับไป....ที่แผ่นดินแม่ของฉัน
และ...ใช่........ใช่........
ฉันอยากจะกลับไปที่ทุ่งหญ้านั่น...
ฉันอยากจะไปที่นั่นอีกครั้ง..
...ที่ที่ทุ่งหญ้าเป็นสีทอง...
.....ที่ที่ผืนน้ำเป็นประกายเหมือนกับอัญมณี....
ที่ที่ฉันได้พบกับเธอ..
.....ที่ที่ฉัน....
...อยากจะกลับไป..
....ที่ทุ่งหญ้านั่น....
ทุ่งหญ้าแห่งคำสัญญา...คำสัญญาเดียวที่ฉันไม่อยากจะทำลายมัน..
คำสัญญาเดียวที่ฉันต้องการจะเก็บไว้...
คำสัญญาเดียวที่ไม่ว่าจะตายกี่ครั้งก็ไม่ต้องการที่จะลืมมันไป...
ที่ทุ่งหญ้าภายใต้ผืนฟ้าสีคราม...
ที่ที่ฉันได้พบกับเธอ....
...ที่ที่ฉันได้จับมือกับเธอ
ที่ที่เราได้นอนมองดวงดาวด้วยกัน... มองดูดวงเหล่านั้นที่พร่างพราวอยู่เต็มฟ้า
ที่ที่เธอได้กระซิบบอกกับฉัน..
....ที่ที่พวกเราได้ให้สัญญากัน....
...ที่ที่ฉัน....ต้องการจะกลับไป....
ที่ที่ฉันอยากจะเรียกมันว่า “บ้าน”
บ้าน....ของฉันเพียงแค่คนเดียว...
....บ้านของฉัน....
.....ที่ฉันไม่อาจ...จะกลับไป....
ที่ที่ฉัน...............
ต้องการที่จะ....................
Monday, January 16, 2017
[INTS] [05] Unforgivable Sin
0.
เมื่อตอนที่อเลสเตอร์อายุสิบเจ็ด เขาเห็นน้องชายของตัวเองจูบกับเด็กชาวบ้านซักคน...
ในตอนนั้นหัวใจของเขาแตกสลายไม่มีชิ้นดี
1.
ตอนนั้นอเลสเตอร์กลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงปิดภาคเรียน น้องชายของเขาก็เริ่มโตขึ้นมากแล้วแม้จะยังเด็กกว่าเขามากก็ตาม ดันแคนอายุสิบสอง เกรเกอสิบเอ็ด และรอสส์อายุเพียงแค่แปด แต่เด็กพวกนี้ก็โตเร็วมาก แม้จะยังไม่ถึงไหล่ของเขา แต่ก็สูงมากกว่าเด็กผู้ชายหลายคนที่อายุประมาณนี้
เขาคิดว่าส่วนนึงคงเป็นเพราะที่บ้านของเขาจำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน ทั้งล่าสัตว์ ขี่ม้า และงานอื่นๆที่ลูกของเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์พึงกระทำ ไหนจะเรื่องที่แม่ของเขาทำอาหารมากมายให้พวกเขาทานตลอดเลยยิ่งทำให้น้องๆของเขาสูงขึ้นพรวดพราด แต่นั่นก็ทำให้เขายิ้มไม่หุบ
เจ้าเด็กสามคนนิสัยต่างกันไปคนละทาง ดันแคนนั้นฉลาดที่สุดและใจเย็นกว่าใคร ชอบทั้งอ่านหนังสือและล่าสัตว์ มักจะขอตามเขาเข้าป่ามาตั้งแต่เด็กๆ รอสส์นั้นร่าเริงและมีชีวิตชีวา เป็นเด็กที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและช่างซักช่างถาม หัวไวและเรียนรู้ได้เร็วที่สุดในบรรดาพี่น้อง
ส่วนเกรเกอ..
เกรเกอเป็นเด็กที่เงียบ แต่ไม่ใช่พวกเก็บตัวและไม่ใช่พวกยอมใคร แค่ไม่ใช่คนช่างพูด ชอบลงมือมากกว่าพูด แต่ก็แข็งแรงและซนมากเหมือนกับอีกสองคน
อเลสเตอร์มักพูดเสมอว่าเขารักน้อง ว่าน้องเป็นความภูมิใจของเขา
ตั้งชื่อให้เอง เลี้ยงมาเอง.. ดูแลทุกอย่างเท่าที่ที่บ้านจะสั่งให้เขาทำ
ไม่ว่าน้องจะเป็นยังไงเขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเสียใจ.....
จนวันนั้น...เขาเห็นเกรเกอจูบกับเด็กในหมู่บ้านซักคนที่อายุพอๆกับเขาที่หลังโรงเก็บม้า
แน่นอนว่าเกรเกอก็เห็นเขา หลังจากนั้นเขาก็ต้องเรียกตัวน้องชายเพื่อให้มาคุยกันสองต่อสองก่อนที่จะขาดสติทำตัวโง่ๆออกไป...
...เหมือนอย่างที่เขาได้เผลอทำกับเด็กคนนั้น...
2.
ในยุคสมัยนี้ชายรักชายเป็นเรื่องที่ผิด และความผิดนี้แน่นอนว่าหากเป็นผู้ใหญ่คงไม่พ้นที่จะถูกติดคุกเป็นแน่ และถึงเขาจะไม่รู้ว่าถ้าไปถึงหูพ่อแล้วน้องชายของเขาจะมีสภาพเป็นแบบไหน ถึงจะอายุแค่สิบเอ็ดปีแต่แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าพ่อของเขานั้นต่อให้เป็นพ่อที่ดีมากขนาดไหน แต่เวลาโกรธเองก็น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรเช่นกัน
อย่าว่าแต่สังคมจะรับไม่ได้เลย.. ต่อให้เป็นแม่เขาก็ยังไม่คิดว่าจะรับได้ ไม่มีใครรับได้หรอกไม่ว่าคนคนนั้นจะดีเลิศมาจากไหนก็ตาม
...แม้แต่คนเป็นพี่อย่างเขา...
วูบหนึ่งยังรู้สึกว่าน้องชายตัวเองน่าขยะแขยงเสียเหลือเกิน...
3.
เป็นอย่างที่คาด เกรเกอนั้นกลัว กลัวมาก มากจนตัวสั่นหลังจากเห็นในสิ่งที่เขาทำลงไป แต่ก็ไม่กล้าที่จะหนี อาจจะรู้ดีว่าอายุแค่นั้นหนีไปไหนก็คงไม่พ้น ที่บ้านเขามีทั้งม้าและหมาล่าเนื้อกับผู้ใหญ่มากมาย ถ้าอยู่ๆเด็กคนนึงหายไปจากบ้านกระทันหัน เขาก็คงแค่นั่งนับเวลาคนที่บ้านลากน้องกลับมาให้พ่อจัดการก็เท่านั้น
แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องของเขา เกรเกอฉลาดไม่แพ้ใคร ถึงจะน้อยกว่าดันแคนแต่น้องคนนี้ก็ฉลาดมากพอจะรู้ว่าสิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือการทำตัวดีๆกับเขาที่เป็นพี่...เป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแบบไหน
เกรเกอรู้ตัวดี..
