Thursday, December 26, 2019

[EWAW][Event] Welcome to my place: Brasov Day1 28 Jun 2013

บทความ(?)นี้เป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม
 
 
 
คอมมูนิตี้นี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจาก การ์ตูนเรื่อง Axis Powers Hetalia เป็นคอมมูที่สมมติตัวละครโดยมีต้นแบบมาจากเมือง/รัฐในประเทศต่างๆ ซึ่งคอมมูนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับบุคคล องค์กร เมือง หรือประเทศใดทั้งสิ้น เล่นเพื่อความบันเทิง
 
คำเตือน - ผมไม่เคยไปเที่ยวที่วาติกันผิดพลาดอะไรตรงไหนก็ขอโทษด้วยนะครับ
 
 


   ตอนนี้ชายที่อยู่ข้างผมคือคนที่หลายๆคนเรียกว่าคุณA สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาไม่ได้กระเดียดไปทางมนุษย์ปกติซักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้อัปลักษณ์เหมือนพวกก๊อปลินหรอก.. เขาแค่หน้าตาประหลาดก็เท่านั้นนั่นแหละครับ

   อย่างน้อยผมก็ไม่เคยเจอคน หรือปีศาจตนไหนที่มีตัว A แปะอยู่บนหน้าแบบนั้นมาก่อน


   บางทีอาจจะเป็นลูกตา แต่ใครจะไปสนกันจริงไหมละ ถึงผมจะอยากลองเอาปากกาปักไปกลางตัวอักษรตรงนั้น แต่ถ้าเป็นลูกตาขึ้นมาจริงๆผมก็คงต้องเสียค่ารักษาให้เขาอีก เพราะงั้นอย่าดีกว่า

   อย่างไรซะหน้าที่ของผมคือการดูแลเขาตลอดสามวัน และพาไปเที่ยวรอบเมือง.. เอาตามจริงนะครับ สำหรับผมแล้วผมรู้สึกว่ามันเสียเวลาเป็นที่สุด ตั้งแต่กลับมาจากที่โรงเรียนผมมีงานเอกสารสำคัญอีกเป็นตั้งที่จะต้องทำ – และบางงานก็ไม่สามารถส่งผ่านอีเมลล์ได้ – เลยทำให้อะไรๆมันยุ่งยากไปเสียทุกอย่าง

   แต่ก็เพราะรับมาจากน้องหญิงเอเดรียน่าแล้ว จะให้ปล่อยทิ้งไปตรงนี้เดี๋ยวก็ไปฟ้องชาวบ้านอีก การที่อุส่าห์ทำตัวเป็นคนดียังไงก็ต้องทำให้ถึงที่สุดสินะ

   อา....น่ารำคาญชะมัดเลยให้ตาย....

   ให้ราเรสแนะนำเมืองให้แทนได้ไหมน่ะครับ..ขี้เกียจชะมัดเลย


   ตอนนี้ผมให้คนฝากเอากระเป๋าของคุณA ไปไว้ที่โรงแรมก่อนแล้ว เพิ่มมาจากซินายาคงจะไม่เหนื่อยเท่าไหร่หรอก ถึงจะเหนื่อยก็ช่างมัน ตอนนี้สายมากแล้ว รีบให้จบวันไปจะได้ไม่ต้องเก็บไว้นาน

   อ๋อ อย่าลืมไปอ่านการบ้านของน้องหญิงของพวกผมด้วยนะครับ

   Sinaia : Welcome to my Place [Part I , II , III ]
 
 
 

- Day 1 -


   “เอาละครับคุณเอ ผมจะเริ่มแนะนำเมืองแบบง่ายๆแล้วกันนะครับ”

   และหน้ากากของรอยยิ้มแสนดีของผมก็ถูกใส่อีกครั้ง จุดเริ่มต้นที่ผมพาเขาไปคือตรงจตุรัสกลาง หรืออีกชื่อที่คนเรียกกันก็คือ ‘หัวใจของบราซอฟ’ ใช่ครับที่นี่คือหัวใจของตัวผมเอง เป็นจุดรวมทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญๆเอาไว้มากมายทีเดียว

(Town Hall)

