Tuesday, March 29, 2016

045. [csbt] สามพี่น้องอิลทุมม์ ฝากตัวด้วย 2011.03.11

เอนทรี่นี้ เกี่ยวข้องกับโครงการ "ทัศนศึกษาจากโรงเรียนลูกบาศก์" [CSBT]
เกิดจากการร่วมมือกันระหว่าง "[CS] โรงเรียนลูกบาศก์" กับ "[BT] เมืองบลอดเวน"
  blodwen
เอนทรี่ที่เกี่ยวข้อง
-------------------------------------------------------------------
(เอิร์น เพิ่ง 19 เมื่อวันที 16 กุมภา ที่ผ่านมา สูง 187cm.)
ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อเออร์เนส อี. อิลทุมม์ จะเรียกว่าเอิร์น หรือ เออร์เนสก็ได้
ฉันไม่มีงานเป็นหลักแหล่งอะไร ส่วนมากก็ทำงานพิเศษสองสามแห่งที่นี่ เพราะอย่างนั้นฉันก็คิดว่าคงมีเวลาว่างทำกิจกรรมกับพวกนายได้เต็มที่ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกฉันได้ ถ้าทำได้ก็จะช่วยแล้วกันนะ
ถ้าจะให้พูดตามตรงแล้วเรื่องเป็นโฮสต์อะไรนั่นไม่ใช่ความคิดของฉันเลยซักนิดเดียว มันเป็นเรื่องของน้องสาวฉันน่ะ ยัยนั่นเป็นคนตัดสินใจ เห็นบอกว่าอยากได้เพื่อนใหม่ อยากรู้จักคนอื่นบ้าง..... เพราะอย่างนั้นถึงฉันจะ OK. บอกว่าจะเป็นโฮสต์ให้ แต่ฐานะของเราคือเสมอกัน โอเคนะ? ฉันจะดูแลนายในฐานะของเพื่อนคนนึง ไม่ใช่ในฐานะของโฮสต์ เพราะงั้นก็เตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ เพราะฉันจะไมประคบประหงมพวกนายแน่ (หัวเราะ)
เอมิเลียคะ จะเรียกหนูว่าเอลลี่ก็ได้นะคะ~ หนูเป็นน้องสาวคนเล็กของบ้าน ยังไงก็ขอฝากตัวด้วยนะค่ะ~
หนูเป็นคนเสนอเรื่องรับโฮสต์กับพี่ชายเอง แต่ว่าพวกเราก็เป็นเพื่อนที่ดีกันเถอะนะคะ แฮะๆ โดยปกติแล้วหนูกับพี่แอโรว์จะอยู่ที่ห้องเป็นส่วนมากระหว่างที่พี่ชายออกไปข้างนอก..เอ่อ...ความจริงก็เพราะกว่าที่พวกเราจะตื่นก็ปาไปค่อนข้างสายแล้ว ถ้าไม่นับเรื่องที่ต้องไปเรียนนะคะ
หนูอยากสนิทกับทุกคนให้มากๆ เพราะอย่างนั้น...พวกเรามาสนิทๆกันไว้เถอะค่า~
แอโรว์ครับ เป็นพี่ชายคนรอง ตอนนี้ก็ไม่ค่อยมีอะไรจะพูดเท่าไหร่เพราะพี่ชายกับน้องสาวก็พูดไปเยอะแล้ว เอาเป็นว่าทางเจ้าเมืองเค้ามีแบบฟอร์มมาให้ ก็ไปทำความรู้จักพวกเราต่อทางนั้นเองนะครับ..
เอาล่ะ ไปดูแบบฟอร์มกันเนอะ~~
- เพศ ส่วนสูง น้ำหนัก อายุ เชื้อชาติ อาชีพ
"ฉันเพิ่งอายุ 19เมื่อเดือนที่แล้ว ก็คิดว่าคงจะไม่ค่อยห่างจากพวกนายเท่าไหร่ เพราะอย่างนั้นไมต้องกังวลเรื่องมารยาท เพราะฉันก็ไม่ค่อยจะรักษาน้ำใจเรื่องมารยาทเท่าไหร่..."
"เพราะพี่เอิร์นนี่น่ะติดนิสัยไม่ดีแบบนั้นมาจากแก๊งค์เก่าใน USA ตอนโน้นนน.."
"เงียบไปเลยเอลลี่..."
"ก็หนูพูดจริงนี่นา~"
"..." "เอาเป็นว่าช่างสองคนนั้นเถอะครับ ผมชื่อแอโรว์ จะ 14 วันที่ 18 เดือนมีนานี้แล้วล่ะครับ ส่วนเอลลี่อายุ..."
"เอลลี่อายุ 7ขวบค่า~ จะ 8 ขวบปีนี้แหละ แต่อีกตั้งนานเลย อดกินเค้กกันเลยเนอะ.."
"ส่วนรายละเอียดต่างๆ.. ฉันสูง 187cm. น้ำหนักยังไมได้ชั่งเลยไม่รู้ เพราะงั้นช่างมัน"
"ฉันเป็นลูกครึ่งรัสเซีย-เยอรมัน แต่เกิดและโตที่อเมริกา เพราะอย่างนั้นฉันจะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมของอเมริกามากกว่า เรื่องงานก็บอกไปข้างต้นแล้วว่าทำงานพิเศษ ถ้าการใช้ชีวิตของเราแตกต่างกันก็ไมต้องไปสงสัยอะไรมากหรอกนะ"
"ผมสูง 155cm. ครับ เป็นลูกครึ่งอเมริกา-เยอรมัน.. คือผมกับเอลลี่เป็นพี่น้องท้องเดียวกัน แต่พี่ชายเป็นลูกคนละพ่อน่ะครับ..."
"สมัยแม่พวกฉันยังสาวค่อนข้างก่อเรื่องไว้เยอะน่ะ เอาเป็นว่าตอนนี้ก็ช่างมันไปก่อนแล้วกัน"
"ส่วนหนูสูง 138cm. ค่า~"
- ภาษาที่ใช้สื่อสารได้
"ค่อนข้างน่าเสียดายอยู่ที่ฉันพูดภาษาไทยไม่ได้ แต่ถ้าเป็นอังกฤษ เยอรมัน รัสเซีย ก็สบายมาก นอกจากนั้นฉันก็พูดอิตาลี่ กับจีน ได้นิดหน่อย เอ้อ..ส่วนภาษาบลอดเวนนี่กำลังหัดเรียนอยู่ ยังไงก็ขอภาษาอังกฤษดีกว่าไม่ก็ฝึกไปด้วยกันนั่นแหละ ถ้าอยากรู้อะไรก็ถามแล้วพวกฉันจะสอนให้ เพราะงั้นก็อย่าลืมสอนภาษาไทยให้พวกฉันบ้างแล้วกันนะ"
"ผมพูดภาษาอังกฤษ กับเยอรมันเป็นภาษาหลัก ส่วนภาษาบลอดเวนกำลังเรียนอยู่ครับ ตอนนี้ก็กำลังศึกษาเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยอยู่หลังจากเอลลี่บอกจะรับคนมา จะได้ไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องวัฒนธรรม ยังไงก็สนิทๆกับไว้นะครับ"
"...หนูพูดได้แค่อังกฤษคะ... ตะ..แต่ว่า! ถึงจะพูดไม่ได้หลายภาษาแบบพวกพี่ๆ แต่ตอนนี้ก็พูดบลอดเวนได้คล่องที่สุดในบ้านแล้วนะคะ ยังไงๆก็ช่วยสอนภาษาไทยให้หนูบ้างเถอะคะ!"
"นั่นสินะ ก็สอนมันหมดทั้งบ้านนั่นแหละ"
"....พี่นี่ หัดมีมารยาทหน่อยสิครับ"
"เรื่องมากจริง..."
- ความสามารถพิเศษ งานอดิเรก
"หนูถนัดการทำกับข้าว ส่วนงานอดิเรกคือวาดรูป แล้วก็ๆ...."
"ทำตัวน่ารัก"
"ทำตัวร่าเริง"
"แฮะๆ~"
"ผมถนัดการคำนวน และการใช้คอมพิวเตอร์ครับ งานอดิเรกคือเล่นคอม เล่นเกม ดูหนัง อ่านหนังสือครับ"
"สิ่งที่ฉันชอบคืออ่านหนังสือ กับเดินเล่น.....จะพาไปเดินรอบบลอดเวนเลยเอาไหม(หัวเราะ)"
"ถ้าให้พวกที่ถนัดก็เจาะจงไม่ค่อยได้หรอก แต่ฉันก็มีประสบการจากการทำงานที่ต่างๆ และประสบการณ์ส่วนตัวจากอเมริกามาก็เยอะนะ แต่ถ้าที่คนทักบ่อยคงเรื่องความอึดอดทนนั่นแหละ(หัวเราะ) ส่วนงานอดิเรกก็เล่นดนตรี ฉันเล่นดนตรีได้สองสามชิ้น พวกกลองชุด กีตาร์ไฟฟ้า กับอิเล็คโทรนน่ะ.."
"เพราะพี่ชายชอบหัดลองโน่นนี่ไปเรื่อยๆเลยมีเรื่องที่ถนัดเยอะแยะเลย~"
"พยายามทำให้ได้แบบเค้าสิยัยเปี๊ยก ไม่ใช่เอาแต่ทำอะไรก็ไม่รู้อยู่ได้"
"พี่แอโรว์ที่เอาแต่อยู่หน้าคอมน่ะเงียบไปเลย.."
"ฉันสร้างเกม สร้างเว็บ แล้วก็ทำได้มากกว่าเธอแล้วกัน"
"หนูก็ทำงานบ้านได้ทุกอย่างนะ!"
"ถ้าไม่เงียบก็ไม่ต้องตอบแบบฟอร์มต่อแล้ว! จะทะเลาะกันทำไมห๊ะ"
"ชิ../เชอะ..." (งอนกันเอง..)
"ค่อยดีขึ้นหน่อย..........ไหน ข้อต่อไป.."
- นิสัย
"เอลลี่เป็นเด็กที่ร่าเริงมองโลกในแง่ดี มีมารยาท.. แต่บางครั้งก็มักจะทะเลาะกับแอโรว์บ่อยๆ แต่ส่วนมากแล้วเธอเป็นคนยิ้มเก่ง หัวเราะง่าย ไม่ค่อยคิดเรื่องอะไรมาก โกรธยากหายเร็ว"
"ก็นะ ถึงบางครั้งจะมีดื้อบ้างตามภาษาเด็กๆ แต่พวกเขาก็สนิทกันมากเลยล่ะ"
"อ่อ.. แล้วก็เอลลี่น่ะ บางทีก็เดาใจคนออก เพราะงั้นก็อย่าไปคิดมากแล้วกัถ้เธอถามว่าเป็นอะไร เพราะเธอเป็นห่วงนะ"
"พี่แอโรว์น่ะเป็นคนที่บางครั้งก็ดูจะมีนิสัยที่เป็นผู้ใหญ่กว่าพี่เอิร์นคะ(หัวเราะ) พี่เค้าจะคอยดูแลเรื่องต่างๆของบ้าน อย่างพวกค่าใช้จ่ายต่างๆพี่แอโรว์จะเป็นคนคำนวน พี่เอิร์นเป็นคนหาเงิน ส่วนหนูก็ดูแลทำความสะอาดเล็กๆน้อยๆ"
"ถึงบางครั้งจะเห็นพี่เค้าหน้าตายๆ จริงจังๆ ดูสุขุม แต่ความจริงแล้วพี่เค้าติดเกมมากเลยนะคะ(หัวเราะ)"
"ส่วนของพี่ชายน่ะ สมัยก่อนเป็นคนอารมณ์ร้อนและแปรปรวนง่าย แต่ตอนนี้พิชายก็เป็นคนที่อารมณ์เย็นลง เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น แต่เรื่องนิสัยบางอย่าง อย่างเช่นเรื่องขวานผ่าซากไปบ้าง พูดตรงไปหน่อย แต่บางทีก็ปากแข็ง แต่พี่ชายก็มีมารยาทขึ้นเยอะเลยครับ"
"หมายความว่ายังไงน่ะ.."
"หมายความตามที่พูดนั่นล่ะครับ"
"ข้อต่อไปคะ~"
 "........."
- แต่งกายแบบไหนตอนไปรับ
เออร์เนส
แอโรว์
เอลลี่
  