ว่าพี่ชายของเขาสามารถที่จะทำอะไรได้บ้างหากต้องการที่จะทำ
4.
อเลสเตอร์วางแก้ววิสกี้ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือและเท้าคางรอฟังว่าน้องชายจะพูดว่ายังไง นิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะไม้เหมือนกำลังนับถอยหลังของขีดความอดทน
"พี่คือ..ผม...ผม.." เกรเกออ้ำๆอึ้งๆ หน้าคล้ายจะร้องไห้เต็มที
"พูด"
เขาพูดสั้นๆ พยายามที่จะมีเหตุผลให้มากที่สุด แต่ก็ปัดความรู้สึกรังเกียจลึกๆในใจตนเองออกไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองทำสายตาแบบไหน แต่การที่น้องชายไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขามันก็เป็นการการันตีได้เป็นอย่างดี
เกรเกอกำลังกลัวเขา...มากทีเดียว
หรือไม่...ก็กลัวสิ่งที่อยู่ในมือของเขามากกว่า
"บอกให้พูดมา เกรเกอ บราวน์!"
ตัวของเกรเกอเหมือนจะเล็กลงกว่าเดิม ไหล่ของเด็กชายห่อและลู่ แค่หายใจยังรู้สึกลำบากเหมือนทีใครมาบีบคอเอาไว้ ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงเย็นเฉียบของพี่ เขาก็ยิ่งสะดุ้งและลนลาน
"ผม..ผมไม่...ไม่รู้--"
"ทำไมไม่รู้กับสิ่งที่ทำลงไป!"
อเลสเตอร์ชะงัก เขาเผลอขึ้นเสียงใส่น้องชายอย่างดุดันจนอีกฝ่ายสติแตกกระเจิง ได้แต่พูดซ้ำๆว่าผมขอโทษแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างคุมไม่ได้
นั่นทำให้เขาต้องหายใจลึกขึ้น
"นายเริ่ม.." เพียงแค่คำๆเดียวสั้นๆ แต่ครั้งนี้อเลสเตอร์กลับรู้สึกว่ามันยากเสียเหลือเกินกับการเอ่ย เขาเงียบอยู่นานแล้วจึงถามใหม่อีกครั้ง "..ใช่ไหม"
คำภาวนาในใจของเขาไม่เป็นผลสำเร็จ
เมื่อเกรเกอพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง หัวใจของเขาก็แตกสลาย
เขาไล่เกรเกอกลับห้อง และไม่พูดอะไรกับน้องชายอีกเลย
5.
หลังจากวันนั้น เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วสามวัน เกรเกอที่เงียบอยู่แล้วเงียบลงกว่าเดิมและดูโทรมลงกว่าเดิมเสียอีก ดันแคนบอกเขาว่าได้ยินเสียงสะอื้นของน้องชายคนที่สาม แต่พอถามอะไรแล้วอีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหน้าและปฏิเสธที่จะพูด
พ่อกับแม่ที่ไม่รู้ความอะไรสุดท้ายก็ไล่อเลสเตอร์ไปพยายามคุยกับน้องให้รู้ความ...ทั้งที่ความจริงนั้นเขาเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าเพราะอะไร
6.
"ผมขอโทษ"
คำคำนี้ดังอยู่ในหัวตลอดมาตั้งแต่วันนั้น และในตอนนี้ภาพนั้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า
น้องชายที่เขาตั้งชื่อให้เองกับตัว น้องชายที่เขาสอนให้อ่านให้เขียน สอนให้ขี่ม้า สอนให้ฆ่าและล่าสัตว์....
น้องชายที่เขาสอนทุกอย่าง...
น้องชายที่เขาบอกว่าจะรักให้มากที่สุดในโลก จะรักให้หมดทั้งหัวใจ ในตอนนี้กลับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำ
พริบตาที่เขาเผลอเหม่อลอยกับบาดแผลในอก เขาปัดมือของน้องชายทิ้งเต็มแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ
ในตอนนั้นเองเขาได้เห็นแล้ว..ว่าคนที่สกปรกกว่าคือใครกันแน่
ความรักของพี่ชาย...มันจะยังคงมีอยู่อีกไหม
7.
"ผม..ขอโทษครับ"
"ผมขอโทษที่เป็นตัวประหลาด"
"ผมขอโทษ...ผมทำให้ตระกูลเสียชื่อเสียง ผมทำให้พี่..ให้ทุกคนผิดหวัง"
"ผมขอโทษ"
"ผมขอโทษ"
"...ขอโทษครับ..."
"ได้โปรด....อย่าเกลียดผมเลย"
อเลสเตอร์ทำเพียงนั่งมองน้องชายที่นั่งอยู่บนพื้น ร่ำไห้อย่างน่าสมเพชแต่กลับมาอ้อนวอนขอการให้อภัยจากเขาแทนที่จะเป็นพระผู้เป็นเจ้าหรือพระแม่มารี น้องชายไม่กล้าแตะต้องตัวเขาอีกแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้เกินสี่ช่วงแขน
แต่สิ่งที่เขาทำก็ยังเป็นเพียงแค่จ้องมอง เมินเฉยในคำขอโทษทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิด
หัวใจของเขานิ่งสงบเหมือนกับน้ำบนพื้นผิวของทะเลสาบ
เขารู้สึกว่าเขาไม่รู้สึกถึงอะไรอีกแล้ว
ไม่แม้แต่ในตอนที่เลือดไหลลงมาจากมือ...
เขาก็ยังคงนั่งตรงราวกับทุกอย่างนั้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
8.
....สภาพของน้องชายในวันที่ห้าผอมจนน่ากลัวว่าจะตายไปจริงๆ
"ผมขอโทษ..." เสียงนั้นแห้งและแหบเพราะร้องไห้มาหนักมากจนเกินไป "ที่ผม....น่ารังเกียจ ถ้าผมไม่...ฮึก ถ้าผมไม่......เป็นแบบนี้..."
คำพูดสั่นๆที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาได้อีกทุกเมื่อทำให้เขาออกจากห้องนั้นและปิดประตูไป
อเลสเตอร์ก้มมองมือตัวเอง แผลจากการเผลอกำมีดตัดซองจดหมายนั้นถูกพันแผลอย่างดีโดยแม่ของเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บของมัน...
อาจจะเพราะสิ่งที่เจ็บกว่านั้นคือการที่เขากำลังหวาดกลัว...ว่าตัวเขาอาจจะไม่สามารถที่จะโอบกอดเด็กคนนั้นได้อีกครั้งมันก็เท่านั้นเอง
9.