   อย่างน้อยทั้งวันพามัน..เอ๊ย คุณA เดินๆวนไปรอบๆนี่ก็คงได้ ยังไงซะก็มีอะไรๆให้ดูเยอะแยะ พอวนเสร็จก็เย็นพอดี เมืองปิดไฟแล้วก็ได้วิวสวยแปลกตาไปอีกแบบ แล้วค่อยพามัน..เอ๊ย เขาวนกลับมาอีกครั้งก็พอ ตอนเย็นค่อยพาเข้าบาร์ มอมนิดหน่อยพอเป็นพิธี พรุ่งนี้จะได้ตื่นสายๆ จะได้ไม่ต้องพาไปไหนมากมายนัก

   ก็เป็นอย่างที่รู้กันนั่นแหละว่าตอนเที่ยงๆสายๆแดดของโรมาเนียจะแรงมากพอๆกับลม และไม่ใช่แรงแบบอบอ้าว แต่เป็นแรงแบบแสบผิวเลยทีเดียว.. อย่างผมที่เป็นเด็กเผือกก็ตากแดดมากไม่ค่อยได้เหมือนกัน แต่ต่างจากพวกอัลบิโน่(คนเผือก) ทั่วไปตรงที่เป็นเมือง อย่างน้อยตาผมก็ไม่แพ้แสง และตากแดดได้มากกว่าพวกเขา

   เพราะแบบนั้น อย่างวันนี้กว่าที่พวกเราจะออกมาก็เริ่มจะสายมากแล้ว ผมให้เขาใส่หมวก (วึ่งเขาคว้าเอาหมวกสานใบใหญ่ที่พกติดมาด้วยสวมเดิน) ส่วนผมกางร่ม มีราเรสเป็นลูกมือ และออกมาเดินทัวร์กัน


   “บราซอฟ คือเมืองที่ใหญ่ที่สุดของแคว้นทรานซิลวาเนียครับ เป็นที่รู้จักกันว่าเป็นหนึ่งในไข่มุกเม็ดงามของโรมาเนียทีเดียว หรืออีกชื่อที่รู้จักกันคือ ‘สวิตเซอร์แลนด์น้อยแห่งโรมาเนีย’ ที่ถูกกล่าวแบบนั้นเพราะ.....ครับ? คำถามเหรอครับ?”


   ผมมองเขาที่ยกมือขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น ในสายตาผมแล้วเหมือนลูกหมามากเลยละครับ..หมาตัวเล็กๆที่กระโดดไปกระโดดมา แหม...น่าขยี้จริงๆเนอะ

   แต่ผมที่ไม่สามารถจะแสดงความจริงใจของตัวเองออกมาได้ เลยตีหน้ายิ้มให้ เอาความตอแหลเข้าว่า มองคำถามคำถามโง่ๆอย่างว่า ‘ทำไมถึงเรียกว่าไข่มุกน้ำงาม’ ‘ถ้าเป็นหนึ่งในนั้นก็แสดงว่ามีอีกหลายที่ใช่ไหม’ ‘เมืองไม่ติดทะเลแล้วมีไข่มุกขายด้วยเหรอ’

   นั่นโง่จริงหรือแกล้งโง่กันน่ะครับ ไม่เข้าใจเอาซะเลยนะเนี่ย แต่เอาเถอะ ตอนนี้ผมทำตัวเป็นคนดีอยู่ จะตอบให้ก็แล้วกัน

   “มันเป็นคำเปรียบเปรยน่ะครับ ว่าเมืองสวยเหมือนกับไข่มุก.. หรือคุณเอคิดว่าเมืองของผมไม่สวยละครับ แบบนั้นน่ะใจร้ายนะครับ ผมเสียใจจัง...” ผมยิ้มบางลง แสร้งตัดเพ้อให้อีกฝ่ายรู้สึกผิด ทำไปงั้นแหละ แต่หุบปากแล้วไม่ขัดได้จะดีมาก วันนี้ผมต้องตื่นมาแต่เช้าเพื่อออกมาพาคุณเปิดหูเปิดตาเชียวนะ อย่าถามเรื่องไร้สาระมากนักได้ไหม

   “ต่อเลยนะครับ” ผมว่า เมื่อเห็นเขาดูสลดลงไป อึกอักลนลานขอทาขอโพย...โธ่ น่าสงสารจริงๆ แต่ไม่เห็นใจหรอกนะครับ

   “ที่เมืองของผมถูกเรียกว่า ‘สวิตเซอร์แลนด์น้อยแห่งโรมาเนีย’ ก็เพราะว่ามีความงดงามจากทั้งธรรมชาติที่อยู่รายรอบและสถาปัตยกรรมศิลป์มากมายอยู่ในเมืองยังไงละครับ”

