เด็กชาย A บอกให้ “ไปทางซ้าย ผ่านต้นไม้ 15 ต้น เลี้ยวขวา เลี้ยวซ้ายอีกหกครั้ง เดินขึ้นสามก้าว เดินลงสามก้าวจะถึงหน้าประตูเหมือง”
หญิงชาวบ้าน B บอกให้ “ไปทางขวา เลี้ยวซ้ายระหว่างต้นไม้ใหญ่สองต้น เดินตรงอีก 15 ก้าว”
และมนุษย์ไม่ทราบเพศ C บอกให้ “เดินทะลุกลางทางแยก.....”
จะเลือกทางไหน..จะเลือกทางไหนกันละ..?
โรลอบถอนใจน้อยๆ ก่อนจะเลือกเดินตรงไปเพียงเพราะมันง่ายที่สุด เขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากด้านหลัง แต่ก็ไม่ใส่ใจ ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นเช่นไรเขาก็ไม่เสียดายชีวิตอยู่แล้ว ถึงแม้ว่าถ้าตายในเหมืองมันจะน่าเศร้า แต่มันคงดูดีกว่าตายด้วยน้ำมือของใครบางคนที่ส่งเขามา..
งานครั้งนี้จะพลาดไม่ได้.. เขาย้ำกับตัวเองเช่นนั้น.. เพราะคนผู้นั้นคงไม่พอใจหากเขาทำพลาดแม้แต่ครั้งเดียว แม้มันจะเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ก็ตาม
คำว่า “ผิดพลาด” คำว่า “ทำไม่ได้” คนๆนั้นไม่ต้องการได้ยิน คำสั่งคือคำสั่ง และตัวหมากก็จำต้องเดินตามทุกฝีก้าว หากก้าวผิดช่องแม้เพียงก้าวเดียว มันอาจหมายถึงจุดจบของชีวิตได้เช่นกัน...ใครซักคนกล่าวกับเขาเช่นนั้น ในวันที่เขาก้าวพลาดเป็นครั้งแรกในการทำงานของสายอาชีพนี้
และสิ่งที่ตามมา ก็ไม่น่าอภิรมณ์เลยแม้แต่น้อย
หลังจากคิดอะไรเพลินๆ ไม่นานนักเขาก็พบกับถ้ำใหญ่ ที่มีป้ายเก่าๆที่อ่านไม่ค่อยออกตกอยู่บนพื้นเบื้องหน้า แผ่นไม้นั้นเต็มไปด้วยรอยเท้าและฝุ่นดินจนมองแทบไม่เห็นตัวอักษร แต่กระนั้นเขาก็เลือกจะหยิบมันขึ้นมาแล้วปัดเบาๆเพื่อดูข้อความพร่าเลือนที่ไม่ชัดเจนนั่น..
ใช่ เขามาถูกทางแล้ว.. บนแผ่นไม้เขียนชื่อเหมืองเอาไว้จริงๆ ถึงจะพร่ามากก็ตามที..
โรวางแผ่นไม้ลงข้างถ้ำอย่างเบามือ ก่อนจะเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล
ในถ้ำนั้นคงมืดสนิททั้งที่เพิ่งเดินเข้ามายังไม่ทันถึงสิบก้าว ถ้าไม่ติดว่าทางแยกสองทางตรงหน้านั้นมีคบไฟปักอยู่ที่ด้านขวา ในขณะที่ด้านซ้ายนั้นแทบจะเรียกได้ว่ามองไม่เห็นทางจะไปต่อเลยก็ตาม
ในตอนแรกเขาตั้งจะเดินไปทางขวาแล้ว แต่ก็เปลี่ยนใจ หยิบคบไฟแล้วเลือกเดินไปทางซ้าย
ที่เขาไม่เดินไปทางขวาไม่ใช่เพราะคิดว่าสมบัติคงถูกใครเอาไปแล้วหรอก แต่เขาไม่อยากจะเผลอไปพบเจอใครก็เท่านั้น ไม่อยากจะเสียเวลาอธิบาย เพราะไม่มีเหตุผลดีๆใดๆมาพูดแทนคำอ้างการเข้ามาในครั้งนี้ได้ แต่ถ้าเป็นหนึ่งในเจ้านาย...ผู้ชายที่เก็บเขามาก่อนได้พบเรเรียสมาตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน แค่คำว่า “ข้าเบื่อเลยออกมาเดินเล่น” และ “ถ้ำนี่มันน่าสนใจดี น่าสนุกดีใช่ไหมละ” ก็คงเรียกได้ว่าเป็นเหตุผลที่ถึงจะฟังไม่ขึ้นเลย แต่นั่นคงเป็นเหตุผลที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้นเป็นแน่
โรก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขากวาดตามองไปตามทาง ถ้ำนี้ค่อนข้างลึกและมืด แสงไฟจากคบเพลิงก็ทำได้เพียงส่องทางได้ในรัศมีรอบตัวที่ไม่กว้างมากนัก แต่ก็ไม่ได้เรียกว่าไร้ประโยชน์ซะทีเดียว ในทางกลับกันแล้ว การได้เดินในที่มืดคนเดียวนี้อาจจะทำให้เขารู้สึกดีกว่า....ปลอดภัยกว่า
ระหว่างที่คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย และเริ่มปรับตัวเขากับความเงียบขอถ้ำได้แล้ว เขาก็พบทางแยกอีกครั้ง..
