Monday, January 16, 2017

[INTS] [05] Unforgivable Sin



0.


เมื่อตอนที่อเลสเตอร์อายุสิบเจ็ด เขาเห็นน้องชายของตัวเองจูบกับเด็กชาวบ้านซักคน...




ในตอนนั้นหัวใจของเขาแตกสลายไม่มีชิ้นดี







1.


ตอนนั้นอเลสเตอร์กลับมาเยี่ยมบ้านในช่วงปิดภาคเรียน น้องชายของเขาก็เริ่มโตขึ้นมากแล้วแม้จะยังเด็กกว่าเขามากก็ตาม ดันแคนอายุสิบสอง เกรเกอสิบเอ็ด และรอสส์อายุเพียงแค่แปด แต่เด็กพวกนี้ก็โตเร็วมาก แม้จะยังไม่ถึงไหล่ของเขา แต่ก็สูงมากกว่าเด็กผู้ชายหลายคนที่อายุประมาณนี้

เขาคิดว่าส่วนนึงคงเป็นเพราะที่บ้านของเขาจำเป็นต้องออกกำลังกายทุกวัน ทั้งล่าสัตว์ ขี่ม้า และงานอื่นๆที่ลูกของเจ้าของฟาร์มปศุสัตว์พึงกระทำ ไหนจะเรื่องที่แม่ของเขาทำอาหารมากมายให้พวกเขาทานตลอดเลยยิ่งทำให้น้องๆของเขาสูงขึ้นพรวดพราด แต่นั่นก็ทำให้เขายิ้มไม่หุบ

เจ้าเด็กสามคนนิสัยต่างกันไปคนละทาง ดันแคนนั้นฉลาดที่สุดและใจเย็นกว่าใคร ชอบทั้งอ่านหนังสือและล่าสัตว์ มักจะขอตามเขาเข้าป่ามาตั้งแต่เด็กๆ รอสส์นั้นร่าเริงและมีชีวิตชีวา เป็นเด็กที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มและช่างซักช่างถาม หัวไวและเรียนรู้ได้เร็วที่สุดในบรรดาพี่น้อง

ส่วนเกรเกอ..

เกรเกอเป็นเด็กที่เงียบ แต่ไม่ใช่พวกเก็บตัวและไม่ใช่พวกยอมใคร แค่ไม่ใช่คนช่างพูด ชอบลงมือมากกว่าพูด แต่ก็แข็งแรงและซนมากเหมือนกับอีกสองคน



อเลสเตอร์มักพูดเสมอว่าเขารักน้อง ว่าน้องเป็นความภูมิใจของเขา

ตั้งชื่อให้เอง เลี้ยงมาเอง.. ดูแลทุกอย่างเท่าที่ที่บ้านจะสั่งให้เขาทำ


ไม่ว่าน้องจะเป็นยังไงเขาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเสียใจ.....






จนวันนั้น...เขาเห็นเกรเกอจูบกับเด็กในหมู่บ้านซักคนที่อายุพอๆกับเขาที่หลังโรงเก็บม้า

แน่นอนว่าเกรเกอก็เห็นเขา หลังจากนั้นเขาก็ต้องเรียกตัวน้องชายเพื่อให้มาคุยกันสองต่อสองก่อนที่จะขาดสติทำตัวโง่ๆออกไป...








...เหมือนอย่างที่เขาได้เผลอทำกับเด็กคนนั้น...






2.


ในยุคสมัยนี้ชายรักชายเป็นเรื่องที่ผิด และความผิดนี้แน่นอนว่าหากเป็นผู้ใหญ่คงไม่พ้นที่จะถูกติดคุกเป็นแน่ และถึงเขาจะไม่รู้ว่าถ้าไปถึงหูพ่อแล้วน้องชายของเขาจะมีสภาพเป็นแบบไหน ถึงจะอายุแค่สิบเอ็ดปีแต่แน่นอนว่ามันคงไม่ใช่เรื่องที่ดี เขารู้ดียิ่งกว่าใครว่าพ่อของเขานั้นต่อให้เป็นพ่อที่ดีมากขนาดไหน แต่เวลาโกรธเองก็น่ากลัวยิ่งกว่าอะไรเช่นกัน

อย่าว่าแต่สังคมจะรับไม่ได้เลย.. ต่อให้เป็นแม่เขาก็ยังไม่คิดว่าจะรับได้ ไม่มีใครรับได้หรอกไม่ว่าคนคนนั้นจะดีเลิศมาจากไหนก็ตาม




...แม้แต่คนเป็นพี่อย่างเขา...