(Old buildings in Brasov)

   อ๋อผมลืมไป.. ตอนที่ผมอธิบายให้เขาฟัง ผมก็พาเขาเดินไปรอบๆนั่นแหละ ตอนแรกราเรสเสนอว่าจะให้เอารถกอล์ฟมาขับพาเขาชม แต่ผมเห็นว่ามันจะมำให้เวลาเดินไวเกินไป แล้วคุณA ที่นอกจากจะไม่เหนื่อยแล้ว อาจจะอยากให้พาไปโน่นไปนี่อีก เสียใจด้วยนะ ไม่มีทางซะละ

   “ตอนนี้เรายู่ที่จัตุรัสกลางเมืองบราซอฟ ถูกเรียกว่าหัวใจของเมืองบราซอฟ เพราะที่นี่เป็นที่ตั้งอาคารสภาชุมชนเมืองที่มีอายุอานามกว่าพันปี ที่สำคัญรอบ ๆ จัตุรัสแห่งนี้เป็นแหล่งชุมนุมของสถาปัตยกรรมศิลป์หลายสมัย นับตั้งแต่อาคารแบบโรมาเนสก์ โบสถ์สไตล์เรอเนสซองซ์ โรงแรมแบบบาโร้ก รวมถึงร้านกาแฟภายในอาคารแบบโรโคโค ซึ่งสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย จัตุรัสแห่งนี้คือที่มาของการขนานนามว่า ‘บราซอฟคือเมืองงามที่สุดของโรมาเนีย’ ยังไงละครับ”

(The City Hall Square)

   เพราะครั้งแรกผมเผลอพูดรัวเกินไป ครั้งที่สองเลยต้องพูดให้ช้าลงมาอีกหน่อย แล้วคุณA ก็หยิบเอาสมุดเล่มเล็กๆมาจดโน่นนี่นั่นตามที่ผมพูด ผมต้องคอยสะกดให้เขาฟังอีกที ช้าๆ ชัดๆ ทีละคำ ให้เขาเขียนชื่อของยุคสมัยของงานปฏิมากรรมพวกนี้ให้ถูกต้อง

   เอาเถอะ ดี..ผลาญเวลาให้มันเยอะๆไปเลยนะ

   “ส่วนตรงนั้นนะครับ” ผมชี้ไปตรงหอคอยข้างลานน้ำพุ “นั่นคือหอคอยทรัมปีเตอร์ ซึ่งอยู่ในจัตุรัสกลางบราซอฟ หอคอยนี้มียอดบนของอาคารเป็นโดมรูปหัวหอมซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมศิลป์แบบไบแซนไทน์ ที่รุ่งเรืองในยุโรปตะวันออกและรัสเซียมานานหลายศตวรรษเลยละครับ”

(Town Hall)

   ผมแนะนำเขา นั่งไขว่ห้างบนม้านั่งที่มีตั้งรอบลานน้ำพุพลางมองเอกสารในมือตอนที่เขาทำท่าประหลาดๆในการถ่ายรูปหอคอยนั่น เหมือนจะพยายามถ่ายโดมหัวหอมที่อยู่ด้านบน แล้วซักพักเขาก็เริ่มถ่ายนก ถ่ายน้ำพุ ถ่ายไปเรื่อยจนผมโบกมือปล่อยให้เขาเดินเล่นรอบๆจตุรัสนี้ซักครึ่งชั่วโมง ไม่ลืมสั่งให้ราเรสตามไปคุมด้วย

   หน้าตาแบบนั้นคงไม่มีใครฉกตัวไปหรอก แต่ถ้าหายไปจริงๆคงเป็นเรื่องกับทางโรงเรียนน่าดู

(Town Hall)

   “อืม..เรื่องของถนนบางส่วนที่ต้องซ่อมแซมงั้นเหรอ” ผมพึมพำ นั่งตรวจเอกสาร และเซ็นในส่วนที่คิดว่าจำเป็น

   ผ่านไปจนน่าจะได้เวลาที่นัด ผมก็เก็บของแล้วเริ่มมองหาเงาของสองคนนั้น เห็นอยู่ไม่ห่างนักว่ากินไอศครีมกันจะเสร็จพอดี

   ผมยิ้ม

   “ไปกันต่อเลยนะครับ”