 - ข้อกำหนดของบ้าน
"เชิญพี่ชายพูดก่อนเลยครับ.."
"โอเค.. ข้อกำหนดคือ เพราะพวกฉันอยู่อพาร์ทเมนท์ ยังไงก็ควรมีมารยาทบ้าง ไม่ควรเสียงดังมากเกินไป ตัวฉันเป็นคนตื่นค่อนข้างเช้า หลังจากตื่นแล้วจะออกไปเดินเล่นบ้าง จ๊อกกิ้งบ้าง ถ้าอยากไปด้วยกันก็ควรตื่นตอนตี5 ไม่ก็6 โมง แต่ถ้าจะนอนยาว.. ฉันไม่อยากให้เกิน 9-10โมงหรอกนะ"
"ข้าวช้าวส่วนมากจะเป็นขนมปังปิ้งกับไข่ดาว แล้วก็กาแฟ...คือ อันนี้เป็นอาหารที่ฉันทำกินเองน่ะ แต่ตอนเช้าส่วนมากก็ให้ปิ้งขนมปังกินเอง แต่จะเอาอะไรนอกจากนี้คงต้องขอให้ทำเองนะ เพราะส่วนมากฉันทำกินคนเดียว และอีกอย่างคือพวกน้องๆฉันตื่นสาย เลยไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรมากมายเท่าไหร่ ตอนกลางวันนี่ตามใจ แต่ตอนเย็นอยากให้มากินด้วยกันมากกว่าน่ะ"
"และถ้านายจะไปค้างบ้านใคร ไปนอนบ้านไหน ไปอยู่กับเพื่อน หรือพาเพื่อนมาค้าง ก็ขอให้บอกกันก่อน ไม่ใช่ปุบปับก็ทำเลย.. ถึงฉันจะดูไมค่อยสนใจนัก แต่ฉันก็ไมอยากมานั่งรอนายกลับมาตลอดคืนหรอกนะ....ฉันเป็นห่วง.."
"เรื่องเสื้อผ้า พวกชุดชั้นในควรซักเองเพราะที่หอมีเครื่องซักผ้าอยู่แล้ว ระเบียงตากผ้าเอาระเบียงห้องของพวกผมได้ตามสบาย"
"เรื่องเวลานอน..ถ้ากลับมาแล้ว ฉันก็ไม่เกี่ยงหรอกว่านายจะนอนตีอะไร แต่ถ้าน้องฉันหลับไปแล้วก็ไม่ควรจะส่งเสียงดัง"
"และห้าม...ดื่มเบียร์ในตู้เย็นโดยไม่ได้รับอนุญาต!"
"แต่ว่า ถ้าอยากไปเที่ยวที่ไหนไปอะไรก็บอกพวกเราได้นะคะ จะพาไปทุกที่เลยคะ~"
"ต่อมาของผม.. ในห้อง อย่างที่เห็นว่ามีคอมกับโน๊ตบุ๊คอย่างละเครื่อง โน๊ตบุ๊คน่ะเป็นของใช้ส่วนตัวของผม แต่เครื่องคอมเชิญใช้ตามสบาย แค่อยากให้เลิกใช้หลังจากที่ผมกับเอลลี่นอนแล้วนะครับ เพราะไฟมันจะแยงตาพวกเราตอนนอน"
"อ่อ เกือบลืมแนะ..ที่ห้องเรามีตู้หนังสืออยู่สองสามตู้ ส่วนมากเป็นของพี่ชายทั้งนั้น.. คือ..ของพี่ชายทังหมดเลยคะ แบกมาจากอเมริกาด้วย 75% เป็นภาษาอังกฤษ 10% เป็นภาษาเยอรมัน 10% เป็นภาษารัสเซีย ส่วนอีก 5% เป็นภาษาต่างชาติอื่นๆคะ"
"หยิบอ่านได้ตามสะดวกเลย แต่ต้องเก็บเข้าที่เดิมนะ ส่วนมากพี่ชายจะอ่านหนังสือหลากหลายแนว มีทั้งหนังสือเก่าของคุณแม่ คุณพ่อ กับคนอื่นๆที่ให้มา และที่พี่ชายซื้อเองด้วย แฮะๆ. ส่วนมากของหนูจะเป็นสมุดภาพคะ ถ้าเป็นหนังสือคอมจะเป็นของพี่แอโรว์ แต่ว่าหนังสือของพี่ชายก็มีหลายแนวจริงๆนะคะ ทั้งแฟนตาซี ไซ-ไฟ สยองขวัญ หรือจะคู่มือแต่งรถ ทำอาหาร ฯลฯ พี่ชายความจริงแล้วชอบอ่านน่ะคะ อยากไปเรียนต่อมหาลัยเลยศึกษาหลายๆเรื่อง แต่ว่า........"
"พอได้แล้ว พูดมากจริงน้องสาวคนนี้" /ขยี้หัวเอลลี่
"เง้อ...คะ ก็มีแค่นี้แหละค่า~ อ๊ะ! แล้วก็ต้องมาเล่นกับเอลลี่ทุกวันด้วยนะคะ จะรอค่า >w
ที่อยู่


เตียงสีน้ำเงินเป็นเตียงสองชั้น ที่นอนของแอโรว์ และเอลลี่
ส่วนเตียงสีแดงเป็นของเอิร์น
ถ้ามาจะได้นอนเตียงแดง เอลลี่จะไปนอนกับแอโรว์ ส่วนเอิร์นจะไปนอนที่เตียงชั้นสอง
อพาร์ทเมนต์เกล ที่ชั้น 2 ห้อง 202 
รับคน 1 คนนะครับ
จะนอนบนฟูกในห้องหรือบนพื้นในห้องนั่งเล่นก็ได้....

