Thursday, December 26, 2019

[EGOT][NPC] Alma: Sub-Event: 01 25 Jun 2013

 
 
 

   ในสมัยที่ท่านพ่อยังคงอยู่ ท่านพ่อชอบคุยกับข้าบ่อยครั้ง ท่านมักจะสั่งสอนข้าเสมอ ทั้งในเรื่องของการเล่าเรียนเขียนอ่าน การจับอาวุธ และการใช้สมาธิ ท่านสอนข้าทุกอย่างที่ท่านรู้ และแน่นอน..ท่านเองก็สอนคลาเดียไปพร้อมๆกับข้าด้วยเช่นกัน

   แต่ก็มีบางครั้งที่พวกเราพ่อลูกจะนั่งคุยกันตามภาษาผู้ชาย ในยามที่น้องสาวของข้าหลับไหล ท่านพ่อมักจะสอนเสมอ ทั้งสั่งและย้ำเตือนข้าในทุกๆนาทีถึงเรื่องของสมาธิ และความสงบในจิตใจ

   ท่านพ่อของข้าชอบตั้งคำถาม ตั้งคำถามที่บังคับให้ข้าต้องตอบตามความจริง และไม่รู้ว่าเพราะท่านอยู่กับข้ามานานหรืออย่างไร ต่อให้ข้าโกหกไปท่านพ่อก็จับได้อยู่ดี

   ท่านพ่อของข้าเกลียดคนโกหก...แต่เพราะคนโกหกนั้นกลัวคนอื่นจะรู้ความจริง คนโกหกจึงจำต้องโกหก มันเป็นเรื่องของธรรมชาติที่ไม่ว่าใครก็รู้กันทั้งนั้น เพราะว่าพวกเขากลัวการต่อว่าและทุบตีจึงจำต้องเบี่ยงบ่ายหรือหาสิ่งอื่นมากล่าวเพื่อปกปิดความจริง

   แต่ในตอนสุดท้าย ไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว หากมีผู้ใดล่วงรู้ความลับเหล่านั้น..คนโกหกก็จะถูกจับได้และจะต้องลงโทษอยู่ดีไม่ว่าจะพยายามมากอย่างไร ซึ่งผู้ลงโทษทุกคนมักกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าหากไม่มีคำโกหกก็ไม่มีการลงโทษ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็อาจจะเป็นไปได้และไม่ได้ กับระดับความรุนแรงที่ต่างกันไปก็เท่านั้น


   เหมือนกับข้า..


   ในวัยเยาว์นั้นตัวข้าอายุเพียงไม่กี่สิบปีคลาเดียยังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง

   ท่านพ่อยังคงตั้งคำถามหากแต่ข้านั้นกลัวที่จะตอบ คำถามของท่านพ่อนั้นพิลึกพิลั่น..แต่กระนั้นข้าก็ได้ยินจนชาชินเหลือเกิน เพียงแต่ในบางครั้งคนเราก็ไม่อาจที่จะตอบในสิ่งที่อยู่ลึกๆในจิตใจของเราออกไป

   ครั้งแรกที่ท่านพ่อจับได้ว่าข้าโกหก ครั้งนั้นข้าถูกตบจนหน้าหัน

   ท่านพ่อข้าเป็นคนใจดีแต่เข้มงวดมาก ท่านเริ่มป่วยออดๆแอดๆตั้งแต่ในวันที่ท่านแม่เสียไป อาการณ์ของท่านทรุดบ้างดีบ้างตามแต่เวลาและสภาพแวดล้อม แต่ถึงอย่างนั้นท่านก็เป็นนักรบเก่า แรงของท่านมากพอจะทำให้ใบหน้าข้าหันไปอีกทางได้ง่ายๆในการตบเพียงครั้งเดียว และท่านก็ต่อว่าข้า กล่าวถึงเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับเกียรติยศและชื่อเสียง ถึงความสูงส่งของการเป็นนักรบ...เป็นอัศวิน

