Saturday, September 19, 2015

[T] Side Story .01



อวาริเทียร์ ซาญีร่า เลโอนัส เป็นสาวสวยที่ตัดผมสั้นจนแทบกุด นางอายุยี่สิบสองและเพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนพระราชาเอดินเบิร์กมาได้ยังไม่ทันครบปีดีดักตอนที่โทไบอัสไปพบเจอนางเข้า

ในตอนนั้นเขาอายุสิบสาม เขาพบนางในบ่อนเถื่อนของแคว้นอาซูลในบารามอสตอนที่แอบหลบออกจากที่พักไปพร้อมกับน้องชายวัยสิบสอง ถึงจะใช้วิธีบังคับให้คนขับรถม้าพาตัวไปและใส่ผ้าคลุมปกปิดอย่างดี แอบแฝงตัวเล็ดลอดสายตาของผู้ใหญ่และหมอบซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็ตาม แต่ท่ามกลางผู้คนมากมายเขากลับรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบของเขากำลังหยุดหมุน แม้แต่เสียงเชียร์ที่ดังกระหึ่มในห้องหับมืดครึ้มก็ไม่อาจทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์

เบื้องหน้าที่เขาเห็นคือภาพของหญิงสาวผู้นั้น.. นางผู้เปล่งประกายโดดเด่นยิ่งกว่าใครแม้ว่าเวทีจะถูกทำให้สว่างไสวอยู่แล้วก็ตาม และโดยเฉพาะในยามที่นางกำลังร่ายรำอยู่ท่ามกลางเวทีเบื้องล่างด้วยดาบคู่เพรียวบางในมือของนาง

นางตวัดคมดาบปาดคอกระทิงหนุ่มที่ล้มลงในดาบเดียว นางเหมือนกับแค่บิดข้อมือ กำจัดตัวที่สองและสามโดยแทบไม่ต้องใช้กระบวนท่าใดๆ ราวกับมันเป็นเรื่องที่ง่ายดาย นางหมุนตัวและตั้งท่า ขยับรอยยิ้มยามเลือดสีแดงฉานสาดกระเซ็น...เหมือนกับกลีบดอกไม้ที่กำลังร่วงโรยปลิดปลิว... มันไม่ใช่ภาพที่ชวนให้สยดสยองหรือหดหู่ใจอย่างที่ควรจะเป็น ในสายตาของเขาในวันนั้นมันไม่ป่าเถื่อนเสียด้วยซ้ำ..แต่มันงดงามจนเขาแทบหยุดหายใจ


หลังการแข่งขัน เขาไปรอพบนางตรงทางออก นางสูงกว่าเขาพอตัวเมื่อเทียบกับเด็กผู้ชายที่ยังไม่ย่างเข้าวัยรุ่น ในขณะที่นางสวยสะพรั่งเต็มที่อย่างสมวัยของนาง...ยิ่งมองใกล้ๆนางก็ยิ่งงดงาม ดวงตาสีฟ้าใสที่มองตอบมานั่นใคร่รู้และสั่นระริก รอยยิ้มบางๆที่วาดบนดวงหน้าเป็นมิตรจนไม่น่าเชื่อว่านางคือผู้ที่ได้รับเงินพนันสูงที่สุดในเวลาไม่กี่ชั่วยาม

เอาจริงๆนางถือว่าสวยมากเกินกว่าจะมาจับดาบเสียด้วยซ้ำ นางเหมาะจะไปถือพัดหรือคทาเสียมากกว่าจะถืออาวุธของมีคม..แต่เพราะอย่างนั้นแหละเขาถึงเห็นว่านางช่างน่าดึงดูดใจ

แต่สิ่งที่ดึงดูดใจเขามากกว่าความสวยก็คือฝีมือ

อวาริเทียร์ ซาญีร่า เลโอนัส เป็นนักดาบคู่ที่เก่งกาจ ต่อให้เป็นสตรีแต่นางก็โดดเด่นยิ่งกว่าบุรุษคนไหนๆที่เขาเคยพบถ้าไม่นับพวกระดับสูงอย่างอัศวินชั้นผู้ใหญ่ที่ท่วงท่าก็ไม่ได้งดงามอะไรเลย แต่นางนั้นต่างออกไป

เขาต้องการจะเรียนรู้วิชาของนางให้มากกว่าที่ตาเห็น..วิชาของดาบคู่นั้นที่ตรึงเขาไว้ราวกับต้องมนตร์

โทไบอัสใช้เวลาอ้อนวอน--หมายถึง--ขอร้องให้นางมาเป็นอาจารย์ของเขาอยู่เกือบสามอาทิตย์ทั้งที่การขอร้องใครเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบเป็นที่สุด แต่กับนางมันต่างออกไป เขาไปหานางจนเรียกได้ว่าแทบจะทุกวันที่เขาจะแอบออกมาจากที่พักตอนที่ยังอยู่ที่แคว้นอาซูลได้ และนางก็ตกลงรับคำของเขาในวันที่สิบหกหลังจากเขาบอกนางว่าเขาจะหนีออกจากบ้านและตามนางไปถ้านางไม่ยอมมาสอนดาบให้กับเขาดีๆ