อีกไม่กี่วันก็จะได้เวลาเปิดเรียน
สภาพของเกรเกอดูดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะหยุดร้องไห้แล้ว อาหารการกินก็เริ่มทานปกติดีแม้จะน้อยไปบ้าง แต่การไม่ยอมมองหน้าพี่ชายคนโตยังคงเป็นอยู่
อเลสเตอร์เรียกสิ่งนั้นว่า "ความกลัวและรู้สึกผิด" แต่จะโทษน้องชายก็ทำไม่ได้ ในเมื่อคนที่เป็นฝ่ายปัดมือที่ถูกยื่นมาหาก่อนก็คือตัวของเขาเองแม้ว่าจะทำไปเพราะไม่ทันได้ระวัง แต่เขาก็ไม่คิดจะหลอกตัวเองว่าวูบหนึ่งเขาไม่ได้รู้สึกอยากจะผลักไสเด็กคนนี้ให้ออกห่างจากสายตา
ความรัก..บางทีมันก็ร้ายแรงยิ่งกว่ายาพิษ กลับกรอกและไร้เหตุผลสิ้นดี
ยิ่งรักมากก็ยิ่งทำให้เกลียดมาก เขาเพิ่งเข้าใจคำนั้นได้ก็ครั้งนี้
หัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น แม้ว่าเขาจะพยายามกอบโกยมันกลับมาอย่างไรก็ตามที แต่หัวใจของเกรเกอล่ะ มันจะป่นปี้ไปถึงไหน
หัวใจของน้องถูกเขาทุบซ้ำๆด้วยการไม่ยอมรับและการเลือกที่จะเมินเฉย
มันไม่ใช่สิ่งที่คนเป็นพี่ควรกระทำ
แต่เขาก็ห้ามตัวเองให้ร้องไห้ในค่ำคืนนั้นไม่ได้เช่นกัน
10.
ในคืนนั้นอเลสเตอร์ได้ตั้งคำถามกับตัวเอง
ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร หากเขาลงมือฆ่าน้องชายด้วยมือของตัวเขาเอง
11.
"...ผม...เกลียดตัวเอง"
"คนแบบผม...ทำให้ทุกคนผิดหวัง"
"ทำให้คนอื่นอับอาย"
"ทำไมผมถึง...เกิดมาเป็นแบบนี้"
ทุกอย่างพร่างพรูออกจากปากของเด็กตรงนั้น อเลสเตอร์ทำแค่นั่งฟัง เขาไม่ได้พูดอะไร
เกรเกอขดตัวอยู่บนพื้น เชือกที่มัดอยู่รอบคอนั้นถูกตัดออกจากขื่อ เด็กชายสำลักขณะที่พยายามขอร้อง มือที่สั่นระริกจิกลงบนต้นขา
"มันผิดมากใช่ไหม"
"การที่ผมยังต้องการให้พี่ให้อภัย....มันจะยังคงมีหวังรึเปล่า"
"ได้โปรด...."
"พี่ครับ.."
...ฆ่าผมที...
12.
น้องชายเขาเป็นคนบาป ดำมืดอย่างแก้ไขไม่ได้ ทั้งที่เด็กคนนั้นอยู่ท่ามกลางแสงสว่างมาตลอดแท้ๆ
แต่มันก็เท่านั้น…
เขานั่งคิด เขานอนคิด จนในที่สุดเขาก็ได้รับรู้แล้วว่าหากเขาต้องการที่จะจับมือคู่นั้นไว้อีกครั้งเขาควรที่จะทำอย่างไร
ในเมื่อมันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องแก้
ไม่ต้องแก้ไขอะไรทั้งนั้น
13.
เสียงปืนดังลั่นไปทั่วป่า
เย็นวันนั้นอเลสเตอร์แล่กระต่ายและกวาง
สีแดงของเลือดบนฝ่ามือนั้นเข้มกว่าสีผมของเขาเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น
14.
ในป่าวันนี้เงียบยิ่งกว่าทุกวัน และหาอะไรให้ล่าแทบไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้พบสิ่งที่น่าสนใจ
อเลสเตอร์พาดปืนไว้บนบ่า เขาก้มมองในสิ่งที่นอนขวางทางของเขา
ร่างที่นอนคว่ำหน้านิ่งบนพื้นนั้นถูกสัตว์ป่ากัดกินจนไม่เหลือสิ่งใดให้ยืนยันตัวนอกจากเศษผ้าที่ถูกฉีกกระชากจนขาดรุ่ย และพอเขายกเท้าเตะร่างนั้นให้พลิกตัว หนังหน้าที่ถูกสุนัขป่ากระชากออกก็เผยให้เห็นสีขาวบางส่วนของหัวกระโหลก ดวงตาที่สมควรจะมีนั้นกลวงโบ๋และเต็มไปด้วยหนอนสีขาวอวบที่ขยับคลานยึดครองพื้นที่ที่เคยเป็นที่อยู่ของลูกตา เขาคิดว่าอีกาคงจิกชิ้นส่วนอ่อนนุ่มตรงนั้นกินไปหมดแล้ว
ช่างน่าสงสาร
อเลสเตอร์ย่อตัวลง อุ้มก้อนเนื้อที่เย็นชืดขึ้นแนบอก เขาฮำทำนองเพลงที่ตนชอบขณะที่ก้าวขาลึกเข้าไปในป่าทึบ
ดวงตาของเด็กหนุ่มว่างเปล่ายามที่โยนร่างนั้นทิ้ง เขาถอดเสื้อที่เปรอะไปด้วยสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ แล้วเผามันไปก่อนจะเดินกลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม…
ในขณะที่ดวงตานั้นยังว่างเปล่าไม่ต่างจากเดิม
15.
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่ที่บ้านก่อนจะกลับเข้าโรงเรียนประจำ เขาเรียกเกรเกอให้เข้ามาหาตัวเองในห้องนอน และปล่อยให้น้องยืนมองเขาจัดของอยู่อย่างนั้น
เขาไม่พูดอะไร
เกรเกอไม่พูดอะไร
มีเพียงความเงียบระหว่างคนสองคน
มันเป็นความเงียบที่ยาวนาน แต่ในที่สุดเขาก็กวักมือเรียกเกรเกอให้เข้ามาหา น้องชายลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมขยับตัวเข้าหา
อเลสเตอร์ยิ้ม ขณะที่จิกเรือนผมสีแดงของน้องชายกระชากเข้ามา
"แกจะไม่มีวันได้รับการให้อภัย"
เขากระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ
"แต่ฉันจะลงนรกไปด้วยกันกับแกเอง"
----------------------------------------------
อื่นๆ:
- อเลสเตอร์ที่ยอมรับว่าน้องชายตัวเองเป็พวกรักร่วมเพศไม่ได้เป็นเพราะค่าของสมัยนั้น มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสังคมมากจริงๆ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็น AUปัจจุบันเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
- และเพราะเห็นว่าตัวเองไม่สามารถที่จะยอมรับบาปของน้องชายได้ เลยจ่างมัน บาปไปด้วยกันเลยก็พอแล้ว!
Thursday, January 12, 2017
[INTS] [04] Confession
`ลูกแกะที่หลงทางเอ๋ย จงสารภาพบาปของเจ้าเสีย..`
"บาปของลูกคือการที่ลูกได้พบกับท่าน"
"บาปอันใหญ่หลวงที่สุดของลูกคือการที่ลูกได้สังหารท่าน"
"แต่ลูกจะไม่เสียใจกับสิ่งที่ลูกได้ทำลงไป"
"และลูกจะไม่ขอให้บาปนี้ของลูกได้รับการอภัย"
"เพราะสิ่งที่ลูกได้ทำลงไปนั้น ทุกอย่างล้วนมาจากความต้องการของตัวลูกเอง"
`อาเมน...`
"...อาเมน..."