ข้างหนึ่งคือทางที่มีหินถล่มปิด อาจจะเกิดจากอุบัติเหตุใดๆซักอย่างเมื่อนานมาแล้ว และอีกทางคือทางที่ยังคงมืดเสมอต้นเสมอปลาย
เขาเลือกที่จะถอดเสื้อคลุมออกแล้วปักคบเพลิงไว้ตรงแง่หิน ก่อนจะบรรจงหยิบหินทีละก้อนโดยไล่จากด้านบน มันดูเป็นงานที่หนัก และดูเสียเวลา น่าแปลกใจที่เขารู้สึกว่ามันกลับเพลิดเพลินอย่างประหลาด รู้สึกเหมือนได้หยุดพักสมองจากความคิดมากมาย และแผนการนับร้อย ทั้งที่เป็นเพียงชั่วคราว
ไม่นานนักก็ได้ช่องที่พอลอดตัวได้ โรหันกลับไปหยิบใต้กับผ้าคลุม แล้วลอดตัวผ่านช่องนั้น ช่องที่กว้างกว่าที่คิด แต่ให้ความรู้สึกหดหู่ เดินไปไม่นานก็เกือบสะดุดอยู่หลายครั้งเพราะหินน้อยใหญ่ที่บีบตัวให้ทางเดินนั้นลำบาก แต่ที่เกือบทำให้เขาได้ล้มลงจริงๆคงเป็นกระดูกท่อนแขนของใครซักคนที่ยื่นออกมาจากกองหินเสียมากกว่า
โรส่องไฟไปใกล้ๆ มองแขนที่ยื่นออกมาประหนึงขอความช่วยเหลือ เห็นได้ชัดว่าเหตุการหินถล่มครั้งนั้นคงฆ่าใครต่อใครไปมากพอดู
แต่....ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับเขาอยู่แล้ว
แต่ยังไม่ทันจะได้ลุกเดินต่อ สายตาก็ดหลือบไปเห็นโพรงเล็กๆที่อยู่ตรงกำแพง คิดไปคิดมาแล้วก็ลองมุดเข้าไปดูซกหน่อย ไม่รู้ว่าด้วยว่าที่ทำลงไปนั้นมันเพราะความรู้สึกแบบใด รู้แต่ว่าช่องนี้ก็ไม่ได้แคบนัก ถึงหินจะบาดร่างกายเป็นริ้วทางจนรู้สึกแสบ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรมากมายไปกว่านั้น
เมื่อคลานไปได้หลายนาที ตามความรู้สึก...สายลมเย็นเฉียบที่ไม่รู้มาจากไหนก็พัดเข้ามา ดับไฟจากคบลง และทำให้ทุกอย่างรอบตัวเขามืดสนิท แต่ยังไม่ทันจะตั้งตัวได้ มือที่เอื้อมไปข้างหน้า หมายจะยันตัวเองให้ทรงตัวขึ้นมา กลับร่วงลงไปในหลุมขนาดไม่กว้างมากนัก ก่อนที่ไฟจะถูกจุดขึ้นอีกครั้งด้วยเวทของตน
โรถอนใจ.. รู้สึกเหมือนช่วงไหล่กระแทกกับอะไรบางอย่าง น่าจะเป็นหิน... มันทำให้เจ็บจี๊ดจนต้องยอมอยู่เฉยๆไปซักพัก
ในระหว่างนั้นเขาก็สังเกตุได้ถึงสายตาที่จ้องมอง จึงยกคบเพลิงขึ้นสูงจนเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า.....