คนดื้อก็ยังเป็นคนดื้อ ถึงจะไม่เท่าน้องชายคนเล็ก แต่เขาก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกจัดว่าดื้อมาก และนางคงรู้ว่าเขาจะทำจริงๆ

แต่เพราะเขาต้องเดินทางกลับบ้านที่เมืองหลวงในอีกสองอาทิตย์หลังจากนั้น เขาจึงถือโอกาสชวนนางกลับมาด้วยโดยที่ไม่มีใครท้วงติงอันใด แม้แต่นางเองก็เช่นกัน.. (เอาจริงๆนางกระดี๊กระด๊ามากที่จะได้นั่งรถม้าดีๆและทานอาหารอร่อยๆกับเดินทางเข้าเมืองหลวง นางปีนขึ้นไปนั่งบนหลังคารถม้าและลากเขาขึ้นไปนั่งดูวิวด้วยกันเลยทีเดียว)

หรือจะให้พูดอีกอย่างคือ ที่บ้านไม่ได้สนใจว่าเขาจะพาใครมา พวกนั้นไม่สนใจตราบเท่าที่มันไม่ได้ทำให้ตระกูลเซปาร์เสื่อมเสียชื่อเสียง..ถึงการพาสาวเข้าบ้านอาจจะทำให้คนมอง แต่ในเมื่อสาวคนนั้นมียศเป็นนักรบ ผู้คนก็เหมือนจะเลิกสนใจ และในเมื่อโทไบอัสที่ปกติแทบไม่ค่อยเอ่ยปากขออะไรนั้นเปิดปากขอเงินซักก้อนเพื่อจ้างอาจารย์มาสอน พ่อที่ไม่ค่อยมีเวลาให้อย่าง รี๊ด เซปาร์ ก็เหมือนว่าจะโยนเงินถุงให้อย่างง่ายดายและโบกมือให้เขาออกไปจากห้องทำงาน

ถึงจะเป็นความไม่ใส่ใจและห่างเหิน แต่โทไบอัสก็ทำให้คนที่บ้านและบรรดาญาติผู้ใหญ่ได้เห็นว่าการจ้างสาวซักคนมาเป็นอาจารย์สอนดาบไม่ได้ทำให้เขาไปนั่งจีบสาวหรือเสียการเรียนอย่างที่เด็กผู้ชายทั่วไปควรจะเป็น เขาฝึกหนักและยังคงทำคะแนนด้านการเรียนได้อย่างคงเส้นคงวา หรือจะเรียกได้ว่าฝึกหนักมากเดิมก็ว่าได้

การฝึกของเซญีร่านั้นเข้มงวด แม้นอกเวลานางจะทำตัวให้โทไบอัสรู้สึกว่านางเหมือนพี่สาวที่น่าเป็นห่วงมากแค่ไหน แต่ในเวลาฝึกนั้นนางเป็นราวกับคนละคน นางบอกเขาว่าสิ่งที่เขาเห็นคือตัวตนจริงๆของนาง ตอนที่นางฝึกให้เขาต่างหากคือสิ่งที่เรียกว่า 'หน้ากาก' ที่นางสวมใส่อยู่

"คนเราทุกคนมีหน้ากากเสมอนั่นแหละโทบี้" นางเล่าให้เขาฟังในวันหนึ่ง เอาจริงๆนางก็เป็นคนชอบเล่าเรื่องอยู่แล้ว และโทไบอัสเองก็ชอบถามเรื่องราวของโรงเรียนพระราชาซึ่งนั่นก็เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่นางจะเล่าแล้วเล่าอีกได้ไม่จบไม่สิ้น

แต่สิ่งที่ทำให้เขาคิ้วกระตุกในตอนแรกๆคือการที่นางเรียกเขาว่า 'โทบี้' ไม่ใช่ 'โทไบอัส' นางตั้งชื่อเล่นให้เขาโดยไม่ยอมฟังคำท้วงติง และพอเขาบ่นนางก็จะหัวเราะแล้วบอกว่า "มันก็น่ารักดีออก มันทำให้พวกเราเหมือนจะใกล้กันมากขึ้นกว่าเดิมอีกใช่ไหมละ ไหนๆข้าก็เป็นอาจารย์ของเจ้าแล้ว นี่แหละคือคำสั่งแรกของข้า.. จงยอมให้ข้าเรียกเจ้าด้วยชื่อนั้นซะ!"

เพราะนางพูดแบบนั้น อีกห้าวิต่อมาโทไบอัสจึงเรียกนางว่า 'เซร่า' เขาบอกกับนางอย่างที่นางบอกกับเขา.. เพราะเขาคือผู้จ่ายเงินจ้างนาง นี่คือคำสั่งแรกที่เขาจะใช้สั่งนางเช่นกัน


No comments:

Post a Comment