วูบหนึ่งยังรู้สึกว่าน้องชายตัวเองน่าขยะแขยงเสียเหลือเกิน...






3.


เป็นอย่างที่คาด เกรเกอนั้นกลัว กลัวมาก มากจนตัวสั่นหลังจากเห็นในสิ่งที่เขาทำลงไป แต่ก็ไม่กล้าที่จะหนี อาจจะรู้ดีว่าอายุแค่นั้นหนีไปไหนก็คงไม่พ้น ที่บ้านเขามีทั้งม้าและหมาล่าเนื้อกับผู้ใหญ่มากมาย ถ้าอยู่ๆเด็กคนนึงหายไปจากบ้านกระทันหัน เขาก็คงแค่นั่งนับเวลาคนที่บ้านลากน้องกลับมาให้พ่อจัดการก็เท่านั้น

แต่ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องของเขา เกรเกอฉลาดไม่แพ้ใคร ถึงจะน้อยกว่าดันแคนแต่น้องคนนี้ก็ฉลาดมากพอจะรู้ว่าสิ่งที่ควรทำในตอนนี้คือการทำตัวดีๆกับเขาที่เป็นพี่...เป็นคนที่เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างแบบไหน




เกรเกอรู้ตัวดี..




ว่าพี่ชายของเขาสามารถที่จะทำอะไรได้บ้างหากต้องการที่จะทำ







4.


อเลสเตอร์วางแก้ววิสกี้ เขานั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือและเท้าคางรอฟังว่าน้องชายจะพูดว่ายังไง นิ้วที่เคาะลงบนโต๊ะไม้เหมือนกำลังนับถอยหลังของขีดความอดทน


"พี่คือ..ผม...ผม.." เกรเกออ้ำๆอึ้งๆ หน้าคล้ายจะร้องไห้เต็มที

"พูด"

เขาพูดสั้นๆ พยายามที่จะมีเหตุผลให้มากที่สุด แต่ก็ปัดความรู้สึกรังเกียจลึกๆในใจตนเองออกไม่ได้ แม้จะไม่รู้ว่าตัวเองทำสายตาแบบไหน แต่การที่น้องชายไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้ามองเขามันก็เป็นการการันตีได้เป็นอย่างดี



เกรเกอกำลังกลัวเขา...มากทีเดียว


หรือไม่...ก็กลัวสิ่งที่อยู่ในมือของเขามากกว่า




"บอกให้พูดมา เกรเกอ บราวน์!"

ตัวของเกรเกอเหมือนจะเล็กลงกว่าเดิม ไหล่ของเด็กชายห่อและลู่ แค่หายใจยังรู้สึกลำบากเหมือนทีใครมาบีบคอเอาไว้ ยิ่งเมื่อได้ยินเสียงเย็นเฉียบของพี่ เขาก็ยิ่งสะดุ้งและลนลาน


"ผม..ผมไม่...ไม่รู้--"

"ทำไมไม่รู้กับสิ่งที่ทำลงไป!"


อเลสเตอร์ชะงัก เขาเผลอขึ้นเสียงใส่น้องชายอย่างดุดันจนอีกฝ่ายสติแตกกระเจิง ได้แต่พูดซ้ำๆว่าผมขอโทษแล้วปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาอย่างคุมไม่ได้



นั่นทำให้เขาต้องหายใจลึกขึ้น




"นายเริ่ม.." เพียงแค่คำๆเดียวสั้นๆ แต่ครั้งนี้อเลสเตอร์กลับรู้สึกว่ามันยากเสียเหลือเกินกับการเอ่ย เขาเงียบอยู่นานแล้วจึงถามใหม่อีกครั้ง "..ใช่ไหม"

คำภาวนาในใจของเขาไม่เป็นผลสำเร็จ


เมื่อเกรเกอพยักหน้าอย่างสิ้นหวัง หัวใจของเขาก็แตกสลาย



เขาไล่เกรเกอกลับห้อง และไม่พูดอะไรกับน้องชายอีกเลย






5.