   ท่านกล่าวว่าพวกเราไม่ควรโกหก เพราะมันจะติดเป็นนิสัย เพราะจะไม่มีใครเชื่อมั่นในตัวเราอีก เพราะหากวันใดเรามีเจ้านาย มันจะเป็นเรื่องที่น่าอับอายต่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว -- รวมถึงตัวเอง -- ซึ่งข้าในตอนนั้นไม่เข้าใจเอาเสียเลย

   และถึงท่านพ่อจะกล่าวแบบนั้น ข้าก็ยังคงโกหก แม้จะไม่ได้โกหกทุกเรื่อง แต่บางเรื่องข้าก็ไม่กล้าที่จะพูดถึงความจริง คำสอนส่งของท่านพ่อเอาตามตรงแล้วไม่เคยไหลเข้าหัวของขาเลย แต่มันกลับเปลี่ยนแปลงตัวข้าในแบบที่ท่านอาจจะไม่อยากให้เป็น

   มันสอนให้ข้าได้รับรู้ความจริงในคำโกหก ถึงคำโกหกที่แสนบิดเบือน

   ปะปนกันจนแยกไม่ออก

   แน่นอนว่าตัวข้ายังคงไม่อาจเข้าใจถึงแต่ละคำถามที่ท่านนั้นมักเอ่ยถามข้าเลยแม้ซักนิด


   “อัลม่า ลูกชายข้า..”

   ครั้งนึงท่านพ่อเอ่ยถามข้า

   “เจ้าเคยฝันถึงบางสิ่งบนหอคอยสูง ที่ต้องเหยียบซากศพผู้คนต่างบันไดขึ้นไปหรือเปล่า”

   “ไม่ครับท่านพ่อ” ในตอนนั้นข้าตอบออกไป ใช้เวลาพักนึงถึงเริ่มอธิบายต่อ “มันเป็นสิ่งที่ไม่สมควร”

   “ไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งที่เจ้าต้องการมากน่ะเหรอ” ท่านพ่อถามย้ำ เริ่มจี้เข้ามาเรื่อยๆ “จะหาที่ไหนไม่ได้อีก มีแค่สิ่งนั้นเท่านั้นที่สำคัญยิ่งกว่าชีวิตเจ้า เจ้าจะปล่อยมันไปเช่นนั้นเหรอ”

   ไม่รู้ว่าข้าคิดไปเองหรือไม่ แต่ท่านพ่อมักจะจี้ถามเรื่อยๆจนกว่าข้าจำต้องยอมที่จะตอบคำว่าใช่ แต่พอข้าตอบกลับไปอย่างนั้น ท่านพ่อก็จะตบข้า.. ท่านกล่าวว่ามันเป็นการฝึกจิตใจในรูปแบบหนึ่ง ซึ่งข้าไม่เคยเข้าใจ เพราะท่านพ่อไม่เคยใช้มันกับคลาเดีย ท่านทำเพียงพูดแต่กับข้า

   “จะเอายังไงละอัลม่า หากสิ่งที่เจ้าต้องการเป็นของนายเหนือหัว เป็นของที่เจ้าปรารถนา เจ้าจะหักหลังนายของเจ้าหรือไม่ เจ้าจะกล้าพอไหมที่จะสังหารผู้ที่ครอบครองสิ่งที่มีเพียงแค่ตัวเจ้าเท่านั้นที่คู่ควร”

   เรื่องนั้นข้าไม่รู้ เอาตามจริงข้าในตอนนั้นอยากจะตอบไปว่าข้าจะแย่งชิงมาให้ได้ ไม่ว่าจะยังไงหากข้าปรรถนาแล้วการจะได้มาก็เพียงแค่ต้องพยายามและไขว่คว้าให้มากขึ้นไป แต่หากกล่าวเช่นนั้นไปท่านพ่อคงตบข้าอีก ข้าจึงต้องกล่าวปฏิเสธ และอีกหลายต่อหลายคำที่ท่านพอจะสรรหามาถามไถ่

   ข้าไม่เคยเข้าใจท่านพ่อของข้าเลย...




   แต่มาในตอนนี้ข้าก็เริ่มจะเข้าใจ เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไปคนเราย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ข้าเข้าใจดีในสิ่งที่ท่านพ่อปรารถนาจะสอนสั่งข้า

   ..ความทะยานอยาก.. 