ผู้ชาย หญิงไม่เกี่ยง ถ้าไม่กลัวผู้ชายที่จะใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวเดินเข้าห้องน้ำไปตอนอาบน้ำ หรือผู้ชายที่เปลือยท่อนบนเป็นบางเวลาเพราะอากาศร้อน..
ไม่ได้โรคจิตนะ......เค้าแค่ชิน...orz

ข้อสรุป
บ้านนี้ใช้ภาษาหลักคือ อังกฤษ และ พูดภาษาไทยไม่ได้
อาหารเช้าจะมีแค่ขนมปังปิ้ง อยากได้อย่างอื่นควรหาเอง
- จะไปไหนมาไหนควรบอกก่อน และกรุณากลับให้ตรงเวลาที่บอกด้วย
- อย่าลืมเล่นกับเอลลี่ทุกวัน
- ต้องช่วยกันดูแลทำความสะอาดห้องล่ะ
- อยากรู้อะไรก็ถามมาตรงๆ จะตอบตรงๆเช่นกัน ถ้าตอบไม่ได้ก็จะบอกไม่ได้เอง
- อย่างที่กล่าวไปข้างต้นด้วย

====================================================

ตื่นเต้น orz...
จริงๆนะครับ ความรู้สึกของผมน่ะตื่นเต้นจริงๆ จะได้เล่นกันคนหลายคนด้วย /ว้าววว
ยังไงก็ขอฝากทั้งตัวเองและลูกๆเลยนะคร๊าบ~~~


ปล. เพราะว่าลืมพาสเก่าของบลอคเอิร์นน่ะครับ เลยต้องเอาบลอคนี้มาใช้ Earnest  <ลิงค์บลอคเก่านะครับ


เอิร์น.. นาย.. ซึนชะมัดเลย.......... /หยิกแก้มมมมม
เป็นครอบครัวที่น่ารักมากกกกกก ,,-_-,,
อ่านไปยิ้มตามไปเลยจ้ะ ฮี่ (รู้สึกเอิร์นน่ารักกว่าที่คิดอ้ะ 55555555)

/อุ้มเอลลี่ แอโรว์กลับบ้าน *โดนตบติดข้างฝา*
#2By Amina Eirwen on 2011-03-01 14:53

ความคิดเห็นส่วนตัวนะคะ...
พี่น้องสามคนเหมือนโฮสต์ที่คุเคยไปแลกเปลี่ยนเด๊ะๆเลยค่ะ!!
(ส่วนวีรกรรมที่ไปทำกับพี่ชายคนโตก็...."OTL)

น้องเอลลี่น่ารักมากค่ะ แอร์โรวก็ดูนิสัยดี ส่วนเอิร์นนี่แอบซึนสินะ ฮะๆ
"ผู้ชาย หญิงไม่เกี่ยง ถ้าไม่กลัวผู้ชายที่จะใส่ผ้าขนหนูผืนเดียวเดินเข้าห้องน้ำไปตอนอาบน้ำ หรือผู้ชายที่เปลือยท่อนบนเป็นบางเวลาเพราะอากาศร้อน.."<<<<ลูกคุหมดสิทธิ์เลย

อา เรียกว่าคุก็ได้นะคะ ผปค.มะลิค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ
#1By ~Kurara~ on 2011-03-01 13:17

044. [VD] 001: New Home – Old Town 2011.03.05


เอนทรี่นี้เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็ก Venles District
http://moscownight.exteen.com/images/theme/Z_banner%2002.jpg
 
หมายเหตุ : เนื้อหาในเอนทรี่นี้มีความรุนแรงและไม่เหมาะกับผู้มีอายุต่ำกว่า18ปี






   สายฝนที่ตกพรำยังคงตกอยู่ และไม่มีวี่แววว่าจะหยุด....และคงไม่มีวันหยุดเมื่ออยู่ในสถานที่แห่งนี้

   แต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาให้กับรถส่งของคันใหญ่ที่แล่นเข้ามาในเขตเก่าของเว็นเลสนี้เลยแม้แต่น้อย เพราะมันยังสามารถแล่นไปตามพื้นดินที่อ่อนนุ่มซึ่งเต็มไปด้วยแอ่งโคลนได้อย่างรวดเร็ว แม้ตอนแรกจะมีปัญหาเรื่องเสียงที่ดังกระหึ่มของรถคันยักษ์ แต่เพราะสายฝนที่สาดเทลงมาตลอดนั้นช่วยกลบเสียงเครื่องยนต์ไปได้ส่วนหนึ่งจึงไม่ได้รบกวนใครเท่าไหร่นัก

   “ที่นี่สินะเว็นเลส ดิสทริค..” เสียงที่มาก่อนตัว พร้อมร่มสีแดงสดที่กางออก และร่างโปร่งในชุดดำก็ก้าวเท้าลงมาจากประตูข้างคนขับ “บ้านใหม่ น่าอยู่จังเลยเนอะ” เขาหันไปคุยกับอากาศข้างกาย แล้วพูดต่อไป “คิดเหมือนกันเลย แต่ต้องตกแต่งอีกเยอะ ....พูดแบบนั้นฉันไม่ชอบนะ สีนั้นฉันไม่เอา ต้องแดงสิ...........”

   อาเซอร์บัส ลาเมียร์.. ชายหนุ่มเชื้อสายละติน เจ้าของเรือนผมหยักศกสีน้ำตาลดำ และนัยน์ตาสีเข้มพูดจาโต้ตอบกับสิ่งที่ไม่มีตัวตน ร่มสีแดงคันงามนั้นยังคงถูกถือค้างเอาไว้ ในขณะที่คนขับรถได้ดับเครื่องและเดินไปเปิดประตูด้านหลังของตู้เก็บของที่ติดอยู่กับตัวรถ

   ภาพของชายหนุ่มวัยยี่สิบตินต้นที่นั่งอยู่บนพื้นโดนมีเด็กผู้หญิงผิวขาวร่างกายเปลือยเปล่านอนนิ่งอยู่ข้างตัว เรือนผมสีอำพันของเด็กน้อยวัยไม่น่าจะเกินเจ็ดปียาวสยายและยุ่งเหยิง บนตัวเธอเต็มไปด้วยคราบสีขาวที่เปราะเปื้อนไปทั่วร่างกาย โดยเฉพาะทางช่องแคบระหว่างขาที่ปะปนมาด้วยของเหลวสีเข้มที่เรียกกันว่าโลหิต.. มันไหลเยิ้มออกมาจากตัวของเธอ และเริ่มจะแห้งกรัง..

   คนขับรถได้ไล่มองร่างกายเล็กๆที่มีรอยแดงไปทั่วร่าง ทั้งจากการขบกัด และเม้มประทับรอยแสดงความเป็นเจ้าของไว้บนร่างสีขาวนั้น ราวกับจะแสดงให้ทุกคนได้รู้ว่าเด็กคนนี้เป็นของเขาเพียงผู้เดียว.. เป็นของชายที่รูดซิปกางเกงยีนส์ และขยับมันให้เข้าที่เข้าทาง

   “ถึงที่แล้วเหรอเจอร์ซี่..” เขาถาม ทั้งที่รู้อยู่เต็มอก.. แย้มรอยยิ้มสดใสราวกับแสงแดดยาวเช้าขณะเอื้อมมือคว้าหมวกแก๊ปขึ้นสวมก่อนจะพาร่างกายที่เปลือยท่อนบนนั้นลงเหยียบพื้นหน้าอาคารเก่า “ว้าว~ บ้านใหม่ ถึงจะโทรมไปบ้าง แต่ก็ดูดีกว่าที่คิดแฮะ”

   เจอร์ซี่ หรือในชื่อเต็มคือ เจอร์ซี ดีมิทรี ไม่ได้ตอบคำถามนั้น หากแต่สายตาเขากลับมองรอยแดงที่ใหญ่กว่าที่อื่นบนลำคอของเด็กหญิงที่ไร้ดวงตา.. รอยบีบที่เด่นชัดแสดงให้เห็นว่าขณะที่ อิ๊กนิส ลาเมียร์ ได้มีเพศสัมพันธ์เธอนั้น เขาไม่ได้เพียงแค่กดเธอเอาไว้ แล้วบังคับขืนใจเธอดั่งเช่นคนปกติ หากแต่เขาได้บีบคอเธอจนแน่น และไม่เพียงแค่พรากพรหมจรรย์ไปจากเธอ... เขาได้แสดงให้เธอเห็นถึงความน่ากลัวที่สุดในชีวิตก่อนจะปล่อยให้เธอได้หลับไหลไปตลอดกาล...