หลังจากวันนั้น เรื่องมันก็ผ่านมาแล้วสามวัน เกรเกอที่เงียบอยู่แล้วเงียบลงกว่าเดิมและดูโทรมลงกว่าเดิมเสียอีก ดันแคนบอกเขาว่าได้ยินเสียงสะอื้นของน้องชายคนที่สาม แต่พอถามอะไรแล้วอีกฝ่ายก็ได้แต่ส่ายหน้าและปฏิเสธที่จะพูด

พ่อกับแม่ที่ไม่รู้ความอะไรสุดท้ายก็ไล่อเลสเตอร์ไปพยายามคุยกับน้องให้รู้ความ...ทั้งที่ความจริงนั้นเขาเองก็รู้อยู่เต็มอกว่าเพราะอะไร





6.


"ผมขอโทษ"

คำคำนี้ดังอยู่ในหัวตลอดมาตั้งแต่วันนั้น และในตอนนี้ภาพนั้นก็ปรากฏอยู่ตรงหน้า

น้องชายที่เขาตั้งชื่อให้เองกับตัว น้องชายที่เขาสอนให้อ่านให้เขียน สอนให้ขี่ม้า สอนให้ฆ่าและล่าสัตว์....


น้องชายที่เขาสอนทุกอย่าง...



น้องชายที่เขาบอกว่าจะรักให้มากที่สุดในโลก จะรักให้หมดทั้งหัวใจ ในตอนนี้กลับเป็นเพียงสิ่งเดียวที่เขาไม่อยากแม้แต่จะมองหน้าด้วยซ้ำ



พริบตาที่เขาเผลอเหม่อลอยกับบาดแผลในอก เขาปัดมือของน้องชายทิ้งเต็มแรงโดยไม่ได้ตั้งใจ


ในตอนนั้นเองเขาได้เห็นแล้ว..ว่าคนที่สกปรกกว่าคือใครกันแน่







ความรักของพี่ชาย...มันจะยังคงมีอยู่อีกไหม








7.


"ผม..ขอโทษครับ"

"ผมขอโทษที่เป็นตัวประหลาด"

"ผมขอโทษ...ผมทำให้ตระกูลเสียชื่อเสียง ผมทำให้พี่..ให้ทุกคนผิดหวัง"


"ผมขอโทษ"

"ผมขอโทษ"


"...ขอโทษครับ..."




"ได้โปรด....อย่าเกลียดผมเลย"




อเลสเตอร์ทำเพียงนั่งมองน้องชายที่นั่งอยู่บนพื้น ร่ำไห้อย่างน่าสมเพชแต่กลับมาอ้อนวอนขอการให้อภัยจากเขาแทนที่จะเป็นพระผู้เป็นเจ้าหรือพระแม่มารี น้องชายไม่กล้าแตะต้องตัวเขาอีกแล้ว ไม่กล้าแม้แต่จะเข้าใกล้เกินสี่ช่วงแขน

แต่สิ่งที่เขาทำก็ยังเป็นเพียงแค่จ้องมอง เมินเฉยในคำขอโทษทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้ทำอะไรผิด




หัวใจของเขานิ่งสงบเหมือนกับน้ำบนพื้นผิวของทะเลสาบ



เขารู้สึกว่าเขาไม่รู้สึกถึงอะไรอีกแล้ว






ไม่แม้แต่ในตอนที่เลือดไหลลงมาจากมือ...



เขาก็ยังคงนั่งตรงราวกับทุกอย่างนั้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง






8.


....สภาพของน้องชายในวันที่ห้าผอมจนน่ากลัวว่าจะตายไปจริงๆ




"ผมขอโทษ..." เสียงนั้นแห้งและแหบเพราะร้องไห้มาหนักมากจนเกินไป "ที่ผม....น่ารังเกียจ ถ้าผมไม่...ฮึก ถ้าผมไม่......เป็นแบบนี้..."