Tuesday, January 10, 2017
[INTS] [03] Mr.Santa
*เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นในช่วงหิมะตก ก็ถือซะว่าเป็นช่วงคริสมาสต์ที่ไม่ได้กลับบ้าน ลากยาวมาเรื่อยๆ
หากเป็นเด็กไม่ดี ซานต้าจะไม่มาหา..
และช่วงนี้พวกเขาทำตัวไม่ดีเท่าไหร่ เพราะอย่างนั้นนอกจากซานต้าจะไม่มาแล้ว พี่ชายของพวกเขาก็ยังไม่กลับมาอีกด้วย
แม่บอกว่าเพราะพวกเขาดื้อเกินไป แม้ว่าความจริงจะเป็นเพราะโรคระบาดแต่ก็ทำให้เด็กตัวเล็กๆสามคนอดลนลานไม่ได้
เพราะพวกเขาเป็นเด็กไม่ดี ไม่ช่วยทำงาน นอนตื่นสาย และทำเรื่องป่วนไปทั่วพี่ชายก็เลยไม่กลับมา เพราะว่าซานต้าได้ยึดตัวพี่ชายไปแล้ว ทำให้พี่ชายต้องติดอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล
ทั้งที่พวกเขาแค่อยากจะสร้างปัญหาให้พี่ชายรีบกลับมาแท้ๆ แต่เหมือนว่าผลกลับตรงข้าม สุดท้ายเด็กทั้งสามจึงทำได้เพียงแค่ปล่อยให้ฤดูหนาวผ่านไปด้วยความรู้สึกที่หม่นหมอง..
"เมื่อไหร่คุณซานต้าจะหายโกรธ"
ในที่สุดคำถามก็ถูกเอ่ย
รอสส์เกาะกระจกมองออกไปนอกหน้าต่าง หิมะตกหน้าขึ้นทุกวันแต่เด็กชายก็ไม่มีกระจิตกระใจจะออกไปปั้นหิมะนอกบ้าน
"จนกว่าพวกลูกจะทำตัวเป็นเด็กดี" แม่บอกพวกเขา นางโยนไม้เข้าไปในกองฟืน หลีกเลี่ยงจะสบสายตาที่น่าสงสารของลูกชายคนเล็ก แม้จะอยากให้เด็กๆกลับมาร่าเริงแต่ในตอนนี้พูดอะไรไปก็คงไม่มีใครฟัง
"ถ้าคุณซานต้าหายโกรธแล้ว..คุณซานต้าจะเอาพี่อเลสมาส่งใช่ไหม"
คำพูดนั้นคนเป็นแม่ได้แต่อ้ำอึ้ง แต่สุดท้ายก็พยักหน้า ยิ้มและลูบหัว
"ใช่จ้ะ บางทีคุณซานต้าอาจจะคืนพี่ชายมาหลังหิมะตกก็ได้นะ"
"งั้น...ผมจะเป็นเด็กดี!"
รอสส์ยิ้มกว้าง สว่างยิ่งกว่าเตาผิงตัวเดียวในบ้าน และนั่นทำให้คนเป็นแม่ถึงกับพูดไม่ออก สุดท้ายก็ขอตัวไปทำอาหาร
ดันแคนกับเกรเกอหันไปมองคำโกหกของผู้ใหญ่แล้วหันกลับไปมองสภาพอากาศข้างนอก พวกเขาโตมากเกินกว่าจะเชื่อเรื่องซานตาครอสแล้ว แต่เกรเกอก็อดไม่ได้ที่จะประสานมือเข้าด้วยกันแล้วหลับตา ดันแคนที่เห็นน้องชายทำจึงทำได้เพียงแค่ทำตาม
หากว่าพวกเขาเป็นเด็กดีแล้วมันทำให้พี่ชายกลับมาได้...พวกเขาก็ยอม
แต่สิ่งที่พวกเขาไม่รู้คือนับจากวันนี้เป็นต้นไป ไม่ว่าจะมีคริสมาสต์อีกกี่ครั้ง แต่พี่ชายก็จะไม่มีวันได้กลับมา
เพราะพี่ชายเองก็เป็นเด็กไม่ดี...ปีศาจถึงได้พาตัวพี่ชายจากพวกเขาไปอย่างไม่มีวันหวนคืน
[INTS] [02] The Sinner
ฉันเป็นคนบาป
เรื่องนี้ฉันรู้ดีอยู่แก่ใจ...
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะฉัน ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน
ทั้งที่ก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็อยากที่จะแก้เผ็ดบราเธอร์คาร์ลอสจึงได้ลองใส่ชื่อของบราเธอร์ลงไป... เอาจริงๆแล้วก็แค่ทำไปเพื่อความสบายใจ ต่อให้บราเธอร์ไม่ถูกไล่ออกไป หรือลาออกไป อย่างไรซะมันก็ได้ความสบายใจที่มากขึ้น แล้วหลังจากนั้นค่อยไปมีเรื่องกับบราเธอร์ต่อ เถียง ทะเลาะ ถูกทำโทษ วนไปวนมา ซ้ำไปอย่างนั้นเหมือนทุกวัน
ทุกวัน....
มันควรจะเป็นอย่างนั้น...
ทั้งที่ควรจะเป็นแค่นั้น
แต่ไม่ ไม่เลย...
เรื่องมันกลับ....แย่ยิ่งกว่าที่คิด...
เริ่มจากศพแรก และตามมาศพที่สอง...
คนตายไปทีละคน หายไปทีละคนโดยที่ตัวฉันทำอะไรไม่ได้ แต่เพราะว่ากลัวความผิด...กลัวที่จะยอมรับ สุดท้ายก็เลยปิดเงียบเอาไว้..
ยิ้มไว้ เชิดหลังไว้ ทำให้เหมือนว่าไม่ได้ทำอะไรลงไป ทั้งที่รู้สึกผิดอยู่เต็มอก ยิ่งเห็นหลายคนเงียบขรึมและเซื่องซึม..ฉันก็ทำได้แค่พยายามจะทำให้พวกเขายิ้ม...
...เป็นแค่ความพยายามจะแก้ตัวแบบโง่ๆ รู้ดีว่าต้นตอมาจากไหน แต่ก็ยังยิ้มให้เด็กพวกนั้นแบบนั้น
แต่ที่รู้สึกผิดยิ่งกว่าคือตอนที่เกี่ยวก้อยให้สัญญา และบอกกับคนอื่นว่าจะไม่เป็นอะไร...
บอก...และยิ้ม... ลูบหัว..และตบบ่า.....
และเก็บความผิดบาปนั้นไว้เป็นความลับอยู่ในใจของตัวเอง..
คำโกหกของฉัน...ทำร้ายไปกี่คนแล้วกันนะ....