   “ตอนนี้พวกเรายู่กันที่ถนน Sforii ว่ากันว่าถ้ามาแล้วยังไม่เคยไปจะเท่ากับมาไม่ถึงบราซอฟ” ผมแนะนำ พาเขาเดินไปเรื่อยๆ ฝูงคนที่มีไม่ถือว่ามาก - น้อยจนเกินไปนัก “ถนนสายนี้นอกจากจะแคบที่สุดในโรมาเนียแล้ว ยังได้ชื่อว่าเป็นถนนสายที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศอีกด้วยนะครับ เพราะสร้างมานานกว่าพันปีเลยละ นอกจากนี้ย่านนี้ยังถือเป็นย่านที่ศิลปินชาวบราซอฟมักออกมาประชันฝีมือกันอยู่เสมอ โดยมันถูกสร้างขึ้นครั้งแรกเพื่อเป็นทางเดินสำหรับนักดับเพลิง แต่ปัจจุบันถนนสายนนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและจุดนัดพบที่สำคัญของเมืองเลยละครับ”

(Strada Sforii)

   ว่าแล้วก็มองไปรอบๆที่มีร้านรวงเล็กๆมากมาย มีคนมาขาย มีคนมาซื้อ คุณA ดูจะตื่นเต้นมาก เขาลากผมกับราเรสไปดูโน่นดูนี่ จนผมดยนราเรสให้เขาลากไปนั่นแหละ เขาถึงปล่อยให้ผมไปนั่งจิบกาแฟเตอร์กิชรออย่างสงบซักที



   หายไปเป็นช่วโมง คุณA กลับมาพร้อมของฝากเล็กๆน้อยๆ ผมยิ้ม

   เสียเงินให้พวกผมเยอะๆนั่นแหละดีแล้วครับ




   “ส่วนตรงนั้นก็พิพิธภัณฑ์ประจำเมือง พิพิธภัณฑ์นั้นจะตั้งอยู่ในศาลากลาง ภายในมีการจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจหลายๆอย่าง บางชิ้นมีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยยุคหินเลยละครับ” ผมอธิบาย เขาดูตื่นเต้นเหลือเกิน “แต่พอดีวันนี้มีปิดปรับปรุงน่ะครับ”

   ตัดความหวังกันหน้าด้านๆ

   “แล้วเห็นยอดสูงๆตรงนั้นไหมครับ ที่นั่นคือโบสถ์ดำ (Black Church) เราจะไปที่นั่นกันนะครับ” ผมชี้ให้คุณA ที่ทำหน้าหงอยเหงาให้ดูสิ่งก่อนสร้างทรงสูงที่ดูจะเด่นที่สุดในเมือง เขากลับมาสดใสในทันที เหมือนกับเด็กที่พอมีอะไรใหม่ๆมาล่อก็จะลืมเรื่องก่อนหน้าไปสนิทใจ

(Black Church)

   พวกเราใช้เวลาพักนึงในการเดินทาง หยุดดูโน่นนี่ไปตามภาษา คุณA ดูเหนื่อย แต่ผมกับราเรสไม่เหนื่อย เพราะงั้นผมเลยพาเขาเดินต่อไปแบบไม่พักจนกว่าจะไปถึงตัวโบสถ์ไปเลย

   “ถึงแล้วละครับ”

(Black Church)

   หันไปอีกทีคุณA ทำเหมือนกำลังจะหมดลม ช่างเถอะ ไม่ใช่เรื่องที่ควรใส่ใจขนาดนั้น ยังไงก็ไม่ตายง่ายๆหรอก ไปมาหลายประเทศแล้วนี่นา

   ผมให้ราเรสเอาน้ำไปให้เขา ปลอบใจเล็กน้อย แล้วหยิบยื่นเหตุผลว่ามันเป็นการออกกำลังกายทางนึงขึ้นมาให้เขาเชื่อ แล้วอธิบายต่อ ถ้าจะท้วงอะไรมาอีกตอนนี้ก็เรื่องของคุณ ผมไม่ฟัง เพราะผมภูมิใจกับที่นี่มากทีเดียว

   แผลเป็นที่ใหญ่ที่สุดบนตัวของผม และไฟภัยพิบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในช่วงประวัติศาสตร์ของบราซอฟ..