คำพูดสั่นๆที่เหมือนจะร้องไห้ออกมาได้อีกทุกเมื่อทำให้เขาออกจากห้องนั้นและปิดประตูไป




อเลสเตอร์ก้มมองมือตัวเอง แผลจากการเผลอกำมีดตัดซองจดหมายนั้นถูกพันแผลอย่างดีโดยแม่ของเขา แต่เขากลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บของมัน...




อาจจะเพราะสิ่งที่เจ็บกว่านั้นคือการที่เขากำลังหวาดกลัว...ว่าตัวเขาอาจจะไม่สามารถที่จะโอบกอดเด็กคนนั้นได้อีกครั้งมันก็เท่านั้นเอง






9.


อีกไม่กี่วันก็จะได้เวลาเปิดเรียน


สภาพของเกรเกอดูดีขึ้นมาเล็กน้อยเพราะหยุดร้องไห้แล้ว อาหารการกินก็เริ่มทานปกติดีแม้จะน้อยไปบ้าง แต่การไม่ยอมมองหน้าพี่ชายคนโตยังคงเป็นอยู่

อเลสเตอร์เรียกสิ่งนั้นว่า "ความกลัวและรู้สึกผิด" แต่จะโทษน้องชายก็ทำไม่ได้ ในเมื่อคนที่เป็นฝ่ายปัดมือที่ถูกยื่นมาหาก่อนก็คือตัวของเขาเองแม้ว่าจะทำไปเพราะไม่ทันได้ระวัง แต่เขาก็ไม่คิดจะหลอกตัวเองว่าวูบหนึ่งเขาไม่ได้รู้สึกอยากจะผลักไสเด็กคนนี้ให้ออกห่างจากสายตา


ความรัก..บางทีมันก็ร้ายแรงยิ่งกว่ายาพิษ กลับกรอกและไร้เหตุผลสิ้นดี

ยิ่งรักมากก็ยิ่งทำให้เกลียดมาก เขาเพิ่งเข้าใจคำนั้นได้ก็ครั้งนี้



หัวใจของเขาแหลกสลายไปแล้วตั้งแต่ตอนนั้น แม้ว่าเขาจะพยายามกอบโกยมันกลับมาอย่างไรก็ตามที แต่หัวใจของเกรเกอล่ะ มันจะป่นปี้ไปถึงไหน

หัวใจของน้องถูกเขาทุบซ้ำๆด้วยการไม่ยอมรับและการเลือกที่จะเมินเฉย




มันไม่ใช่สิ่งที่คนเป็นพี่ควรกระทำ


แต่เขาก็ห้ามตัวเองให้ร้องไห้ในค่ำคืนนั้นไม่ได้เช่นกัน






10.



ในคืนนั้นอเลสเตอร์ได้ตั้งคำถามกับตัวเอง





ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไร หากเขาลงมือฆ่าน้องชายด้วยมือของตัวเขาเอง







11.


"...ผม...เกลียดตัวเอง"


"คนแบบผม...ทำให้ทุกคนผิดหวัง"

"ทำให้คนอื่นอับอาย"



"ทำไมผมถึง...เกิดมาเป็นแบบนี้"



ทุกอย่างพร่างพรูออกจากปากของเด็กตรงนั้น อเลสเตอร์ทำแค่นั่งฟัง เขาไม่ได้พูดอะไร


เกรเกอขดตัวอยู่บนพื้น เชือกที่มัดอยู่รอบคอนั้นถูกตัดออกจากขื่อ เด็กชายสำลักขณะที่พยายามขอร้อง มือที่สั่นระริกจิกลงบนต้นขา




"มันผิดมากใช่ไหม"



"การที่ผมยังต้องการให้พี่ให้อภัย....มันจะยังคงมีหวังรึเปล่า"


"ได้โปรด...."




"พี่ครับ.."




...ฆ่าผมที...





12.