แต่เมื่อพูดโกหกออกไปแล้ว..มันก็ย้อนถอยกลับมาไม่ได้ เมื่อมีหนึ่งก็ต้องมีสอง สามและสี่ตามมา ฉันพูด และพูด จนคำพูดนั้นกลายเป็นหนาม รัดคอฉันไว้จนปฏิเสธอะไรไม่ได้อีก
กลับลำไม่ได้อีกแล้ว มีแต่แค่ต้องเดินหน้าต่อไปเท่านั้น
ไม่อย่างนั้น....ทุกอย่างจะพังทลาย..
ฉันเป็นคนบาป
และตอนนี้ฉันยืนอยู่ที่ปากเหว เพียงแค่ขยับตัวฉันก็พร้อมที่จะร่วงหล่นลงไปในความมืดนั้นอย่างไม่มีวันที่หวนกลับ
หรือไม่..
ฉันก็ตกลงมาจากผานั้นนานมากแล้ว...
ตกลงมาโดยทำไม่ได้แม้แต่จะเอื้อมมือไขว่คว้าสิ่งใดอีก
ทั้งที่สิ่งที่ฉันต้องการจริงๆนั้น.....
คือการ.ได้เห็นพวกเขายังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น...มันก็เท่านั้นเอง
Monday, January 9, 2017
[INTS] Alester Brown
Profile
3D
ชื่อ-นามสกุล : Alester Brown (อเรสเตอร์ บราว์น) CV
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 187cm. / 75kg.
สีตา/สีผม : เขียวหัวเป็ด / จินเจอร์ค่อนไปทางแดง
อายุ : 18
วันเกิด : 13 มีนาคม
เพศ : ชาย
สัญชาติ : สกอตแลนด์
อุปนิสัย :
- เป็นคนเอางานเอาการ
- นิสัยแข็งกระด้างไปบ้าง แต่ก็ตรงไปตรงมา
- ไม่ใช่พวกชอบหาเรื่องแต่ถ้าถูกหาเรื่องมาก็พร้อมมีเรื่องเสมอ
- ดุเมื่อถึงเวลาที่สมควรต้องดุ
- ไม่ใช่คนตามใจใครเท่าไหร่นอกจากว่าจะเป็นคนที่ตัวเองให้ความสำคัญ
- พึ่งพาตัวเองได้ดี
- ลึกๆก็เป็นพวกชอบท้าทาย สนใจเรื่องโลกภายนอกมาก
ครอบครัว : ฐานะปานกลาง บ้านเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ - ครอบครัวใหญ่ มีพ่อ แม่ น้องชาย3คน (ดันแคน, เกรเกอ, รอสส์) น้องสาวหนึ่งคน มีลุงและป้าอยู่ในบริเวณใกล้เคียงแค่ก็ไปมาหาสู่กันแทบประจำ (ในบรรดาหลานนั้นอเลสเป็นหลายชายคนโตสุด) และคนงานมากมาย
อื่นๆ :
- เป็นพวกตาขวางแต่เกิด เวลาตวัดตาหรือจ้องใครจะดูดุหรือเหยียดเองโดยธรรมชาติ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้คิดอะไร ทำให้มักมีเรื่องตามมาเสมอ
- มักจะเสยผมตัวเองขึ้นไปแต่ก็แค่แบบลวกๆ ไม่ได้สนใจที่จะทำตัวเนี๊ยบนิ้งอะไร ขอแค่ไม่เกะกะสายตาเท่านั้นก็พอ
- เป็นพวกชอบออกกำลังกายและตื่นเช้า
- เป็นคนไม่เคร่งศาสนาเท่าไหร่ แต่เลี่ยงจะไม่พูดถึง
- บางครั้งก็เผลอหลุดภาษาบ้านเกิดออกมา ยิ่งช่วงแรกที่เข้าเรียนยิ่งพูดประจำ
- ภาษาอังกฤษจะสำเนียงแปร่งเล็กน้อย แต่ก็ฟังแล้วเข้าใจ
- รักเพื่อนมาก
กีฬาที่ชอบ : ลูกหนัง, ล่าสัตว์, ขี่ม้า, ยิงปืน
หนังสือที่ชอบ : วรรณกรรม, ประวัติศาสตร์, เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง, เรื่องลี้ลับและตำนานปรัมปรา
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : ฮาร์โมนีก้า, ปี่สก็อต, bodhran
สีที่ชอบ : เขียวเข้ม, น้ำเงิน, แดง
*เพิ่มเติม
สมัยปี1 :
- มีเรื่องให้ถูกฟาเธอร์ บราเธอร์ ทำโทษประจำ
- ถ้าสิ่งไหนที่ตัวเองเห็นว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็จะเถียง
- ถ้ากฏไหนเห็นว่างี่เง่าก็จะแหก
- ถ้าเด็กคนอื่นมามีเรื่องด้วย หรือมาหาเรื่องเพื่อนตัวเองก็จะไปมีเรื่องกับเขาทันที บางครั้งถึงขั้นชกต่อยกับอีกฝ่าย
- ไม่ยอมใครง่ายๆ ยิ่งถ้าเห็นว่าตัวเองถูกก็ยิ่งไม่ยอม แต่ก็เป็นคนที่ฟังเหตุผล ถ้าใจเย็นแล้วมาพูดด้วยก็จะฟัง
- ตาขวาง ตาดุ แต่ชอบจ้องตาเวลาพูด บางคนอาจจะเห็นว่าเป็นการหาเรื่องได้
- สำเนียงสก๊อตติชออกเยอะมาก บางทีก็สบถบ่อยๆ
- ถ้าได้เป็นเพื่อนแล้วจะรักเพื่อนพอตัว และปกป้องด้วยถ้าทำได้
3D
ชื่อ-นามสกุล : Alester Brown (อเรสเตอร์ บราว์น) CV
ส่วนสูง/น้ำหนัก : 187cm. / 75kg.