   “ทำไมวันนี้ถึงเป็นเด็ก” เจอร์ซีจุดบุหรี่ พ่นควันสีขาวท่ามกลางความมืด “เห็นปกติแล้วชอบมีอะไรกับสัตว์”

   “เพราะหมากับแมวมันจับตัวยาก ในที่มืดๆแคบๆแบบนั้นจะให้ฉันไปฟัดกับสัต์พวกนั้นก็ใช่ทีนะเจอร์ซี่” นิ้วเรียวของชายหนุ่มที่อ่อนวัยกว่าดึงเอาสิ่งเสพติดออกจากปากของคนตรงหน้า แล้วคาบันไว้ในปากแทนที่ ยิ้มร่าเริงให้คนที่มองตนด้วยความไม่สบอารมณ์นัก เขาหัวเราะ..

   “ฉันบอบบางจะตาย”

   “ไอ้ตอแหล”

   อิ๊กนิสสบตาอีกฝ่าย เขายังคงยิ้ม “โหดร้ายนะ ว่ากันแบบนั้น...”

   “ฉันแค่พูดตามความจริง แล้วแกคงไม่คิดจะทิ้งศพของไอ้เด็กนี่ไว้ในรถฉันหรอกใช่ไหม” เขาปรายตามองชายหนุ่มที่ร่างกายเปียกปอนไปด้วยสายฝน

   หยดน้ำที่ไหลไปตามร่างกายซึ่งแน่นไปด้วยกล้ามเนื้อสีแทนตามภาษาผู้ชายนักกีฬานั้นแลดูเย้ายวน เรือนผมสีน้ำตาลทองที่ถูกปล่อยให้ยาวสยายเปียกลู่ไปกับแผ่นหลังของเปลวไฟมีชีวิตตรงหน้า หากแต่ในตอนนี้ดวงตาสีเดียวกันกับเรือนผมนั้นเลิกให้ความสนใจกับคู่สนทนาไปเรียบร้อยแล้ว เขาหันไปหาญาติผู้พี่ที่ยังคุยอยู่กับอากาศ

   “ไม่เข้าไปในบ้านก่อนเหรอแอชเชส” เขาเอียงคอ มองคนที่หันกลับมามองตัวเองด้วยนัยน์ตาสีดำขลับ

   “ฉันคุยกับพวกเขาเผลิญไปหน่อยน่ะ” อาเซอร์บัสตอบคำถามของญาติผู้น้องที่ชาชินแล้วกับการที่ญาติของตนชอบโต้ตอบกับสิ่งมีชีวิตในจินตนาการที่คิดขึ้นมาเอง เพราะมันเป็นแบบนั้นมาตั้งแต่เด็ก และเขาก็เห็นจนมันกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาไปเสียแล้ว

   อิ๊กนิสยักไหล่ เขาล้วงเอากุญแจบ้านใหม่ออกจากกระเป๋ากางเกง แล้วไขเปิดประตูบ้าน ดวงตากวาดมองไปรอบห้องด้วยความสนใจ เขาลองเปิดปิดไฟดูก็ว่ามันยังใช้ได้ดี

   “สภาพดี สมแล้วที่ให้นายมาช่วยดูสถานที่ให้ก่อน” อิ๊กนิสตบบ่าเจอร์ซี “ทำได้ถูกใจมากเลยไอ้เกลอ”

   เจอร์ซีทำแค่เค้นเสียงหัวเราะ “ของใช้อื่นๆฉันยกมาให้แล้วนะ แล้วก็ทำความสะอาดไปเยอะแล้ว ส่วนพวกสินค้าส่วนหนึ่งก็อยู่ที่ชั้นใต้ดิน...”

   “ไม่มีใต้ดินไม่ใช่เหรอ” อาเซอร์บัสขัด เขาแขวนร่มไว้ข้างประตู

   เจอร์ซียักไหล่ “คิดว่าเจ้าของเก่าน่าจะขุดเอาไว้ ก็ตกแต่งใหม่ไปแล้ว ของอื่นๆก็อยู่ในนั้น คิดว่าเก็บเสียงด้วย”

   “ว้าว...” ชายหนุ่มละตินอเมริกายิ้มหวาน “งั้นตอนนี้ก็มีแค่ของๆฉันเท่านั้นสินะที่อยู่ในรถน่ะ”

   อาเซอร์บัสอุ้มขวดโหลที่เต็มไปด้วยลูกแก้วหลากสีเข้ามาอย่างทุลักทุเล มันเป็นขวดตั้งพื้นทรงสูงที่ยาวเลยเค้าเตอร์ร้านขึ้นมาเล็กน้อย หากแต่ลูกแก้วกลับยังใส่ไปได้เพียงแค่สามในห้าเท่านั้น... แต่นั้นก็นับว่ามากอยู่เหมือนกัน

   “ระวังๆ เดี๋ยวก็หล่นหรอก” อิ๊กนิสบ่นอุบอิบ ในมือของเขาเองก็ประคองกล่องกระดาษที่บรรจุขวดมากมาย ซึ่งเต็มไปด้วยลูกตาหลากสีที่ตนดองไว้ดูเล่น เขารีบวางมันลงบนเค้าเตอร์ แล้วไปช่วยอาเซอร์บัสยกมันเข้าไปวางด้านใน “นี่มันของสะสมของฉันนะแอชเชส ถ้าตกขึ้นมาตามเก็บกันตายแน่”

   “เออ..” ญาติผู้พี่กรอกตารับ ก่อนหันไปคุยกับความว่างเปล่า บนเรื่องของน้องชายและโต้ตอบอยู่เพียงลำพัง....

   อีกด้านนั้น.. อิ๊กนิสได้วิ่งออกไปช่วยเจอร์ซีขนกรงที่เต็มไปด้วยเด็กมากมาก ทั้งชายหญิง อายุไม่เกินสิบสามปี ลำเลียงไปไว้ในห้องใต้ดิน แม้กระทั่งหมาแมวที่ถูกโปะยาสลบก็ยังคงมีนอนหมอบอยู่ในกรงของมันเอง

   เขามองบรรดาเด็กๆที่ถูกมัดมือปิดปากที่นั่งตัวสั่นอยู่ในกรง แล้วหัวเราะเบาๆ

   “เอ้าๆ อย่าร้องสิเด็กดี พี่ชายไม่ทำอะไรหรอกนะ...” อิ๊กนิสย่อตัวลง เอ่อยปลอบเด็กในกรงที่เห็นการกระทำของเขาทุกอย่างมาโดนตลอด “พี่ไม่ทำอะไรหรอก.... ตอนนี้น่ะ”

   น้ำเสียงที่อ่อนโยนนั่นทำให้เจอร์ซีและอาเซอร์บัสมองหน้ากัน แต่ไม่ได้พูดอะไร.. แต่มันก็ใช่ หากว่าอิ๊กนิสไม่ได้อยู่ในโหมดนั้นเค้าจะเป็นคนที่ร่าเริงและน่าคบหามาก หากว่าไม่ได้โกรธ เครียด หรือมีความอยาก..ความต้องการที่จะระบายออกมา เขาจะเป็นคนใจเย็นที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีมากจนเกินไปคนหนึ่งเลยทีเดียว..

   แต่ทุกอย่างผู้ชายคนนี้จะระบายในการมีเพศสัมพันธ์ที่ป่าเถื่อนรุนแรง และบ่อยครั้งที่เหยื่อของเขาจะตาย...หากไม่ในวันนั้น ก็อาจเป็นวันต่อๆไป..