น้องชายเขาเป็นคนบาป ดำมืดอย่างแก้ไขไม่ได้ ทั้งที่เด็กคนนั้นอยู่ท่ามกลางแสงสว่างมาตลอดแท้ๆ


แต่มันก็เท่านั้น…



เขานั่งคิด เขานอนคิด จนในที่สุดเขาก็ได้รับรู้แล้วว่าหากเขาต้องการที่จะจับมือคู่นั้นไว้อีกครั้งเขาควรที่จะทำอย่างไร





ในเมื่อมันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องแก้



ไม่ต้องแก้ไขอะไรทั้งนั้น






13.


เสียงปืนดังลั่นไปทั่วป่า


เย็นวันนั้นอเลสเตอร์แล่กระต่ายและกวาง




สีแดงของเลือดบนฝ่ามือนั้นเข้มกว่าสีผมของเขาเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น






14.


ในป่าวันนี้เงียบยิ่งกว่าทุกวัน และหาอะไรให้ล่าแทบไม่ได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ได้พบสิ่งที่น่าสนใจ


อเลสเตอร์พาดปืนไว้บนบ่า เขาก้มมองในสิ่งที่นอนขวางทางของเขา



ร่างที่นอนคว่ำหน้านิ่งบนพื้นนั้นถูกสัตว์ป่ากัดกินจนไม่เหลือสิ่งใดให้ยืนยันตัวนอกจากเศษผ้าที่ถูกฉีกกระชากจนขาดรุ่ย และพอเขายกเท้าเตะร่างนั้นให้พลิกตัว หนังหน้าที่ถูกสุนัขป่ากระชากออกก็เผยให้เห็นสีขาวบางส่วนของหัวกระโหลก ดวงตาที่สมควรจะมีนั้นกลวงโบ๋และเต็มไปด้วยหนอนสีขาวอวบที่ขยับคลานยึดครองพื้นที่ที่เคยเป็นที่อยู่ของลูกตา เขาคิดว่าอีกาคงจิกชิ้นส่วนอ่อนนุ่มตรงนั้นกินไปหมดแล้ว


ช่างน่าสงสาร

อเลสเตอร์ย่อตัวลง อุ้มก้อนเนื้อที่เย็นชืดขึ้นแนบอก เขาฮำทำนองเพลงที่ตนชอบขณะที่ก้าวขาลึกเข้าไปในป่าทึบ







ดวงตาของเด็กหนุ่มว่างเปล่ายามที่โยนร่างนั้นทิ้ง เขาถอดเสื้อที่เปรอะไปด้วยสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ แล้วเผามันไปก่อนจะเดินกลับบ้านไปด้วยรอยยิ้ม…




ในขณะที่ดวงตานั้นยังว่างเปล่าไม่ต่างจากเดิม











15.


วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เขาจะได้อยู่ที่บ้านก่อนจะกลับเข้าโรงเรียนประจำ เขาเรียกเกรเกอให้เข้ามาหาตัวเองในห้องนอน และปล่อยให้น้องยืนมองเขาจัดของอยู่อย่างนั้น


เขาไม่พูดอะไร

เกรเกอไม่พูดอะไร



มีเพียงความเงียบระหว่างคนสองคน


มันเป็นความเงียบที่ยาวนาน แต่ในที่สุดเขาก็กวักมือเรียกเกรเกอให้เข้ามาหา น้องชายลังเลเล็กน้อยแต่ก็ยอมขยับตัวเข้าหา




อเลสเตอร์ยิ้ม ขณะที่จิกเรือนผมสีแดงของน้องชายกระชากเข้ามา




"แกจะไม่มีวันได้รับการให้อภัย"


เขากระซิบด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ











"แต่ฉันจะลงนรกไปด้วยกันกับแกเอง"













----------------------------------------------

อื่นๆ:

  • อเลสเตอร์ที่ยอมรับว่าน้องชายตัวเองเป็พวกรักร่วมเพศไม่ได้เป็นเพราะค่าของสมัยนั้น มันเป็นเรื่องที่ยอมรับไม่ได้ในสังคมมากจริงๆ แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็น AUปัจจุบันเขาจะยอมรับเรื่องนี้ได้อย่างไม่มีปัญหา
  • และเพราะเห็นว่าตัวเองไม่สามารถที่จะยอมรับบาปของน้องชายได้ เลยจ่างมัน บาปไปด้วยกันเลยก็พอแล้ว!

No comments:

Post a Comment