สีตา/สีผม : เขียวหัวเป็ด / จินเจอร์ค่อนไปทางแดง
อายุ : 18
วันเกิด : 13 มีนาคม
เพศ : ชาย
สัญชาติ : สกอตแลนด์
อุปนิสัย :
- เป็นคนเอางานเอาการ
- นิสัยแข็งกระด้างไปบ้าง แต่ก็ตรงไปตรงมา
- ไม่ใช่พวกชอบหาเรื่องแต่ถ้าถูกหาเรื่องมาก็พร้อมมีเรื่องเสมอ
- ดุเมื่อถึงเวลาที่สมควรต้องดุ
- ไม่ใช่คนตามใจใครเท่าไหร่นอกจากว่าจะเป็นคนที่ตัวเองให้ความสำคัญ
- พึ่งพาตัวเองได้ดี
- ลึกๆก็เป็นพวกชอบท้าทาย สนใจเรื่องโลกภายนอกมาก
ครอบครัว : ฐานะปานกลาง บ้านเป็นฟาร์มขนาดใหญ่ - ครอบครัวใหญ่ มีพ่อ แม่ น้องชาย3คน (ดันแคน, เกรเกอ, รอสส์) น้องสาวหนึ่งคน มีลุงและป้าอยู่ในบริเวณใกล้เคียงแค่ก็ไปมาหาสู่กันแทบประจำ (ในบรรดาหลานนั้นอเลสเป็นหลายชายคนโตสุด) และคนงานมากมาย
อื่นๆ :
- เป็นพวกตาขวางแต่เกิด เวลาตวัดตาหรือจ้องใครจะดูดุหรือเหยียดเองโดยธรรมชาติ แม้ว่าเจ้าตัวจะไม่ได้คิดอะไร ทำให้มักมีเรื่องตามมาเสมอ
- มักจะเสยผมตัวเองขึ้นไปแต่ก็แค่แบบลวกๆ ไม่ได้สนใจที่จะทำตัวเนี๊ยบนิ้งอะไร ขอแค่ไม่เกะกะสายตาเท่านั้นก็พอ
- เป็นพวกชอบออกกำลังกายและตื่นเช้า
- เป็นคนไม่เคร่งศาสนาเท่าไหร่ แต่เลี่ยงจะไม่พูดถึง
- บางครั้งก็เผลอหลุดภาษาบ้านเกิดออกมา ยิ่งช่วงแรกที่เข้าเรียนยิ่งพูดประจำ
- ภาษาอังกฤษจะสำเนียงแปร่งเล็กน้อย แต่ก็ฟังแล้วเข้าใจ
- รักเพื่อนมาก
กีฬาที่ชอบ : ลูกหนัง, ล่าสัตว์, ขี่ม้า, ยิงปืน
หนังสือที่ชอบ : วรรณกรรม, ประวัติศาสตร์, เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง, เรื่องลี้ลับและตำนานปรัมปรา
เครื่องดนตรีที่เล่นได้ : ฮาร์โมนีก้า, ปี่สก็อต, bodhran
สีที่ชอบ : เขียวเข้ม, น้ำเงิน, แดง
*เพิ่มเติม
สมัยปี1 :
- มีเรื่องให้ถูกฟาเธอร์ บราเธอร์ ทำโทษประจำ
- ถ้าสิ่งไหนที่ตัวเองเห็นว่าไม่ได้ทำอะไรผิดก็จะเถียง
- ถ้ากฏไหนเห็นว่างี่เง่าก็จะแหก
- ถ้าเด็กคนอื่นมามีเรื่องด้วย หรือมาหาเรื่องเพื่อนตัวเองก็จะไปมีเรื่องกับเขาทันที บางครั้งถึงขั้นชกต่อยกับอีกฝ่าย
- ไม่ยอมใครง่ายๆ ยิ่งถ้าเห็นว่าตัวเองถูกก็ยิ่งไม่ยอม แต่ก็เป็นคนที่ฟังเหตุผล ถ้าใจเย็นแล้วมาพูดด้วยก็จะฟัง
- ตาขวาง ตาดุ แต่ชอบจ้องตาเวลาพูด บางคนอาจจะเห็นว่าเป็นการหาเรื่องได้
- สำเนียงสก๊อตติชออกเยอะมาก บางทีก็สบถบ่อยๆ
- ถ้าได้เป็นเพื่อนแล้วจะรักเพื่อนพอตัว และปกป้องด้วยถ้าทำได้
Friday, January 6, 2017
[INTS] [01] Brother
1.
การเป็นพี่ชายนั้นเป็นงานที่หนัก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเป็นพี่ชายคนโตของบ้าน
เพราะนอกจากจะเป็นว่าที่ผู้นำครอบครัวคนต่อไปแล้ว เขายังยังต้องมีภาระชิ้นใหญ่ที่ตัดไม่ขาดติดตัวอยู่อีกสามชิ้น
มีชีวิต มีจิตใจ...แต่ไร้ซึ่งความน่ารักเป็นอย่างยิ่ง
ทั้งแก่แดด และซนเหมือนลิง
ปากเปราะเหมือนลูกหมา ทำเป็นกล้าเพื่อจะไม่ให้ถูกเขาทิ้งให้อยู่แต่ในบ้าน แต่ก็ขี้อ้อนยิ่งกว่าอะไร..
เจ้าเด็กโง่สามคนนั้น...
...เป็นภาระชิ้นใหญ่ที่เขารักมากที่สุดในโลก...
2.
น้องทั้งสามคนนั้นเกิดห่างจากเขาอยู่หลายปี
ขนาดน้องคนรองยังเกิดขึ้นมาตอนเขาอายุห้าขวบ พวกที่เหลืออีกสองก็เด็กกว่านั้นมาก
เอาจริงๆก็ใช่ว่าเขาจะอยากมีน้อง
การเป็นลูกคนเดียวนั้นสบายกว่ามาก
ไม่ต้องดูแลใคร ไม่ต้องแบ่งของให้ใคร ไม่ต้องคอยไล่ตามดูแลใคร แต่ในเมื่อมันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่แล้ว
จะให้ไปขัดก็ทำไม่ได้ เขาจึงใช้เวลาส่วนมากในการเข้าป่า และสำรวจลำธาร
เล่นกับเด็กในหมู่บ้าน และคอยมองดูท้องของแม่ที่เริ่มโตขึ้นทุกวัน
เขาไม่ค่อยได้พูดคุยกับแม่นัก แต่ก็พยายามจะทำอะไรให้แม่รู้สึกดีบ้าง เพราะยิ่งท้องของแม่ใหญ่ขึ้น มันก็น่ากลัวว่าจะแตกออกมาได้ทุกวินาที
หน้าท้องที่เคยแบนราบ ตอนนี้พองและแข็ง แต่ถึงอย่างนั้นแม่ก็ยังคงลูบมันอย่างอ่อนโยนด้วยความรักจนเขาในตอนนั้นแอบอิจฉาไม่ได้ แต่พอเผลอขมวดคิ้วก็จะถูกปลายนิ้วของแม่จิ้มเข้าที่กลางหน้าผาก
"ถ้าน้องเกิดมา ต้องรักเขาให้มากๆนะรู้ไหม"
3.
ถึงความทรงจำหลายอย่างในช่วงนั้นไม่ชัดเจนเท่าไหร่นัก
แต่สิ่งที่จำได้ไม่มีวันลืมก็คงเป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน้าของน้องชายคนแรก...เด็กที่หน้าย่นเหมือนผ้าที่ถูกขยำกำลังนอนหลับอยู่ในอ้อมกอดของแม่ที่ฮำเพลงกล่อมแผ่วเบา
ถึงเขาจะไม่จำเป็นต้องมานั่งเลี้ยงดูอะไรมากมายเพราะไม่ใช่งานของเขาแต่ก็อดที่จะโผล่หน้าเข้าไปดูหน้าสิ่งมีชีวิตที่นอนหลับอยู่ในท้องของมมาตลอดเก้าเดือนไม่ได้
ใครจะไปคิดว่าพอคลอดออกมาแล้วมันจะยังคงหลับอยู่อีก แต่สิ่งที่จำได้แม่นยิ่งกว่าอะไรคือการถูกแม่บังคับ
ยัดเด็กทารกที่เพิ่งเกิดให้เขาอุ้มนั้นทำให้เด็กห้าขวบอย่างเขาทำอะไรไม่ถูก
จะขยับก็ไม่กล้า จะส่งคืนกลับไปคนให้ก็ไม่ยอมรับ
ในใจก็ได้แต่ภาวนาไม่ให้ไอ้เด็กนี้ร้องไห้...ไม่ให้ตื่นขึ้นมา
...เหมือนสั่งได้
มันลืมตาทันทีที่เขาพยายามจัดท่าให้มันอย่างที่แม่แนะนำ
แต่พอมันเปิดตากลมๆของมันขึ้นมอง..