   “ที่นี่ถูกสร้างขึ้นโดยคนโรมันในปีคศ.1383 ในแบบศิลปะโกธิค และยังมีหอระฆังหกตันที่ใหญ่ที่สุดในโรมาเนียยู่ด้วยละครับ แต่จากมุมนี้คงเห็นไม่ค่อยชัดเท่าไหร่หรอกนะ” ผมหันไปบอกคุณA ที่พยายามชะเง้อมอง ขอโทษเถอะครับ ตัวเตี้ยแบบนั้นพยายามยังไงคงเห็นแค่เสี้ยวระฆัง

(Black Church)

   ผมพาเขาเดินดูรอบนอกก่อน ระหว่างเดินชมก็พูดต่อไป “สาเหตุที่เรียกว่าที่เรียกว่าโบสถ์ดำ ก็เพราะว่าลักษณะภายนอกที่ถูกไฟไหม้เมื่อ ค.ศ.1689 ทำให้คราบดำจากเขม่าได้ไปเกาะที่ผนังโบสถ์ จนเป็นสีดำทะมึน ทางรัฐบาลโรมาเนียจึงทิ้งให้อยู่ในลักษณะนี้เพื่อให้เป็นจุดเด่นของสถานที่แห่งนี้ครับ” ตอนผมพูด หน้าคุณA ดูเหวอๆ ผมเลยแกล้งเสริมต่อ

   “ไหม้ครั้งใหญ่ในเมืองครั้งนั้นมีคนตายเกือบถึง 3,000 คนเลยนะครับ” ครั้งนี้คุณA หน้าซีดไป ไม่รู้ว่าเพราะกลัวผีหรือคิดภาพตามจนหลอนกันแน่

   แต่มันก็ใหญ่มากจริงๆ โดนไฟไหม้มา6 ครั้งตั้งแต่เกิดมา มีครั้งนั้นแหละที่คนตายมากที่สุด ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวผมเองก็จะนอนนิ่งจนขยับไปไหนไม่ได้อยู่นานเหมือนกัน..เพราะไหม้หมดทั้งเมืองรวมไปถึงจตุรัส หัวใจและร่างทั้งร่างถูกเผาเกือบหมดยกเว้นปลายมือปลายเท้า

   เจ็บจนอยากจะตายซะตรงนั้น

(Black Church)

   “ภายในโบสถ์มีพรมที่ถักทอด้วยมือของชาวเติร์กแขวนอยู่ทั่วระเบียงโดยรอบด้วยนะครับ มันเลยทำให้ข้างในมีสีจัดจ้านและสามารถช่วยทำให้โบสถ์มีสีสันสดใส นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นพระแม่มารีและนักบุญคนอื่นๆตั้งอยู่แทบทุกแห่งภายในโบสถ์ด้วยนะ” ผมพาเขาเข้าไปดูข้างใน

   “ห้ามถ่ายรูปครับ”

   ไม่ลืมที่จะเตือน ริบมันมาทั้งกล้อง

   เหมือนว่าคุณA จะเสียดายน่าดู เลยใช้เวลาอยู่ในโบสถ์นานเหลือเกิน เอาเถะ จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ ยังไงซะที่นี่ก็ที่สุดท้าย แล้วก็ใกล้โรงแรมที่ผม(ให้คน)หาให้เขาด้วย พอเขาเลิกดูเลิกอาลัยแล้ว ผมก็พาเขาเดินไปที่โรงแรม เรื่องว่าจะพาไปเดินตอนกลางคืนและให้ไปที่บาร์คงต้องยกเปนวันพรุ่งนี้ ตอนนี้เขาดูจะเริ่มเหนื่อยและอยากพักมากแล้ว

   ดี ตื่นให้สายๆนะ

   “ความจริง ถ้าเป็นในวันปีใหม่ที่นี่จะมีเทสกาลฮานุกกะห์ (Hanukkah) จัดด้วยนะครับ” ผมบอกเขา เขาถามผมกลับว่ามันคือเทศกาลอะไร ก็รู้แหละนะว่าเทศกาลนี้คงไม่ค่อยรู้จักกันซะเท่าไหร่เพราะมันเป็นเทศกาลของชาวยิว ผมอธิบายให้ฟังต่อไป

   “Hanukkah (ฮานุกกะห์) หรือ Chanukah(คานุกกะห์) คือ เทศกาลแห่งแสงไฟของชาวยิว (festival of lights หรือในภาษาฮีบรูเรียกว่า Chag Ha'Urim ครับ”
(Black Church)

