หลังจากได้ขนมปังมาจากการแจก เขาก็กินมันหมดในเวลาไม่ถึงชั่วโมง รสชาติที่จืดชืดหวานขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อจิบเหล้าองุ่น แต่แล้วก็ต้องซื้อใหม่เมื่อรู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่สมควร
คนแรกที่แลกกับเขาคือหญิงสาวนักล่าแขนเดียว....ลาซมา เธอแลกแครนเบอรี่กับขนมปัง
เธอบอกกับเขา ว่ามันอาจจะนำโชคมาให้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เขาได้พบ หรือเพราะไรก็ตาม แต่ไม่ใช่กับเขา..เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น
“....ข้ามองว่า มันเป็นสิ่งที่ผ่านมา และจะผ่านไป....อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดด้วยเหตผลของตัวมันเอง...ชีวิตข้าเปลี่ยน..ด้วยทางเลือกของตัวข้าเอง ...แม้จะมีผู้ใดหยิบยื่นมือมาให้ หากไม่คิดจะคว้ามัน มันก็จะยังคงเป็นเช่นเดิม..”
นางคุยกับข้า พูดคุยอีกเล็กน้อย ก่อนจะจากไป..
ความรู้สึกของข้าที่มีต่อนาง มันอาจไม่เรียกได้ว่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าเฉยชา.. หากได้พบกันอีกครั้ง ก็ขึ่นอยูกับว่า ข้ามีความจำเป็นในการพูดคุยหรือไม่
แต่หากการพบกันครั้งนี้จะมีประโยชน์ในอนาคตดั่งที่นางได้กล่าวไว้จริง ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน..
คนที่สองที่แลกกับข้า.. เป็นชายหนุ่มผิวขาวที่เจอกันบังเอิญหน้าร้านขายขนมปัง ข้ากับเขาคุยกันพักใหญ่ นานกว่าตอนที่คุยกับลาซมาเล็กน้อย
ข้าแลกแครนเบอรี่กับเลม่อน... ถึงแม้จะเด็ดกินไปแล้วสองผล แต่ก็เก็บมาเติมให้เต็มดั่งเดิมแล้ว..คิดว่าคงไม่มีปัญหาอันใด
เขาบอกกับข้า..ว่าข้าดูไม่ใช่คนคิดมาก หรืออาจจะไม่คิดอะไรเลย.. เขาว่าข้าดูแหวกกรอบดี ไม่คิดถึงผลได้ผลเสีย
แต่สำหรับข้า ข้ารู้ว่าตัวข้าไม่มีกรอบมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว... ข้ามีเพียงเปลี่ยนกรอบไปเรื่อยๆตามสถานการณ์เพียงเท่านั้น.... มันคือความเป็นตัวของตัวข้า แล้วแต่ว่าข้าในตอนนั้นจะรับใช้ใคร
เราคุยกัน แล้วมาหลุดไปถึงเรื่องของอิสระอย่างไรข้าก็ไม่ทราบ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ขาพูดนัก... ไม่สิ ต้องพูดให้ถูกว่า เขาไม่คิดว่าความเข้าใจของข้ากับเขาจะตรงกัน ข้าจึงได้บอกความหมายของอิสระในสายตาข้าออกไป
"อิสระอยู่ในตัวทุกคนเสมอ แม้ว่าเจ้าจะเลือกเดินทางใดก็ตาม แต่นั่นคืออิสระในตัวของเจ้าที่เจ้าเลือกเอง เพราะเช่นน้นจงอย่าเสียใจในทางที่ก้าวเดินมา...บางที เจ้าอาจจะมองข้ามอิสระไปเองก็ได้"
การคุยกันนั้นเป็นเพียงบทสนทนาที่เริ่มด้วยบทสั้นๆ และยาวต่อมาอีกเล็กน้อย.. แต่ในที่สุดพวกเราก็แยกจากกัน
ข้าได้เลม่อน เขาได้แครนเบอรี่..
ข้ากับคนที่ไม่รู้จักนาม เดินผ่านไปอย่างผู้ที่ไม่รู้จักกัน...
คนสุดท้ายที่รับเลม่อนของข้าไป เป็นหญิงนักบวชเจ้าของเรือนผมสีทอง นางทำให้ข้านึกถึงคนๆนงที่ข้าลืมไปแล้ว..
ครั้งแรกที่ข้าพบกับนาง ข้าทำเลม่อนหล่นกลิ้งไปที่แทบเท้าของนาง นักบวชสาวผู้นั้นมองข้าที่ก้มลงเก็บ การพูดคุยของเรานั้นสั้นที่สุดในรอบวัน...
ในตอนสุดท้ายข้ารับเค้กจากนาง และนางก็รับเลม่อนจากข้า...นางเป็นคนสุดท้ายของวัน
แต่ก่อนจากกันนางยิ้มแล้วโค้งให้ข้าอย่างมีมารยาท นางอวยพรให้ข้าได้พบกับความสุขนิจนิรันดร์ และนางก็จากไป..
ข้าเดินต่อไปแล้วหยิบเค้กชิ้นนั้นเข้าปาก......
ความสุขอันเป็นนิรันดร์งั้นเหรอ......
.....มีจริงซะที่ไหนกัน.....