โครงกระดูกที่คุกเข่าประสานมือเหมือนภวานา สร้อยหนังที่คล้องกับจี้รูปงูกินหางสีทองนั้นเก่าจนแทบไร้ค่า ชุดของแม่ชีนั้นแลดูคุ้นตาเหมือนชุดประจำของศาสนจักร แต่เขาก็ไม่สนใจ โรคว้าสร้อยเส้นนั้นยัดใส่กระเป๋า แล้วจึงเริ่มพยายามปีนออกจากหลุม ถึงไหล่จะเจ็บ และคิดว่าคงบวมเขียว แต่มันคงไม่ดีหากจะอยู่ต่อไป
และหากมีลมก็ต้องมีทางออก และมันก็มีจริงๆ ทางออกที่ถูกทำไว้ แต่กลับไม่มีใครได้ใช้ ไม่เช่นนั้นกระดูกนั่นคงไม่อยู่นั้นตรงตลอดไปหรอก เขาต้องมั่นใจว่าตนต้องทำเวลาให้ทันก่อนท้อฟ้าภายนอกจะมืดสนิท
และหลังจากตะเกียดตะกายจนในที่สุดก็ได้ออกมาสัมผัสกับอากาศภายนอก เขาก็ปิดตาลง
....ไม่ได้อะไรกลับไปนอกจากสร้อยเส้นเดียว..เห็นทีว่างคงต้องยอมรับการลงโทษอย่างเลี่ยงไม่ได้เสียแล้ว...
นานแล้วที่เขาไม่ได้ถอนใจ....แต่ครั้งนี้เขากลับถอนใจยาว
เอาเถอะ...ก็เขาเป็นคนพลาดเอง..
-----------------------------------------------------------------------
= แถมโซน =
“ออกมาแล้วเหรอ เธอมาช้ากว่าที่ผมกว่าที่คิดนะ”
โรเบิกตาขึ้นเล็กน้อยก่อนกลับมามองปกติ เขาแปลกใจที่ได้พบกับคนตรงหน้า เด็กหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าเขาไม่กี่ปีนั่งอยู่บนหลังคารถม้าแล้วโบกมือให้ด้วยรอยยิ้มที่สดใส
เขากระโดดลงมา แล้วก้าวเข้าหาโรที่เหมือนจะยังคงแปลกใจในบางสิ่ง และนั้นทำผู้มาเยือนหัวเราะร่า
“ผมก็มารับเธอกลับบ้านไงครับ เนี่ย...มีรถม้ามาเลยนะ ไม่คิดว่ามันดีกว่าเหรอ ที่เธอจะได้นั่งกลับไปแบบสบายๆโดยไม่ต้องเดินทางด้วยม้าหรือเท้าของเธอแบบทุกครั้งน่ะ” รอยยิ้มที่กว้างออกพร้อมลักยิ้มที่บุ๋มลงไปสองข้างตามกรรมพันธุ์ที่ได้จากคนเป็นพ่อทำให้ยิ่งน่ามอง แต่ไม่ใช่กับชายผิวแทนแน่ๆ
“จะมารับข้าไปรับการลงโทษเหรอครับ...” โรถาม น้ำเสียงของเขาหนักอึ้ง และไม่มีการยืดเยื้ออะไร
“อ่อ... แสดงว่าเธอทำงานพลาดสินะ” อีกฝ่ายพูดดูเหมือนเห็นใจ แต่ก็แค่พริบตา “เอาเถอะ ยังไงซะก็รับๆโทษไปแล้วกัน ช่วงนี้คุณอาอารมณ์ดี ผมคิดว่าเธอคงไม่มีปัญหาอะไรมากหรอกกับการ..เรื่องพวกนั้น” เขาเปิดประตูรถ แล้วผายมือให้โรก้าวขึ้นไป แต่นักฆ่าหนุ่มยังไม่ยอมทำตาม
“ทำไมท่านถึง...ออกมาอยู่ที่นี่ได้.....” โรถามอีกครั้ง เสียงของเขาแผ่วเบาและน้ำเสียงก็แห้งแหบ รู้สึกเหมือนต้องการน้ำ ในขณะที่ฝ่ามือนั้นเย็นเฉียบ “ปกติแล้ว.....”