   “ขนหมดแล้วล่ะ” เจอร์ซีปัดมือ พวกเขาสามคนช่วยกันขนของทั้งหมดออกจากรถ กว่าจะเสร็จก้ปาไปเกือบชั่วโมง เขานวดไหล่ตัวเอง “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

   “อยู่นอนที่นี่ก็ได้นี่” อาเซอร์บัสเอ่ยชวน หากแต่คำตอบกลับเป็นเพียงการส่ายหน้า

   “ห้องนอนของพวกนายมีแค่เตียงเดี่ยวสำหรับนอนคนเดียว ฉันไม่ยอมนอนพื้นแน่” เขาว่า “อีกอย่าง.. ขอกลับไปนอนกอดสาวสวยๆที่บ้านยังดีซะกว่าเลย ขอตัวล่ะ”

   อิ๊กนิสโบกมือลารถที่แล่นหายไปแล้วหันมากอดคออาเซอรบัส “ญาติที่รักจ๊า..”

   “หืม..”

   “ตามที่ตกลงกันไว้นะ..” เสียงทุ้มนั้นเปลี่ยนมาอ่อนนุ่มและอ้อนออด เขาค่อยๆไล่มือไปตามใบหน้าอีกฝ่ายขณะปล่อยตัวคนตรงหน้าช้าๆ

   และได้ยินแค่นั้นคนเป็นพี่ก็กรอกตาทันที ด้วยรู้ว่าข้อตกลงในยามราตรีนี้คืออะไร...


  ชายหนุ่มขยิบตาให้คนที่แก่กว่าสองปี “ตอนกลางคืนห้องนอนเป็นของฉัน”


  “แต่ถ้าง่วง..” ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน





   “..โซฟาน่ะ ซุกหัวแล้วนอนไปซะ”





********************************


แต่งตอนเปิดจบแล้ว..ว้าว...

ไม่รู้ว่าจะออกมาดีมากไหม แต่ก็ฝากตัวด้วยนะคร๊าบ!

ปล. เรื่องธีมเดี๋ยวไว้ผมจะไปแก้วันหลั เพราะงั้นถ้าจะหาลิงค์คงต้องคลุมดำเอาแล้วล่ะ orz… ขอโทษนะครับ



ไม่นะ อย่าทำน้องหมาน้องแมวน้าาาาาาาาาาาา โฮร้วววววววววววว /พาหมาแมวในเมืองหลบหนีไป
#9 By KUN on 2011-03-24 23:32
เอร๊ยย โม่ววววววววว ชอบตอนนี้อ่ะ ในบรรดางานทั้งหมดที่พี่อ่านของโม่วนะ พี่ชอบตอนนี้ที่สุดเลยล่ะ!
มันลงตัว ในหลายๆอย่าง เห็นเป็นภาพอนิเมดาร์กๆเลยล่ะ รู้สึกถึงความตั้งใจด้วย อื้มม
อ่านลื่น ไม่มีสะดุด

ชอบเหมือนคนอื่นๆแฮะ ตอนทิ้งท้ายนี่มีฮา 5555+
แล้วก็คาแรคเตอร์อ่ะ พอมาอยู่รวมกันแบบนี้แล้วดูขำ มันมีอารมณ์เสียดสี กัดกันไปมาอยู่

ชอบบรรยากาศเรื่องแบบนี้แฮะ มันดูดาร์ก แต่แอบมีบรรยากาศดี๊ด๊า อาจเพราะคาแรคเตอร์ด้วยมั้ง ถ้านึกถึงมันคงอารมณ์...เพลงในสวนสนุกที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาในสวนสนุกร้างอ่ะ หลอนนนดี cry cry cry cry cry cry
#8 By insanity-san on 2011-03-19 13:12
แรงมากกกกก  

ชายหนุ่มขยิบตาให้คนที่แก่กว่าสองปี “ตอนกลางคืนห้องนอนเป็นของฉัน”
“แต่ถ้าง่วง..” ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน
“..โซฟาน่ะ ซุกหัวแล้วนอนไปซะ”

รักพี่มากเลยนะนั้นsad smile
อ่านแบบเห็นภาพหมดเลยครับ
รู้สึกเข้าถึงความจิตนะ
#7 By Mocker [by beriuos] on 2011-03-16 13:59
....แหม กินเด็กนะเธอ - -,,
*จับมืออิ๊กนิส* เป็นเพื่อนกันนะ - -,,

สนุกดีล่ะสนุกดี ชอบจังนะ - -,,
เก็บเด็ก ๆ ไว้ที่ห้องใต้ดินเต็มเลย ขี้โกงนี่นา~ //ทุบ ๆ

จะรออ่านต่อน้า
#6 By W on 2011-03-16 06:33
เปิดตัวแร๊งมากค่ะเฮียขา ,,= =,,

-/เข้ามาอึ้งกับความชอบนั่น...
แต่งดีเหมือนเดิมครับเฮีย/กอด
#4 By I'm ProtozoA on 2011-03-06 18:53
...ฆ่าข่มขืนสินะ อิ๊กนิส เปิดตัวแรว๊งส์ เมืองนี้นี่เป็นแหล่งรวมสารพัดคนชั่วจริง ๆ 555+
อืม...ตอนนี้เน้นเรื่องนิสัยแปลก ๆ ของทั้งคู่ดี มันแบบ...แปลกแบบ...อืม...นะ สองคนนี้นี่ เหมือนรวมความโรคจิตหลายชนิดไว้ในตัวเอง หลายชนิดจริง ๆ นะเออ VD อันตรายขึ้นอีกแล้วสิเนี่ย

จะวอบแวบมาอ่านเรื่อย ๆ นะจ๊ะ XD
#3 By Blackie on 2011-03-06 17:00
ชายหนุ่มขยิบตาให้คนที่แก่กว่าสองปี “ตอนกลางคืนห้องนอนเป็นของฉัน”





“แต่ถ้าง่วง..” ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดังชัดเจน











“..โซฟาน่ะ ซุกหัวแล้วนอนไปซะ”

55555555Hot!
ขี้เกียจล็อกอินอ่ะพี่โม่ว/โดนต่อย


กรี๊ชกร๊าชชชชช

ชวอบบบ

เเฮร่ก(?)
#1 By มุกเอง (125.24.34.105) on 2011-03-05 01:32

043. [ยมโลก] เพื่อนใหม่....? 2011.04.09

[ยมโลก] เพื่อนใหม่....?

posted on 09 Apr 2011 22:09 by darkodin in FictionYL
 
โรเพลย์ by โมวิวิน(นารา) และ เคส(วิกฤต)
 
ไม่มีการปรับปรุงและแก้ไขใดๆทั้งสิ้น
 
------------------------------------------------------------------------------------------
 
 
 
 [..ยมทูตท่านใดทำสามง่ามตกไว้ในกระทะทองแดงกรุณามารับคืนที่ประชาสัมพันธ์..]

  เสียงที่กรอกผ่านอินเตอร์โฟนดังกระจายไปตามลำโพง เขาพูดทวนอีกครั้งก่อนจะกดปิดเครื่องสื่อสาร ชายหนุ่มร่างสูงวัยยี่สิบกว่าๆบิดขี้เกียจขณะกวาดตามองเหล่าวิญญาณที่ก้าวผ่านไปมาด้วยความเบื่อหน่าย.. อยากจะโดดไปเดินเล่นตามปกติก็ไปไม่ได้เพราะติดว่ายังไม่ถึงกะของคนอื่นที่ต้องมาผลัดเวร
   "เบื่อจังนะ..." และตบท้ายด้วยการบิดขี้เกียจก่อนเอนหลังพิงพนัก..

เสียงหัวเราะเบาๆดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏกายของชายหนุ่มร่างสันทัด
"ดูท่าทางที่ประชาสัมพันธ์จะว่างจังนะครับ..." เสียงนุ่มๆเอ่ยหยอกเย้าราวกับกับเพื่อนสนิททั้งที่นี่เป็นเพียงการพบหน้ากันครั้งแรก
ดวงตาสีดำสนิทพราวระยับจับจ้องไปที่อีกฝ่ายอย่างสนใจ ดูไปไม่ต่างจากเด็กน้อยได้พบพานของเล่นชิ้นใหม่

"ถึงไม่ว่างก็ทำให้ว่างได้แหละนา...." นาราขยับผ้าโพกศีรษะให้เข้าที่เข้าทาง ก่อนจะมองคนรงหน้าให้เต็มตาแล้วยิ้มหวานให้ "แล้วนี่คุณใช่ยมทูตที่ลืมสามง่ามไว้ในกระทะของแดงรึเปล่าครับ...คุณ?" เขาคว้าปากกาโครงกระดูกขึ้นมาพร้อมสมุดขึ้นมาเพื่อให้อีกฝ่ายเซ็นชื่อรับของ

"วิกฤตครับ...แต่นั่นน่ะ คงไม่ใช่สามง่ามของผมหรอก"ชายหนุ่มหัวเราะขบขันเมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของอีกฝ่าย พลางแอบต่อในใจ
'อันที่จริงแล้ว สามง่ามที่ใช้อยู่ตอนนี้ก็ไม่ใช่ของผมเหมือนกัน'
วิญญาณบาปสวมรอยกลายเป็นยมทูตนี่ท่าทางจะไม่ใช่เรื่องที่แค่พูดว่า 'ว้าว งั้นเหรอ' แล้วจบเรื่องไป แถมเขาก็ยังไม่อยากกลับไปแช่น้ำกระทะทองแดงต่ออีกสามสี่ร้อยปี เขาจึงทำเพียงขยับรอยยิ้มสดใสตอบกลับ
"แต่ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้รักนะครับ คุณ...?"