   ข้าได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดในวันที่ท่านพ่อของข้าจากไป สิ่งที่ท่านสอนสั่งมานั้นล้วงเป็นเพียงคำลวงหลอก ท่านได้หว่านเมล็ดไว้ในตัวข้า เฝ้าบ่มเพาะให้มันเจริญเติบโตขึ้นมา

  ..ให้รากมันหยั่งลึกลงไป....


   พอย้อนนึกแล้วก็นึกไปถึงในวันที่ท่านพ่อจากพวกข้าไป มันเป็นคืนหนึงในฤดูหนาวที่อากาศเย็นยะเยือกพร้อมจะกัดกร่อนลงไปถึงขั้วหัวใจ ข้าเป็นคนแรกที่ได้พบศพของท่านพ่อ ท่านนอนนิ่งอยู่บนเตียงด้วยร่างกายที่เย็นเฉียบไม่ต่างอะไรกับรูปสลักหิน

   คลาเดียที่ตามมาพบร้องไห้อย่างหนัก พวกเราสรุปกันว่าท่านพ่อเสียชีวิตจากอาการป่วยที่ทรุดหนักลง งานศพนั้นเรียบง่ายมีผู้คนมากมายนัก บรรดามิตรสหายของท่านพ่อต่างกล่าวถึงวีรกรรมมากมายของท่านในสมัยที่ยังมีชีวิตในสมัยที่ท่านยังรุ่งเรื่อง...ในสมัยก่อนที่ท่านจะสูญเสียหัวใจไปพร้อมกับการลาจากของท่านแม่

   สตรีผู้ช่วงชิงทุกอย่างของท่าน..


   แต่สิ่งที่ไม่ว่าใครต่อใครต่างก็กล่าวเป็นเสียงเดียวกันคือการที่ท่านไม่สมควรที่จะตายเพราะโรคภัย บุรุษเช่นท่านพ่อควรจะตายอยางอาจหาญในสงคราม หรือไม่ก็จากไปอย่างสงบยังเหมาะสมเสียกว่า

   ข้ายืนฟังเรื่องทุกอย่างอย่างสงบ ไม่เอื้อนเอ่ยคำใดยามที่ผู้คนต่างแยกย้ายกันออกไป



   ในคืนนั้นข้าเดินมานั่งที่เตียงของท่านพ่อ เอ่ยกระซิบกับแผ่นไม้และแผ่นหิน บอกคำลาและพูดเรื่องมากมายที่ข้าไม่ได้กล่าวออกไปในยามที่ท่านพ่อยังมีชีวิต ความกล้าของข้าอาจจะมีเพียงแค่ในตอนนี้ หรือไม่ก็เพียงเพราะตัวข้าเสียดายที่ไม่อาจได้กล่าวออกไปก่อนหน้านี้ได้

   ข้าลูบมือไปตามแผ่นเตียงของท่านพ่ออย่างรักใคร่...ท่านพ่อที่กล้าหาญ...ท่านพ่อที่เคยเป็นเหมือนเสาหลักของครอบครัวจนกระทั่งในวันที่โรคภัยเริ่มฉุดรั้งท่านจนต้องวางดาบลง...ท่านพ่อที่แสนดี..



“หากข้ามีสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตนอกจากคลาเดียเมื่อใด..ข้าจะช่วงชิงมันมาให้จงได้ท่านพ่อ...”




   ข้าตอบพร้อมไล้มือไปบนฟูกหนาเพียงเผื่อปลอบประโลมดวงวิญญาณของนักรบหาญ










   ของชายแก่ผู้สิ้นใจลงด้วยหมอนเพียงใบเดียว...