   “Hanukkah เป็นวันเทศกาลแห่งแสงไฟของชาวยิวซึ่งมีขึ้นในช่วงกลางฤดูหนาวของทุกปีครับ เทศกาล นี้มีช่วงเวลาของการเฉลิมฉลองยาวนานถึง 8 วันติดต่อกันสำหรับชาวยิวที่อาศัยอยู่นอกประเทศอิสราเอล ส่วนที่ประเทศอิสราเอลเองนั้น Hanukkah หรือ festival of lights จะฉลองกันนาน 1 อาทิตย์”

   ในระหว่างที่ผมเดินพูดไป เขาก็เดินไปจดไป น่าแปลใจที่ไม่มีการสะดุด หรืออาจจะไปมาหลายประเทศจนเริ่มจะชินกับการเดินจดก็ได้นะ

    ที่คุณA ไม่ค่อยคุ้น็คงไม่แปลก ถ้าจะให้คงเป็นวันคริสต์มาสเสียมากกว่า จริงๆแล้วเทศกาล Hanukkah นั้นจะใกล้กับวันคริสต์มาสของทุกปีหรือในบางปีตรงหรือคาบเกี่ยวกัน ด้วยเหตุนี้หลายๆคนจึงมักจะเรียกเทศกาลวัน Hanukkah ว่าเป็นวัน Jewish Christmas เพราะจะมีการรับเอาประเพณีอย่างเช่นการประดิดประดอยของขวัญและการประดับประดาตกแต่งบ้านเรือนมาใช้ด้วย

   เอาตามจริง..เทสกาลนี้เป็นเรื่องที่่ค่อนข้างขมขื่นพอตัว เพราะแต่เดิมนั้นมันที่มาจากการลุกขึ้นต่อสู้จักรวรรดิกรีกของชาวยิวกลุ่มหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งอิสระในการนับถือศาสนา เพื่อให้ชนชาติของตนได้ดำรงอยู่ต่อไป ได้กลับกลายมาเป็นเทศกาลที่ซึมซับวัฒนธรรมประเพณีใหม่ๆเข้ามาแทน แต่ก็ไม่ถึงกับถูกดูดกลืนไปเท่าไหร่หรอก...แต่ก็นะ น่าเศร้าเหมือนกันนะครับว่าไหม

   “อ๊ะ ครับ...ขอโทษนะครับผมไม่ทันฟัง” ผมรีบขอทาคุณA ตอนรู้ตัวว่าอีกฝ่ายนั้นเรียกผมอยู่หลายรอบ ผมยิ้มรับแล้วบอกให้เขาถามผมใหม่อีกครั้ง

   “อ๋อ..คำว่า "Hanukkah" ในภาษาฮีบรูนั้นมี 3 ความหมายนะครับ คือ การอุทิศตน การศึกษา และการเริ่มต้น Hanukkah ถือเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองเพื่อรำลึกถึงชัยชนะของตระกูลมัคคาบีส (The Maccabees) ที่มีเหนือกองทัพของกษัตริย์แอนไทอะคัสที่ 4(Antiochus IV) แห่งซีเรียเมื่อประมาณ 165 ปี ก่อนคริสตศักราชโน่นน่ะครับ”

   คุณAทำตาโต ผมยิ้ม ไม่ได้บอกอะไรอืนอีก

   “ส่วนตอนนี้ มันก็ถือเป็นตัวแทนของเทศกาลส่งความสุขสิ้นปีและเป็นเทศกาลแห่งแสงไฟยังไงละครับ เพราะเทศกาล Hanukkah เป็นเทศกาลที่เป็นดังแสงสว่างที่เข้ามาในความืดของความสิ้นหวัง พระเยซูคริสต์จึงเป็นความหวังใจ ของทุกคนที่มีความหวังใจไม่ย่อท้อในความยากลำบาก”

   พอพูดเรื่องแบบนี้ด้วยรอยยิ้มแบบนี้ รู้สึกตัวเองเหมือนจะกลายเป็นคนดีขึ้นมาทันทีเลยละครับ

   อา..ตอแหลกันเข้าไป..