 "ฉันชื่อนารา ส่วนมากก็ทำงานอยู่ที่นี่ แต่ปกติจะร่อนไปทั่วล่ะนะ" เขาจ้องลึกเข้าไปในตาอีกฝ่ายราวกับจะสามารถที่จะล้วงเอาความจริงออกมาได้ แต่ซักพักก็เบนสายตาจากไป เก็บสมุดกับปากาเข้าที่ แล้วนั่งเท้าคางมอง
"ว่าแต่ว่างใช่ไหม ตอนนี้ฉันเหงามาก..." ชายหนุ่มเว้นช่วง "มานั่งเป็นเพื่อนหน่อยสิวิกฤต.." พลางตบไปที่เก้าอี้ข้างกาย

"อันที่จริงน่ะไม่...แต่ก็หาเหตุผลให้ว่างได้แล้วล่ะครับ" ร่างสันทัดขยับกายทรุดนั่งลงบนเก้าอี้ตามคำเชื้อเชิญอย่างว่าง่าย
"ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณนารา"แม้จะรู้สึกได้ถึงความเคลือบแคลงจางๆจากอีกฝ่าย หากรอยยิ้มสดใสจอมปลอมอย่างเคยถูกปาดวาดขึ้นบนใบหน้าอีกครั้งโดยไร้ซึ่งพิรุจใดๆ

นาราเพียงแค่เหลือบตามองแล้วเลิกให้ความสนใจ เขาหมุนเก้าอี้ นั่งหันหน้าเข้าหาอีกฝ่ายแล้วหยิบสมุดเล่มหนามาเปิดไปเรื่อยๆราวกับกำลังทำงาน "แล้วนี่ไม่ทราบว่าอยู่ขุมไหนละถึงมาเดินเตร็ดเตร่ได้ถึงนี่ หรือว่าเป็นยมทูต" เขายิ้มหวานให้อีกฝ่ายด้วยรอยยิ้มกรุ่มกริ่มอันเป็นเองลักษณ์ประจำตัว มือก็เปิดพลิกหน้ากระดาษไปเรื่อยๆราวกับกำลังหาบางสิ่งบางอย่างี่ตัเองต้องการ..

"อา...ว่ากันจริงๆแล้วก็คงจะ...เป็นยมทูตล่ะมั้งครับ"คำตอบทิ้งช่วงห่างกันเล็กน้อยคล้ายว่าคนตอบเองก็ไม่ใครจะมั่นใจเท่าไหร่นัก

"เหรอ.. เป็นยมทูตสินะ แล้วทำงานเป็นยังไงบ้างล่ะ สนุกไหม" ครั้งนี้เขากรีดสมุดเล่มหนาไปหน้าหลังๆก่อนจะค่อยๆพลิกอีกครั้ง นัยน์ตาสีดำมองคนตรงหน้าเพียงชั่วครู่แล้วก้มลงมองสมุดในมือใหม่ "ปกติแล้วไม่ค่อยมีใครมานั่งคุยแบบนี้เท่าไหร่ ถ้าฉันไม่ไปชวนนะเนี่ย...ดีจังเลยนะ"

"ก็ไม่เลวนักหรอกครับ"วิกฤตไหวไหล่เบาๆ "ไม่สิ...ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้วล่ะก็ดีกว่าเยอะเลย...." สุ้มเสียงในประโยคถัดมาแผ่วลงราวกับเจ้าตัวไม่อยากจะนึกถึงมันเท่าไหร่นัก
"ว่าแต่ กำลังอ่านอะไรอยู่เหรอครับ?"ประโยคคำถามชักนำให้เนื้อหาในการสนทนาเลี่ยงห่างจะเรื่องของตน เพื่อปกปิดความลับที่ไม่อยากให้ใครรู้

นารายังไม่ตอบคำถามนั้น ซ้ำยังกลับพลิกสมุดไปเรื่อยๆจนจมเล่ม แล้วยิ้มให้ด้วยรอยยิ้มและแววตาที่บัดนี้ดูอ่านไม่ออกเอาซะเลย "จะว่าไป... วิกฤต รู้รึเปล่าว่าประชาสัมพันธ์นอกจากจะคอยประกาศโน่นนี่แล้วยังมีหน้าที่อะไรอื่นอีกรึเปล่า" เขานั่งประสานมือไว้ที่ตักด้วยท่าทีสบายๆ บัดเบี่ยงประเด็นออกจากหนังสือขนาดยักษ์ที่หนาจนน่ากลัวแล้วคุยกับอีกฝ่ายราวกับไม่ได้ยินคำถามเมื่อครู่

เรียวปากได้รูปขยับยิ้ม ยามเมื่อบทสนทนาถูกชักนำให้ออกห่างจากหนังสือเล่มนั้นอย่างปุบปับ บ่งบอกเป็นนัยยะว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการให้พูดถีง
"ไม่ทราบครับ..."ใช่ว่าไม่สังเกตถึงแววตาแปลกประหลาดน่าคับข้องใจ หากตามประสาคนที่ชอบความท้าทาย...เขาก็ไม่คิดปฏิเสธที่จะลองไหลไปตามกระเเสของอีกฝ่าย เพื่อจะได้ชมดูเรื่องน่าสนุกที่กำลังจะเริ่มขึ้น "...แล้วอีกหน้าที่ที่ว่านั่น...มันคืออะไรกันล่ะครับ?"

"ก็ต้องคอยเอาใจใส่และสอดส่องดูแลคนอื่นๆที่เดินเข้าๆออกๆ"นารานิ่งไปซักพัก มองท่าทีของอีกฝ่ายที่ดูไม่ค่อยทุกร้อนเท่าไหร่ "น่าแปลกจังที่ฉันรู้สึกว่าไม่เคยค่อยเห้นนายเท่าไหร่นะ" และยิ้มตอบไป

รอยยิ้มสดใสบนใบหน้าชะงักไปเสี้ยววินาทีก่อนที่จะถูกปั้นเต่งขึ้นใหม่ "น่าแปลกจริงๆด้วยนะครับ" ชายหนุ่มพยักเออออไหลตามน้ำไปโดยไม่ยอมเผยพิรุจ
หากว่าไร้ซึ่งหลักฐานใดมายืนยัน และเพียงเขายืนกรานไม่รู้เรื่อง...อีกฝ่ายจะทำอย่างไรต่อไป... เพียงแค่คิด...ก็เป็นเรื่องน่าสนุกแล้ว...

"นั่นสินะ.. บางทีฉันอาจจะไม่สังเกตุนายก็ได้" แต่นาราก็ยังสงบ เขาที่เมื่อก่อนตอนยังมีชีวิตก็เคยชินกับเรื่องที่กดดันและต้องใช้สมาธิพอตัว เขามีสมาธิกว่าปกติจนเหมือนเป็นคนละคน เพียงงแค่รอยยิ้มที่กรุ่มกริ่มกับแววตาที่แลดูขี้เล่นนั้นจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงก็ตาม "อ่อใช่.. จะว่าไปนายก็อยากรู้นี่นาว่าไอ้หนังสือเล่มนั้นมันคืออะไร... ใช่ไหม?" แล้วเขาก็เบนบทสนทนากลับไปสู่เรื่องที่อีกฝ่ายอยากจะรู้

บทสนทนาถูกเปลี่ยนไปอีกแล้ว...แต่วิกฤตก็ยังคงทำเพียงเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย "จะบอก...อย่างนั้นหรือครับ?" แววตาสีดำสนิทพราวขึ้น ปิดซ่อนความอยากรู้อยากเห็นไว้แทบไม่มิด

ชายหนุ่มผู้มีอดีตเป็นถึงเชื้อสายของเจ้าแห่งล้านนาไหวไหล่น้อยๆแทนคำตอบเพราะมันไม่ใช่เรื่องสำหลักสำคัญอะไร "ก็แค่ก๊อปปี้น่ะ.." เขาเว้นช่วง มองใบหน้าของคนอยากรู้อยากเห็นจนแลดูตลกขบขัน "เป็น..ที่รวมประวัติยมบาลและยมทูตในนรก" เขาเอื้อมมือคว้าแก้วน้ำขึ้นจิบ "แปลกดีนะ ที่คัดลอกของหนังสือที่อัพเดทตลอด มันกลับไม่มีชื่อหรอหน้าตาขอนายเลย...วิกฤต" และยิ้มบางออกมาเพียงเท่านั้น...

