ไอเวอรี่ ลินส์ กำลังนั่งขอดเกล็ดปลาอยู่ในตลาดตอนที่เขาได้ยินข่าวว่ากษัตริย์แห่งบันลังค์เหล็กเสียชีวิต
ข่าวที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วถูกโหมกระพือให้ลุกลามได้เร็วขึ้นจากบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและเหล่าผู้สัญจรผ่าน และเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยาม เรื่องเล่าแบบปากต่อปากก็แผ่ขยายไปทั่วริเวอร์รัน หรืออาจจะลามไปทั่วทั้งเวสเทอเรสแล้วก็เป็นได้ มันเหมือนกับไฟป่าที่กำลังลุกไหม้ในช่วงฤดูใบไม้ร่วง อาจจะโดนจุดด้วยน้ำมือของมนุษย์ แต่สิ่งที่เหมือนกันคือมันแผดเผาความจริงไปกว่าครึ่ง
ความจริงไอเวอรี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับเรื่องนั้นหรอก
แต่นี่เป็นวันที่สี่แล้วที่เขาได้ยินเรื่องกระซิบกระซาบเหล่านั้น มันเหมือนจะกลายเป็นหัวข้อสนทนาประจำวัน เป็นเหมือนสีสันอย่างหนึ่งในตลาดสดที่ขาดไม่ได้
เพียงแต่มันซุบซิบกันนานเกินไปหน่อย อย่างน้อยคนอย่างไอเวอรี่ ลินส์ ก็ทนฟังเรื่องเดิมๆซ้ำไปซ้ำมาได้ไม่เกินสามครั้ง แต่ตอนนี้คนรอบตัวนั้นพูดเรื่องนี้มาน่าจะเกินสามร้อยครั้งแล้ว ยังดีที่พวกเขามีความคิดสร้างสรรค์พอจะสร้างการตายใหม่ๆให้กษัตริย์เอดิรีสได้ไม่ซ้ำแต่ละวัน มันเลยยังทำให้เขาทนฟังได้ต่อไปโดยไม่ย้ายร้านไปขายที่ริมแม่น้ำแทน
จากที่จับใจความคร่าวๆได้ส่วนหนึ่งจากทั้งหมดคือ เขาได้ยินมาว่าไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตระกูลทาร์แกเรียนกันแน่ พวกเขารู้เพียงว่ากษัตริย์เอดิรีส ทาร์แกเรียนเสียชีวิต แต่สาเหตุจริงๆที่ทำให้เอดิรีสตายนั้นเขาก็ไม่อาจทราบ เพราะการตอกไข่ใส่สีในเรื่องเล่านั้นมากมายเกินกว่าเขาจะนับ เอาจริงๆเขาก็เคยนับในสองวันแรก และก็เลิกนับในวันที่สามหลังจากการตายของเอดิรีสมีเกินร้อยกว่าวิธี
อีกเหตุที่ทำให้เขาเลิกนับก็เพราะผู้พูดส่วนมากเป็นสตรี.. พวกนางน่ะตัวดี เก่งเรื่องนี้ยิ่งกว่าอะไร
นั่นคืออีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ไอเวอรี่ ลินส์ ไม่ค่อยชอบการซุบซิบนินทา --เอาจริงๆเขาชอบฟังเรื่องสนุกนะ-- แต่เพราะมันบิดเบือนข่าวสารมากเกินไปนั่นแหละ ใครจะไปรู้ว่าบางทีอาจจะไม่มีใครฆ่าเขาเลย แต่ตระกูลใหญ่อาจพยายามหาความตายที่ยิ่งใหญ่กว่ามาให้ปกปิดความจริงที่น่าเศร้าก็เป็นได้ อย่างเช่นความจริงกษัตริย์แห่งบันลังค์เหล็กอาจจะเผลอเดินสะดุดขาตัวเองแล้วตัวไปปักดาบที่บันลังค์เองอะไรแบบนั้น