   ในที่สุด...หลังจากอธิบายเรื่องเทศกาล Hanukkah จนเพลิน พวกเราก็มาถึงโรงแรมแล้วครับ โรงแรมนี้อยู่ไม่ห่างจากตัวโบสถ์ดำเท่าไหร่ ที่นี่คือโรงแรม Casa Albert ครับ เป็นโรงแรมสามดาวที่ใกล้สถานที่น่าชมอีกหลายที่เลยละครับ

   ผมพาคุณA ไปดูห้อง.. เป็นห้องที่กว้างในระดับนึงเลยละ แต่คุณA บ่นว่ามันดูมืดๆทึมๆผมเลยต้องเปิดหน้าต่างให้เขา



   ....อยู่ไปไม่ตายหรอก มีที่นอนให้เป็นโรงแรมระดับ3ดาวที่ผมไม่ได้ให้คุณควักเงินจ่ายเองก็ดีเท่าไหร่แล้ว...



   เอาเป็นว่า เรื่องอาหารนั้นคุณA ก็จะทานอาหารทั่วไปของทางโรมแรมไปก่อน พรุ่งนี้ผมถึงจะพาเขาไปทานอาหารประจำชาติ.. เพราะอย่างนั้นก็ขอตัวลากันตรงนี้ก่อนนะครับ


   เจอกันพรุ่งนี้ ขอบคุณครับ



อ่านแล้วรู้สึกเลยว่ามิไฮแอ๊บแรงกล้า๕๕๕๕๕
แต่อ่านไปก็เพลินนะ เหมือนฟิคมีรูปประกอบ บราซอฟสวยจังเลย /ฟิน
อยากไปโบสถ์อ่ะ มันใหญ่อลังมากกกกกก เห็นขนาดแล้วตะลึง
สมกับเป็นสวิสน้อยของโรมาเนียจริงๆนะ 
#1 By+Ishin_Kuu+on 2013-06-28 01:28
ชอบตรง...พอพูดเรื่องแบบนี้แล้วดูเหมือนคนดีขึ้นมา
....
..
..
.
"อา ตอแหลกันเข้าไป" 55555555555555555555555555555555 โอ๊ยยย โบสถ์สวยอ่ะะะะะะะะะะะ แงงงง บ้านมิไฮสวย TvT อ่านเว้นนี้แต่ละคนแล้วบับ...อยากไปป งืดดดดดด
#2 ByMaMaon 2013-06-28 08:07
เวเซลิน่า : เรื่องหน้าตาคุณเอที่เป็นแบบนั้นอาจจะเพราะเขาเป็นชาวเกาะในแถบๆทวีปอเมริกา ที่นั่นอาจจะมีเรื่องแปลกๆอีกหลายเรื่องที่พวกเราไม่รู้ก็ได้นะคะ
บ้านของคุณ สมกับที่เป็นเมืองสวิตเซอร์แลนด์น้อยนะคะ ทั้งธรรมชาติ ทั้งสถาปัตย์
แต่กว่าจะเป็นเมืองที่สวยงามแบบนี้.........อืม........บางเรื่องก็ดูไม่พูดถึงจะดีกว่ารึเปล่านะ....../พึมพำ
ส่วนที่พาเที่ยว...เพราะที่เราพาไปเป็นบ้านของเรา เรื่องเที่ยวก็ต้องตามใจเราถูกแล้วล่ะค่ะ/หัวเราะเบาๆเพราะตัวเองก็ทำแบบนั้นมาแล้ว..
.
.
อ่านแต่ละช่วงที่เป็นความคิดของมิไฮแล้วแบบ....มิไฮร้ายจัง.../แอบนั่งขำ/โดนต่อย
ฮือ แต่พอมาซีนโบสถ์ดำแล้วสงสารขึ้นมา โธ่มิไฮโดนมาเยอะ.../เศร้า
ทำเอาอยากไปบราซอฟด้วยคนเหมือนกัน รอวันต่อๆไปนะคะ สู้ๆปล. นอกเรื่องไปนิดแต่ขำรูปหน้าที่ทำเครดิตมากค่ะ.../เผ่น
#3 Byhaha55on 2013-06-28 20:58
โฮ้ยยยยย อ่านแล้วเหนื่อนแทนมิไฮที่ต้องแอ๊บตลอดเวลา แต่ท่าทางพี่แกจะทำจนชินแล้วสินะ 5555555555+
อ่านตรงโบสถ์ดำแล้วแอบสะเทือนใจอ่า...
#4 ByNanNy-Bon 2013-07-06 13:34


No comments:

Post a Comment