ดวงตาสีเขียวหัวเป็ดแบบเดียวกันที่ใสเหมือนทะเลสาบช่วงฤดูใบไม้ผลิกลับจ้องเขาจนทำตัวไม่ถูก
แต่รอยยิ้มเล็กๆที่กว้างออกนั่นก็ทำให้ผีเสื้อในท้องของเขาสงบนิ่งลงได้อย่างน่าประหลาด...
“คิก...ฮะๆ”
มือที่เล็กพอๆกับมือของกระรอกเริ่มปัดป่ายไปมา
หน้าย่นๆที่เริ่มมีสีเลือดฝาดกำลังหัวเราะด้วยเสียงน่ารำคาญที่ดังเหมือนกับระฆังของโบสถ์ในวันอาทิตย์นั้นดังจนเขารู้สึกเหมือนเวลาตรงนั้นถูกหยุดนิ่ง
“อเลส... เป็นอะไรไปจ๊ะ”
เสียงของแม่ที่อยู่บนเตียงดังเรียกสติให้เขาเงยขึ้นมอง
ก่อนจะก้มหน้ากลับลงไปใหม่ แต่นั่นก็มากพอจะให้คนเป็นแม่หัวเราะตามอย่างช่วยไม่ได้
อ้อมแขนที่บอบบางของมารดาอ้าออก
เรียกให้เด็กดื้อของตระกูลเอนตัวเข้าซุกหาความอบอุ่นนั่นอย่างช่วยไม่ได้
ผ้าเช็ดหน้าปักจากผ้าเนื้อดีปาดเช็ดตามขอบตาของลูกชายคนโต
เธอจูบซับหางตาของเขาอย่างรักใคร่ ไล่มาตามแก้มและหน้าผาก
ก่อนจะก้มหน้าเอาหน้าผากชนกับลูกคนเดียวที่กลายเป็นลูกคนโต เขายังคงเกร็งตัว
แต่ก็ดูจะอุ้มเด็กได้ดีกว่าที่เธอคิด อย่างน้อยก็คงไม่น่าจะเป็นห่วงอะไร
“รักน้องให้มากๆนะจ๊ะคนดี”
“...อือ”
คำตอบรับสั้นๆที่ทำให้นางบราวน์อดที่จะหอมแก้มเขาอีกฟอดใหญ่ไม่ได้
ก่อนที่นายบราวน์จะวางมือลงบนหัวของเขาแล้วตบมันเบาๆ
“แต่ถ้าน้องไม่น่ารัก
ผมจะไม่รักเขาจริงๆนะ”
“แหม.. ตายจริงเด็กคนนี้”
เสียงบ่นอย่างไม่จริงจังของมารดานั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยความเอ็นดู กระทั่งแรงฝ่ามือของพ่อก็ยังแรงขึ้นมาจนเขาต้องปัดออก
อเลสเตอร์ก้มมองน้องชายที่ยังคงมองตาใส
ปลายนิ้วที่ยกจิ้มแก้มเล็กๆนั่นถูกจับไว้ด้วยแรงของเด็กแรกเกิดที่มีมากกว่าที่คิด
เขาถอนใจ ก่อนก้มลงจูบหน้าผากเจ้าตัวเล็กที่หัวเราะออกมาอีกครั้งอย่างแผ่วเบา
ความรู้สึกของการเป็นพี่คนมันเป็นอย่างนี้นี่เอง...
[TBC.]
Sunday, January 1, 2017
[God] Event 01
คำขอ "อยากได้พุทราในสวนของตระกูลพฤหัสสักตะกร้าหนึ่ง"
ผู้ส่งคำขอ "ตารกา ตระกูลอังคาร"
[ ตอนไปเอาพุทราที่เรือนพฤหัส ]
ผู้ส่งคำขอ "ตารกา ตระกูลอังคาร"
[ ตอนไปเอาพุทราที่เรือนพฤหัส ]
/แม้ร่างกายอยู่ในสภาพเต็มตัวก็ไม่ได้ช่วยให้ทำคำท้าทายง่ายขึ้น
ในระหว่างที่มองหาคนตระกูลเสาร์ก็เห็น อาชา :/ #Gพฤหัส
#Event01
เทวะ
: มาถึงพระกูลพฤหัสก็ได้พบกับเจ้าลูกครึ่งตัวน้อยที่เคยพบในป่าเมื่อคราก่อน
เพราะตนมีสิ่งที่ต้องการอยู่จึงได้สาวเท้าเข้าหา
อาชา : ท่าน...เทวะ? /เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายอยู่ที่นี่
รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย/ มีสิ่งใดให้ข้าช่วยหรือเปล่าคะ? /ลองถามดูก่อน/
เทวะ
: "ข้าต้องการพุทราซักตระกร้าหนึ่ง.." เมื่อถูกถามตรงๆก็ตอบกลับไปตรงๆ
"ได้หรือไม่?"
อาชา : .... เรื่องนี้เอง /คิดว่าช่างเล็กน้อยนัก
พยักหน้าตอบรับท่าน/ ข้าจะไปหามาให้ท่านเอง
...แต่ว่าถ้าเป็นคาราวานตระกูลพุธอาจมีให้เลือก มากกว่านะคะ..? /แนะนำให้เผื่อตัดสินใจใหม่/
เทวะ : ยกมือเป็นเชิงปราม
"ข้าต้องการพุทราของเรือนพฤหัสเท่านั้น
ต้องขออภัยด้วยที่ข้าเรื่องมากเกินไปนัก"
อาชา : /ส่ายหน้า/ ไม่ได้เรื่องมากเกินไปหรอกค่ะ
ถ้าเช่นนั้น รอสักครู่... ท่านอยากจะมาด้วยกันหรือนั่งรอก่อนคะ?
เทวะ
: /ปรายสายตามองอีกฝ่ายขณะปลดผ้าคลุมพาดหลังอาชาตัวโปรด "ข้าไปด้วยก็แล้วกัน
ธุระของข้า แค่ต้องรบกวนเจ้านำทางและอนุญาต"
อาชา : /พยักหน้ารับเบาๆ/ ถ้าเช่นนั้น.. ทางนี้ค่ะ
/เดินนำไปดูแผงวางขาย มีผลไม้อื่นบางชนิดจำนวนพอประมาณให้เลือกสรร มองหาพุทรา/
เทวะ
: /คว้าตะกร้าที่ถูกวางไว้แถวๆนั้นขึ้นมาแล้วเดินตาม มองไปรอบๆสถานที่
รู้สึกร้อนและอยู่ผิดที่ผิดทาง..