ใบหน้าคมคายปรากฏเป็นสีหน้าประหลาดใจอย่างที่ใครก็ดูไม่ออกว่าถูกปั้นแต่งขึ้น "ว้าว...." น้ำเสียงพิศวงปนตื่นเต้นนั้นเองก็เช่นกัน
"ทำไมถึงไม่มีอยู่เลยกันนะ....."เขาเอนหลังลงกับพนักพิงในท่วงท่าสบายๆราวกับไร้ซึ่งความกดดันใดๆ ทั้งที่ความลับที่เพียรปกปิดเริ่มถูกเผยขึ้นทีละน้อย
มือเรียวยกขึ้นประสานอยู่เบื้องหน้าตน ประหนึ่งกำลังชมดูเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวข้องกับตนเลยเพียงสักนิด "ช่าง.....น่าแปลกใจจริงๆ"

"นั่นสินะ แปลกดีจัง.." คนฟังเองก็ดูไม่ได้ทุกข์ร้อนใดๆเช่นกัน กลับกัน เขาเอื้อมตัวเก็บสมุดเล่มนั้นเข้าที่แล้วเปลี่ยนเรื่องคุยไปเรื่อยๆจนจับจุดแทบไม่ได้ว่าต้องการจะสื่ออะไร เหมือนกำลังเล่นเกมกันสองคน.. เหมือนมันเป็นเกมที่ต่างฝ่ายต่างพยายามจะกระเทาะเอาความลับของฝั่งตรงข้ามทีละนิด ถ้าแพ้..ข้อมูลทั้งหมดก็หาย ถ้าชนะ..บางทีอาจจะได้รู้เรื่องมากมาย แต่ในตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำและต้องการคือความสนุก ในกระแสอากาศอันตรึ่งเครียดนี้พวกเขาต่างปล่อยตัวตามสบาย...ซึ่งมันก็แค่ภาบนอก..
"ในนรกเราเอง ก็มีเรื่องแปลกๆเยอะเหมือนกันนะว่าไหม.."

แว่วเสียงหัวเราะแผ่วเบาในลำคออย่างถูกใจจากคนถูกถาม "จริงอย่างที่คุณว่า..."
เกมนี้เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น...ใครจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้...เรื่องนั้น......ย่อมยังอีกยาวไกล...
"ยมโลกแห่งนี้น่ะ...."แต่อย่างไรเสีย...หากจะบังคับยัดเยียดความปราชัยให้เขาคนนี้...
".....เต็มไปด้วยเรื่องแปลกๆทั้งนั้น..."
...ก็คงไม่ง่ายดายถึงปานนั้น...

นารายิ้มหวานจนตาหยี.. ไม่ได้พบกับคนแบบนี้มานาน สนุกดีจริงๆ เกมเหล่านี้ แต่ก่อนเมื่อยังเยาว์วัยนั้นเขาหาถนัดไม่ แต่พอเริ่มโตขึ้นเขาก็เริ่มชินชา และเมื่อกาลเวลเรื่องเครื่อนฝ่านจนโตใหญ่ มันก็กลายเป็นแค่เกม..เพียงแค่เกมๆเดียว..
"แล้วนายที่ท่องไปทั่วนรกละได้พบเจอกับอะไรบ้าง" เขาถาม "เจอ... เรื่องแปลกๆบ้างรึเปล่าละ"

"เรื่องแปลกๆงั้นเหรอครับ"ชายหนุ่มทวนคำ ก่อนจะด้วยหัวเราะสุ้มเสียงแผ่วเบา "ถามว่าอะไรไม่แปลกบ้างก็คงจะตอบได้ง่ายกว่า...."ว่าพลางขยับรอยยิ้มกว้างขึ้น
"แถมยังมี...คนที่น่าสนใจเต็มไปหมด..."อย่างน้อยก็ที่ตรงนี้....เบื้องหน้าของเขา......
คนที่น่าสนุกน่าสนใจ...ของเล่นชิ้นใหม่ที่ยังไม่ถึงเวลาที่จะเบื่อหน่าย...
"ไม่คิดอย่างนั้นเหรอครับ?"

"นั่นสินะ.." นาราพยักหน้า "น่าสนใจไปหมดเลยนะไม่ว่าจะอะไร หรือจะเป็นใครก็ตาม.."
....ไม่ยอมให้เป็นอย่างที่หวังง่ายๆหรอกนะ... รู้ดีว่าอีกฝ่ายตามเกมของเขทัน พอคิดแบบนั้นแล้วก็รู้สึกสนุกขึ้นมาจนได้ ดวงตาสีดำวาวจับจ้องโครงหน้าได้รูปของตนตรงหน้าแล้วก็หัเราะคิก...แต่ไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นหรอกนะ..
“แล้วคนน่าสนใจที่ว่า มันมีใครบ้างละ..”

รอยยิ้มยังคงไม่จางลงจากใบหน้าขณะสบสายตาคู่สนทนา "...นั่นน่ะ" วิกฤตหรี่ตาลงเล็กน้อย
"...เป็นความลับครับ"เขาตบท้ายคำพูดยั่วเย้าด้วยเสียงหัวเราะแผ่วเบา ปลายนิ้วเรียวปัดป่ายเรือนผมสีควันที่ปรกหน้าตนขึ้นเกี่ยวคล้องหลังใบหู กริยาท่าทางล้วนไหลลื่นไม่ติดขัด
ไม่มีท่าทีของคนที่กำลังปกปิดเรื่องราวที่ไม่อยากให้ใครรู้เอาไว้เลยสักนิด

"งั้นเหรอ เป็นความลับสินะ.." เขาเดาะลิ้น "ฉันอยากรู้จังเลย..." ขยับตัวเข้าใกล้อีกนิดหน่อยแล้วเท้าคางมองด้วยรอยยิ้มที่หากเป็นสาวๆคงใจสั่นกันเป็นทิวแถว เรือนผมสีดำยาวถูกปัดไปด้านหลัง เขาเปลี่ยนท่านั่งไขว่ห้าง "ถ้ามาลองแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน..อยากจะได้อะไร อาจจะลองแลกดูก็ได้นะ" เขาขยิบตา..

...น่าเสียดายที่วิกฤตไม่ใช่สาวน้อยแรกแย้มที่จะใจสั่นกับกริยายั่วเย้าของอีกฝ่าย "ก็ขึ้นอยู่กับว่า..." เขาทิ้งช่วงเล็กน้อยเพื่อนกระตุ้นเปลวไฟแห่งความอยากรู้ที่กำลังเริ่มลุกโชน
"ข้อมูลที่คุณมี มันน่าสนใจแค่ไหน..."
ไม่ได้ตอบรับ...หากก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ นอกจากจะไม่เป็นฝ่ายยอมเผยข้อมูลที่ตนมีอยู่ ยังบีบให้ฝ่ายตรงข้ามต้องแสดงข้อมูลก่อนอีกทางหนึ่ง

นาราไหวไหล่ เขาเอนหลังพิงพนักด้วยท่าทีสบายๆ “ข้อมูลที่ฉันมีน่ะ ราคาแพงนะ..” เขาใช้ปลายนิ้วเคาะหัวตัวเองเบาๆ “เพราะความจำฉันก็จัดอยู่ในเกณฑ์ดี จะเรียกได้ว่าเป็นคลังข้อมูลขนาดย่อยก็คงพอได้อยู่” แม้จะกลั้วหัวเราะในลำคอจนฟังดูเหมือนสิ่งที่พูดมันเป็นแค่เรื่องล้อเล่น หากแต่ในความรู้สึกส่วนลึกแล้ว อีกฝ่ายกลับรู้ได้ทันที ว่ามันอาจจะเป็นได้มากกว่านั้น..
 “กล้าจะเสี่ยงไหมละ พ่อวิญญาณหลงทาง..”