เด็กหนุ่มเพียงแค่ยกมือขึ้นจุ๊ปาก แล้วยิ้มจนตาหยี......
“เอ้า...ขึ้นไปสิ” เขาพูดอีกครั้ง “...สุนัขน่ะ ต้องทำตามคำพูดของเจ้านายนะ คุณพ่อเองก็บอกเธอบ่อยๆไม่ใช่เหรอครับ....”
ครั้งนี้ร่างที่สูงกว่าก้าวขึ้นไปอย่างว่าง่าย ..รู้สึกถึงความไม่ชอบมาพากลในบางอย่าง และเขาควรจะเชื่อในสัญชาติญาณของตนเองเมื่อประตูรถม้านั้นปิดลง....
“ผมมีเรื่องจะไหว้วานเธอหน่อย...”
คำสั่งนั้นที่ถูกถ่ายทอดออกมา โรปฏิเสธไม่ได้..เขาไม่สามารถปฏิเสธเจ้านายได้ และแน่นอนว่ารวมไปถึงลูกชายของเจ้านาย.... ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่มีค่ายิ่งกว่าใคร...
“...เรื่องพวกนี้น่ะ เป็นความลับของเราสองคนนะครับโร..”
โรก้มหน้า ครุ่นคิดและไตรตรองให้รอบคอบที่สุด ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
“ครับ...ท่านโทกาเรฟ......” หากเขาไม่ตกลงรับปาก...มีดที่จ่อลำคอตนจากด้านหลัง.. ผ่านทางช่องเล็กๆสำหรับเปิดไปคุยกับคนขับรถม้าอาจได้ปักลงไปเป็นแน่..
“ดีแล้ว ขอบคุณนะ” โทกาเรฟหัวเราะน้อยๆ “ผมรู้ว่าจะใช้งานเธอได้” เขาว่า แล้วลุกขึ้นเปิดช่องเล็กๆบนเพดานรถให้เปิดออก ก่อนจะปีนกลับขึ้นไปนั่งบนหลังตารถมา และทิ้งให้โรจมอยู่ในความคิดที่แสนอึดอัด...กับงานใหม่..
งาน..ที่ดูไม่เหมือนงานเลยแม้แต่น้อย...
=============================================
มาแปะเลวๆ และจากไปแบบเลวๆ
ช่วงนี้ไม่มีอารมณ์แอ๊บสแตรกเท่าไหร่เลยไม่จำเป็นต้องคลุมดำก็อ่านได้/ห๊ะ
ปล. รู้สึกฝีมือการแต่งฟิคมันดาว์นลง..... O<-< แง๊...............
------------------------------------------------------------------------
เหยดดด คุณลูกชาย /ที่เรายังไม่ได้เจอ ; ;
สงสารโร รู้สึกเรื่องในเหมืองมันคือการพักผ่อน พักผ่อนก่อนจะกลับไปเจออะไรที่โหดร้ายยิ่งกว่า........
ตระกูลเจ้านายจ้าช่างโหดร้ายและน่ารัก /คือมันก็มีหลายๆคนปนกันไป........
//มองอยู่ห่างๆ โบกผ้าเช็ดหน้าให้โร
สงสารโร รู้สึกเรื่องในเหมืองมันคือการพักผ่อน พักผ่อนก่อนจะกลับไปเจออะไรที่โหดร้ายยิ่งกว่า........
ตระกูลเจ้านายจ้าช่างโหดร้ายและน่ารัก /คือมันก็มีหลายๆคนปนกันไป........
//มองอยู่ห่างๆ โบกผ้าเช็ดหน้าให้โร
โร นายมาทางเดียวกับโจแอนนาเลย (ToT ขอเกาะขาโรขึ้นจากหลุมได้มั้ยเนี่ย?)
อ่านมาจนถึงโซนแถม นั่นมันซัมติงอาราย ไม่เข้าใจ
อ่านมาจนถึงโซนแถม นั่นมันซัมติงอาราย ไม่เข้าใจ

No comments:
Post a Comment