-----------------------------------
คนแรกที่แลกกับเขาคือหญิงสาวนักล่าแขนเดียว....ลาซมา เธอแลกแครนเบอรี่กับขนมปัง
เธอบอกกับเขา ว่ามันอาจจะนำโชคมาให้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่เขาได้พบ หรือเพราะไรก็ตาม แต่ไม่ใช่กับเขา..เขาไม่ได้คิดเช่นนั้น
“....ข้ามองว่า มันเป็นสิ่งที่ผ่านมา และจะผ่านไป....อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดด้วยเหตผลของตัวมันเอง...ชีวิตข้าเปลี่ยน..ด้วยทางเลือกของตัวข้าเอง ...แม้จะมีผู้ใดหยิบยื่นมือมาให้ หากไม่คิดจะคว้ามัน มันก็จะยังคงเป็นเช่นเดิม..”
นางคุยกับข้า พูดคุยอีกเล็กน้อย ก่อนจะจากไป..
ความรู้สึกของข้าที่มีต่อนาง มันอาจไม่เรียกได้ว่าสนใจ แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าเฉยชา.. หากได้พบกันอีกครั้ง ก็ขึ่นอยูกับว่า ข้ามีความจำเป็นในการพูดคุยหรือไม่
แต่หากการพบกันครั้งนี้จะมีประโยชน์ในอนาคตดั่งที่นางได้กล่าวไว้จริง ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันอีกทีแล้วกัน..
คนที่สองที่แลกกับข้า.. เป็นชายหนุ่มผิวขาวที่เจอกันบังเอิญหน้าร้านขายขนมปัง ข้ากับเขาคุยกันพักใหญ่ นานกว่าตอนที่คุยกับลาซมาเล็กน้อย
ข้าแลกแครนเบอรี่กับเลม่อน... ถึงแม้จะเด็ดกินไปแล้วสองผล แต่ก็เก็บมาเติมให้เต็มดั่งเดิมแล้ว..คิดว่าคงไม่มีปัญหาอันใด
เขาบอกกับข้า..ว่าข้าดูไม่ใช่คนคิดมาก หรืออาจจะไม่คิดอะไรเลย.. เขาว่าข้าดูแหวกกรอบดี ไม่คิดถึงผลได้ผลเสีย
แต่สำหรับข้า ข้ารู้ว่าตัวข้าไม่มีกรอบมาตั้งแต่ต้นอยู่แล้ว... ข้ามีเพียงเปลี่ยนกรอบไปเรื่อยๆตามสถานการณ์เพียงเท่านั้น.... มันคือความเป็นตัวของตัวข้า แล้วแต่ว่าข้าในตอนนั้นจะรับใช้ใคร
เราคุยกัน แล้วมาหลุดไปถึงเรื่องของอิสระอย่างไรข้าก็ไม่ทราบ แต่ข้าก็ไม่เข้าใจในสิ่งที่ขาพูดนัก... ไม่สิ ต้องพูดให้ถูกว่า เขาไม่คิดว่าความเข้าใจของข้ากับเขาจะตรงกัน ข้าจึงได้บอกความหมายของอิสระในสายตาข้าออกไป
"อิสระอยู่ในตัวทุกคนเสมอ แม้ว่าเจ้าจะเลือกเดินทางใดก็ตาม แต่นั่นคืออิสระในตัวของเจ้าที่เจ้าเลือกเอง เพราะเช่นน้นจงอย่าเสียใจในทางที่ก้าวเดินมา...บางที เจ้าอาจจะมองข้ามอิสระไปเองก็ได้"
การคุยกันนั้นเป็นเพียงบทสนทนาที่เริ่มด้วยบทสั้นๆ และยาวต่อมาอีกเล็กน้อย.. แต่ในที่สุดพวกเราก็แยกจากกัน
ข้าได้เลม่อน เขาได้แครนเบอรี่..
ข้ากับคนที่ไม่รู้จักนาม เดินผ่านไปอย่างผู้ที่ไม่รู้จักกัน...
คนสุดท้ายที่รับเลม่อนของข้าไป เป็นหญิงนักบวชเจ้าของเรือนผมสีทอง นางทำให้ข้านึกถึงคนๆนงที่ข้าลืมไปแล้ว..
ครั้งแรกที่ข้าพบกับนาง ข้าทำเลม่อนหล่นกลิ้งไปที่แทบเท้าของนาง นักบวชสาวผู้นั้นมองข้าที่ก้มลงเก็บ การพูดคุยของเรานั้นสั้นที่สุดในรอบวัน...
ในตอนสุดท้ายข้ารับเค้กจากนาง และนางก็รับเลม่อนจากข้า...นางเป็นคนสุดท้ายของวัน
แต่ก่อนจากกันนางยิ้มแล้วโค้งให้ข้าอย่างมีมารยาท นางอวยพรให้ข้าได้พบกับความสุขนิจนิรันดร์ และนางก็จากไป..
ข้าเดินต่อไปแล้วหยิบเค้กชิ้นนั้นเข้าปาก......
ความสุขอันเป็นนิรันดร์งั้นเหรอ......
.....มีจริงซะที่ไหนกัน.....
-----------------------------------
ผลสรุปตามนี้นะครับ
โร = ขนมปัง
ได้แครนเบอรี่จาก ลาซมา
ได้เลม่อนจาก ดิโอ
ได้เค้กจาก หลวงแม่ลิม
ครับ.... 0.00 นับไหมเนี่ย /ปาดน้ำตา...
ความจริงแล้วอยากให้ยาวกว่าอีกดิน แต่เอาเท่านี้ไปแล้วกันครับ.........
ขอบคุณครับ
ปล. ส่วนเรื่องที่ไม่แก้สรรพนามที่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา นั่นก็เพราะเราแอ๊บสแตรกไงละ!!!! /แม่งานตบ
-----------------------------------------------------------------------------------
เราเผลอคลุมดำ... /เผื่อจะเจอความแอบสแตรก #โดนต่อย
No comments:
Post a Comment