[END]



เฮ่ยยย ชอบอะ ดราม่าดี
พ่อเจ๋ง เท่มากชอบความคิดพ่อมากอะ
//บรีบบ่านะ บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องไม่ดีก็ได้นะ5555 ความอยากได้นั่นน่ะ
#1 By[vehoon 2013-06-25 02:48
ชอบมาก...  เป็นคุณพ่อที่มองการณ์ไกล
 แล้วตอนนี้อัลม่า... จะมีความทะยานอยากในเรื่องอะไรอย่างที่สุดแล้วบ้างนะ
#2 Bywineoleton 2013-06-25 19:05
ชอบนะโม่ว บ่งบอกถึงปมของตัวละครชัดดีอ่าา ชัดดี ชอบท่านพ่อของอัลม่า ดูเป็นนักรบที่เข้มงวดแต่ชอบทิ้งอะไรไว้ให้ลูกคิดด้วยตัวเองงงง
#3 ByWolf.Gon 2013-06-26 10:34
กำลังสงสัยอยู่พอดีเลยค่ะว่ามีเหตุผลอะไรกันที่ทำให้คุณพ่อที่ใจดีเข้มงวดกับเรื่องการโกหกได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะว่าเคยเป็นนักรบมาก่อนนี่เอง
หรืออาจเป็นเพราะคุณแม่ที่เสียไปก็ได้ เลยทำให้คุณพ่อคิดได้ว่าจะต้องดูแลลูกๆให้เป็นอย่างดีให้ได้ ถึงจะไม่มีความอบอุ่นจากแม่ แต่ความแข็งแกร่งเป็นเสาหลักอาจทดแทนแทนก็ได้ในความคิดของคุณพ่อ
แต่พออ่านเรื่อยๆก็ชักอยากรู้แล้วค่ะ ว่าคำถามที่คุณพ่อถามมาจะมีอะไรบ้าง ถึงได้ทำให้อัลม่าคิดหนักขนาดนี้ :'D
ช่วงที่คุยอยู่กับเตียงของคุณพ่อนี่ให้อารมณ์ทั้งเหงาทั้งหนักอึ้งได้ดีจริงๆค่ะ จนมาถึงประโยคสุดท้ายนี่แหละ แต่แปลกดีที่อ่านแล้วถึงจะชะงักไป แต่ภาพรวมของช่วงนี้ไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลย มีแต่จะทำให้หนักหน่วงขึ้นเสีอีก

ขอบคุณที่ร่วมกิจกรรมนะคะ :)
#4 ByEGoTon 2013-06-28 00:54
คุณพ่อเท่เหลือเกิน 
ชอบท่านพ่อง่ะโม่วจ๋า
#5 ByLionel EGoTon 2013-06-30 15:11
ชอบบทบรรยายรอบนี้ของเจ้าจัง >///<
ท่านพ่อเจ้าเป็นพ่อที่ดีนะอัลม่า  สิ่งดีบางอย่างก็เข้าใจได้เมื่อเจ้าโตขึ้น....
แต่ข้าแอบกลัว....
เจ้าเป็นเด็กเมืองเหนือที่ดำริว่าจะช่วงชิง /สั่น
รอดูต่อไป....
ของชายแก่ผู้สิ้นใจลงด้วยหมอนเพียงใบเดียว...<< ใคร............
#6 ByA.A the wolfon 2013-06-30 17:35
ทำไมเราอ่านแล้วรู้สึกเหมือนโดนโหม้วจับโยนให้ลอยอยู่ในความเวิ้งว้างว่างเปล่าแล้วถูกดึงฟึ่บกลับมาก่อนจะตีให้จมดิน
ฟิคนี้นี่สื่อถึงพ่อตลอดเวลาทุกลมหายใจเข้าออกจริงๆเลยอะ...คุณพ่อ แล้วก็คำโกหก คุณพ่อ แล้วก็คำโกหก
ชอบที่อัลม่าทำแบบนี้(?) ถึงแม้โลกจะไม่ยอมรับ แต่อย่างน้อยนายยอมรับตัวนายเองก็ดีแล้ว เราชอบ
#7 ByStar* of Radianceon 2013-07-02 17:32
ประโยคสุดท้ายคือการเฉลยสาเหตุการตายของท่านพ่อสินะคะ...
อ่านแล้วรู้สึกว่าอัลม่าได้ลิ้มรสการช่วงชิงครั้งแรก... ใช้บทเรียนที่ท่านพ่อสอนสั่ง... นั่นคือสิ่งที่ได้เรียนรู้ สิ่งที่เติบโตกับมันมาทุกลมหายใจ
และอาจจะเป็นสิ่งที่ใช้พรากลมหายใจของคนอื่นด้วย...




No comments:

Post a Comment