อาชา : /มองอีกฝ่ายแล้วช่วยหยิบเลือกพุทราที่ดูสวยให้จำนวนหนึ่งก่อน/
เท่านี้...ดีมั้ยคะ? /เอียงคอเล็กน้อยถาม/
เทวะ : "พอแล้วล่ะ ขอบใจเจ้ามาก"
ก้มศีรษะเล็กน้อย "ต้องการสิ่งใดตอบแทนหรือไม่"
อาชา : ...../นึกถึงคำท้าทายที่ตนได้รับมาก็เกรงใจอีกฝ่ายนัก
แต่ดูเหมือนทางเลือกจะน้อยนัก/ ข้า... อยากจะขอผ้าปิดตาของท่านได้รึไม่
เทวะ
: ดวงตาใต้ผ้าคาดเย็นเฉียบขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนจะกลับเป็นปกติ
"นั่นคือคำของโคมเจ้า?"
อาชา : แท้จริงคำขอนั้นบอกให้ขโมยด้วยซ้ำไป...
แต่ข้าไม่อยากจะทำเช่นนั้น
แค่ได้ผ้ามาก็คงจะพอแล้ว ข้ารู้ว่ามันคงเป็นคำขอที่มากเกินไป/ถอนใจ
เทวะ
: ครุ่นคิดซักพักเพราะอย่างไรก็ไม่อยากติดหนี้อีกฝ่าย
"ถ้าเช่นนั้นจงหาผ้าอื่นมาให้ข้า แล้วข้าจะมอบผ้าคาดตาข้าให้เจ้า"
อาชา : /เห็นอีกฝ่ายยอมตกลงก็ดีใจ รีบพยักหน้าตอบรับ/
ข้าจะไปหามาให้ท่านเลือก /แล้วก็นึกถึงผ้าปิดตาที่เคยได้รับมาจากสหายตระกูลราหู
พอหยิบออกมาดูก็ครุ่นคิดเสียนานว่าจะให้ดีไหม/ ... #ท่านอัญญาเป็นผู้วาด(?)
เทวะ : มองของในมืออีกฝ่าย
"เจ้าเก็บมันไว้เถิด" (...) หยิบตระกร้ามาถือ
ก่อนจะถอดผ้าคาดตาส่งให้อีกฝ่ายแล้วหันหลัง "ข้าคงต้องขอตัว"
อาชา : /ได้รับผ้าปิดตามาก็โล่งใจว่าคงไม่โดนสาปแล้ว/
เดี๋ยวก่อนค่ะท่าน /รั้งตัวไว้/ รอสักครู่นะคะ.. ข้าจะลองไปหามาให้
เทวะ : "ไม่เป็นไร"
เดินกลับไปทางม้าที่ผูกไว้ ยกมือป้องตาไว้ กะว่าจะรีบกลับเลย
อาชา : /คิดว่าทำให้ลำบากซะแล้ว/ ถ้าเช่นนั้น
เมื่อมีโอกาสได้พบกันคราวหน้า..ข้าจะตอบแทนท่านอย่างแน่นอน
เทวะ : "ไม่เป็นไร"
ขึ้นม้าแล้วฉีกชายผ้าคลุมที่ตัวเองพาดไว้ก่อนมาปิดตาแทน "ขอตัว"
ควบม้าไปทางตระกูลอังคารต่อ
อาชา : ... /โบกมือลาอีกฝ่าย/ #ขอบคุณนะคะไม่โดนสาปแล้ว
#ซับ
-----
[ ตอนเอาพุทราไปส่งให้ ตารกา ณ เรือนอังคาร ]
/กว่าจะมาถึงบ้านอังคารได้ก็ปาไปค่ำ
ถามทางเทพแถวนั้นว่าตารกาอยู่ไหน ก่อนจะเดินไปหาแล้วยื่นตะกร้ามอบให้อีกฝ่าย
"ท่านตารกา?" #Event01 @God_TRK
ตารกา : ท่านพบอสูรหนุ่มนั่งเล่นอยู่ใต้ต้นไม้กับอสูรเด็กน้อยอีกสองสามตน
ยามเมื่อขานชื่ออสูรหนุ่มก็เงยหน้ามองตามเสียง ก่อนจะขานรับว่า "เจ้าคะ?"
ด้วยความเคยชิน
สายตาจ้องมองทั้งท่านและตะกร้าก่อนจะเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย #ตอบช้านิดนะคะไม่ค่อยมีสัญญาณ
เทวะ : เงียบไปนิดตอนอีกฝ่ายพูดกลับมาด้วยภาษาของสตรี
แต่ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน "สิ่งที่เจ้าขอ ข้าเอามาให้"
ตารกา : "ขอบพระคุณมากเจ้าค่ะ"
ลุกขึ้นจากที่เพื่อรับตะกร้า
แต่อสูรน้อยข้างๆตัวก็กรูขึ้นไปสำรวจผู้มาใหม่และตะกร้านั้นเรียบร้อยแล้ว
เทวะ : "มิได้..
ข้าเพียงมาทำตามคำอธิฐานของเจ้าเท่านั้น"
ยื่นตะกร้าค้างอยู่อย่างนั้นจนกว่าอีกฝ่ายจะรับไป ไม่ได้สนใจพวกตัวเล็กตัวน้อยรอบๆ
ตารกา : รับตะกร้าจากอสูรตรงหน้าก่อนจะโดนเหล่าเด็กน้อยแย่งไปอย่างรวดเร็ว
"รบกวนท่านแล้ว ครั้งนี้ปวงเทพคงประทานพรให้สมดั่งใจท่านอย่างแน่นอน"
เทวะ : "....." ปรายตาใต้ผ้าปิดมองเหล่าเด็กที่แย่งของไปแบ่งกัน
"เช่นนั้นหรือ... หากเป็นเช่นนั้น เจ้าเองก็คงเช่นกัน"
ตารกา : "เจ้าค่ะ" ผงกศีรษะเบาๆ
"จริงซี.. ขอถามนามท่านไว้สักหน่อยได้หริอไม่เจ้าคะ
หากวันใดผ่านไปเยี่ยมเยือนเรือนเสาร์จักได้นำของกำนัลไป
ตอบแทนน้ำใจและความอุตสาหะของท่าน"
เทวะ : "เทวะคือนามของข้า
แต่เจ้าไม่จำเป็นต้องนำสิ่งใดมาหรอก" มองท้องฟ้าที่เริ่มมืดลงๆ
"ข้าคงต้องขอตัวก่อน หวังว่าจะไม่ถือสา"
ตารกา : "ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ ข้าอยากตอบแทน"
อสูรหนุ่มยังคงพูดจาด้วยความเคยชินอยู่เช่นนั้น "ไม่ถือหรอกเจ้าค่ะ
ยามราตรีนั้นเดินทางอันตราย"
เทวะ : ยกมือแตะอกแล้วค่อมศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงบอกลา
ยังคงทำเป็นไม่ได้ยินสำเนียงคะขาเหล่านั้นแล้วก้าวกลับไปหาม้าที่ตนผูกไว้ก่อนจะควบจากไป
Subscribe to:
Comments (Atom)