ถ้าเป็นจริงมันคงเป็นการตายที่น่าอนาถน่าดู
แต่คำเล่าลือที่คิดว่าน่าจะเป็นจริงที่สุดก็คือการที่บันลังค์นั้นมีแต่ดาบ --ห่างไกลจากเรื่องการตายนั้นไปมากโข แต่ถ้าเขาโดนบันลังค์เสียบจริง บางทีมันอาจจะไม่ใช่เรื่องที่ห่างไกลเท่าไหร่-- หรือบันลังค์แยกแง่งออกมาเป็นหนาม มีคนบอกว่ามันทำจากเหล็ก บ้างก็ว่ามันแหลมขนาดเอานิ้วแตะก็เป็นแผล และอีกคนก็บอกว่ามันเป็นแค่เก้าอี้ที่มีไว้เสียบดาบนั่นแหละ มีบางคนถึงขนาดบอกว่าบันลังค์นั้นทำจากทองคำทั้งหมดด้วยซ้ำ ถ้ามันเป็นความจริงจริงๆเขาก็จะไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตระกูลทาร์แกเรียนถึงได้จะฆ่ากันเองเพราะเก้าอี้ตัวใหญ่กับมงกุฏที่ใส่ไปก็มีแต่จะชวนให้หนักหัวนั่น
มันคงหนักและสูงมาก บางทีอาจจะทำจากหิน
ไอเวอรี่ยกมีดกระแทกลงกับเขียง สับหัวปลาและตัวให้ขาดครึ่งเป็นสองส่วน บางทีเขาก็สงสัยนะว่าทุกคนจะเดือดร้อนทำไมเรื่องที่กษัตริย์จะเป็นหรือตาย คนเหล่านั้นควรกังวลเรื่องการเสียภาษีที่จะถึงเสียมากกว่า เขาเองยังกังวลเรื่องนั้นมากกว่าเลย
ชายหนุ่มเลียปาก
ความสงสัยในหัวเขามีมาก และมันกำลังจะตีกันไปมา แต่โดยสันดาร ยึดเอาตามพื้นฐานของมนุษย์คนนึงที่สมควรจะมีความสุขดีอยู่แล้วที่หัวยังต่อกับตัว และตับไตไส้พุงยังกองเป็นขดดีๆอยู่ในท้อง เขาไม่ควรจะเอาตัวไปแส่กับเรื่องแบบนี้ การเสี่ยงมากเกินไปจะทำให้ชีวิตของเขาไร้สุข ถึงมันจะมีสีสันมากมายก็ตาม แต่เขามันแค่พ่อค้าปลา เป็นแค่ชาวประมงธรรมดาที่วันๆก็ทำแค่หาปลา เก็บสมุนไพร
เห็นไหม ชีวิตของเขาเรียบง่าย มีความสุขดีมากแล้วที่จะปล่อยให้มันจบลงอย่างเรียบง่ายบนเตียงในซักวัน --อื้ม มันเป็นสิ่งที่ควรพูดนะ แต่หัวของเขาแย้งเรื่องนี้อยู่ แย้งจนปวดตุบๆเลยทีเดียว-- เขาส่ายหน้า
ปลาตัวที่สิบหัวขาดกระเด็นจากเขียง เขาปิดตา แผงลอยด้านข้างกำลังกร่นด่า เรื่องของเอดิรีสจบไปแล้ว ตอนนี้มีแค่คำหยาบคายที่กำลังมอบให้เขาอย่างเป็นมิตร
พวกที่รนหาที่ ไม่ว่าใครก็ตายไม่ดีทั้งนั้น จะทหาร นักสู้ หรือแม้กระทั่งคนเถื่อนกับกบฎ..
ใบหน้าของชายหนุ่มประดับไปด้วยรอยยิ้ม
แล้วเสียงด่าก็ดังขึ้นกว่าเดิม เมื่อหัวของปลาตัวที่สิบเอ็ดกระโดดไปมองหน้าของผู้พูดเหมือนกับคำถามว่าทำไมตัวเองถึงมาอยู่ตรงนี้ได้….
ไอเวอรี่วางมีดลงบนเขียง เงาของมันคมมากพอจะทำให้เขาต้องหรี่ตาเลยทีเดียว…
[END]

No comments:
Post a Comment