วิกฤตโบกมือสั้นๆเพียงหนึ่งครั้ง ข้างกายก็ปรากฏชุดชาร้อนกรุ่นขึ้นอย่างเป็นปริศนา ชายหนุ่มยกถ้วยกระเบื้องเคลือบขึ้นละเลียดน้ำชารสละไมราวกับกำลังครุ่นคิด...
ทั้งที่คำตอบของคำถามนั้นย่อมทราบดีอยู่ในใจมาตั้งแต่ต้น
"มนุษย์น่ะ...เป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดนะครับ..." จู่ๆเขาก็เอ่ยขึ้น "ทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องต้องห้าม......" รอยยิ้มยักยิ้มไร้พิษภัยที่เหมือนกันน้ำตาลก้อนเคลือบยาพิษถูกปาดวาดขึ้นอีกครั้ง
"แต่ก็ยัง...เลือกที่จะชิมรสชาติหอมหวานของผลไม้ต้องห้ามนั้นอยู่ดี..."
...ในที่สุด...เกมนี้ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้วจริงๆ....

ชายหนุ่มเจ้าของสายเลือดจากแดนเหนือหลุบตาลงมองสิ่งที่ตนกำลังทำอยู่ และมันทำให้คนที่อยู่ตรงข้ามกับเขาต้อขมวดคิ้วกับดอกกาสะลองมากมายที่อยู่บนใบตองบนตักของชายหนุ่ม ทั้งที่เมื่อครู่เขายังไม่เห็น กลิ่นหอมจางๆจากดอกไม้สีขาวทำให้เขารู้สึกสงบอย่างประหลาด และคนตรงหน้ากำลังจัดมันลงแก้วใบเล็กๆ
  “ถ้าอย่างนั้น.. ก็เชิญเริ่มได้เลยหนุ่มน้อย..”
 หนุ่มน้อย...ไม่ใช่คำดูถูกดูแคลน.. แต่เป็นเรื่องจริง....

สรรพนามที่ถูกเรียกขานนั้นแม้ไม่พึงใจ หากก็ไม่สามารถว่ากล้าวกระไรได้ ชายหนุ่มพริ้มเปลือกตาลง สูดกลิ่นหอมจางๆของดอกไม้จากเมืองเหนือเข้าปอด
ก่อนที่จะค่อยๆลืมตาขึ้น...อย่างเชื่องช้าจนน่าอึดอัด
"ผมคิดว่าพูดไปชัดเจนแล้วนะครับ..." รอยยิ้มที่ไม่เคยจางหายไปจากใบหน้ากว้างขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย "ทั้งหมด ขึ้นอยู่กับว่าข้อมูลของคุณจะน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน..."
ถ้วยกระเบื้องเคลือบชั้นดีถูกวางลง พร้อมกับดวงตาสำดำสนิทลึกล้ำที่สานสบกับดวงตาของอีกฝ่าย "ว่ายังไงล่ะครับ?"

นารายิ้ม เขายังไม่ยอมที่จะแลกเปลี่ยนข้อมูลง่ายๆ ไม่อยากี่จะเป้นฝ่ายหลงกลก่อน “แต่ฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่านายต้องการอะไร” เขาไม่ได้เบนสายตาหนีจากดวงตาที่แลดูเหมือนคาดคั้นเขาเลย “หากสิ่งที่ฉันพูดออกไปไม่ใช่สิ่งที่นายต้องการ นายก็จะถาม และเบี่ยงประเด็น..ต่อไป..ต่อไป.. เรื่องแบบนั้นฉันต้องระวังให้ดี และฉันก็รู้ว่านายเข้าใจนะวิกฤต”

อีกฝ่ายไม่หลงกล...
หากแต่ชายหนุ่มกลับแย้มยิ้มถูกใจแทนที่จะมุ่นคิ้วเข้าหากันอย่างที่ควรจะเป็น "น่าเสียดายจังนะครับ..."
น้ำเสียงแสนเสียดายอย่างเสแสร้งนั่นช่างขัดกับใบหน้าที่ยังคงระบายไปด้วยรอยยิ้มเสียเหลือเกิน
"นึกว่าคุณจะรู้เสียอีกว่าผมต้องการอะไร..."คำพูดนั้นเป็นนัยแห่งการท้าทายไม่ปิดบัง ยั่วยุอีกฝ่ายเล่นหมายให้ความอดทนลดลงต่ำ "น่าเสียดาย..."

“พอดีฉันมันเป็นคนไม่ค่อยฉลาดเท่าไหร่” นาราโคลงศีรษะไปมา “ถ้าไม่บอก ฉันจะไปรู้ได้ยังงว่าค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อสำหรับนายคืออะไรกัน” เขาจัดดอกกาสะลองให้เป็ระเบียบ ดอกไม้สีขาวที่เหมือนว่าเพิ่มจำนวนขึ้นยังคงงดงามราวกับเพิ่งร่วงหล่นลงมาจากต้น “ฉันมันเป็นคนเข้าใจยาก..” เขาเว่นช่วง
“หวังว่าคงจะเข้าใจ”

ชายหนุ่มรับฟังถ้อยคำของคู่สนทนาด้วยรอยยิ้มแม้ว่าการณ์จะไม่เป็นไปตามที่ปราถนา...หากทว่าแบบนี้...ก็ใช่ว่าจะไม่ชอบหรอกนะ
"...ถ้าอย่างนั้น"ถ้วยชาที่ยังคงร้อนกรุ่นถูกยกขึ้นประทับขึ้นบนเรียวปากอีกครั้ง ของเหลวสีสวยไหลผ่านลำคอลงไป ส่งให้รอยยิ้มบนใบหน้าละมุนลงหลายส่วน
ก่อนที่เขาจะเอ่ยต่อให้จบ "...ทำไมไม่ลองบอกมาดูก่อนล่ะครับ ว่าคุณต้องการจะ'รู้'อะไรจากผม"

ผู้ฟังหัวเราะคิก เขานั่งคิด แสร้งทำเหมือนคิดไม่ออก และไม่รู้จะพูดอย่างไร ก่อนจะดีดนิ้วเป๊าะ “ถ้าอย่างนั้น.. คำถามแรกของฉัน” เขาเว้นช่วง รู้ดีว่าสิ่งที่ตัวเองกำลังจะถามออกไปนั้นมีมุลค่ามหาศาลสำหรับอีกฝ่าย.. และมันก็เป็นการเปิดเกมที่ควรจะไปอยู่แทบจะหลังสุด แต่เขาก็ยอมที่จะเสี่ยง..
“วิญญาณตรงหน้าฉันทำยังไงถึงกลายมาเป็นยมทูต..”

วิกฤตเลิกคิ้วเล็กน้อย คาดไม่ถึงว่าเพียงแค่เริ่มต้นก็จะได้ยินคำถามนี้ หากเขาก็ไม่ต้องการให้เกมเกมนี้จบลงเร็วเกินไป...
"...พูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะครับ?" สีหน้าคล้ายกับไม่ล่วงรู้เข้าใจในความหมายของคำถามถูกปั้นขึ้น...อย่างรวดเร็วและแนบเนียนจนน่ากลัว..

“นั่นสิ อะไรกันนะ” ...คงเร็วเกินไปที่จะถาม.. คิดแล้วก็ระบายลมหายใจออกมาช้าๆ "งั้นจะเริ่มถามจากคำถามง่ายๆ.." คำถามง่ายๆที่เหมือนจะตอบง่าย แต่มันก็ยาก.. ยากในหลายๆความหมาย เพราะง่ายเกินไปก็เลยยากที่จะตอบออกมาเป็นคำพูด...
"ทำไมถึงยอมมานั่งที่นี่ล่ะ"

ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆแล้วตอบในแทบจะทันที "ก็เพราะคุณเชิญให้นั่งน่ะสิครับ..." ไหวไหล่เบาๆอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งที่ความจริง...เหตุผลย่อมไม่ใช่เพียงแค่นั้น

"อาจจะใช่..ที่ฉันเชิญ แล้วนายมานั่ง.." เขาหมุนปากกาไปมา โครงกระดูกสีขาวแลดูงดงามและลื่นเปนมันจากการใช้งานมาเป็นเวลานานหลายร้อยปี "แต่มันก็มีทาเลือกมากมายที่นายไม่ปฏิเสธ.. แล้วนายที่บอกว่าไม่ว่างนใตอนแรกก็เลือกที่จะนั่ง และบอกว่าว่างก็ได้.." เขาเว้นช่วงหายใจ "คำถามขอคำตอบ ขอให้ตอบตามตรง"

เขาเลิกคิ้ว และยิ้มรับการคาดคั้นจากอีกฝ่าย "ผมเป็นคนชอบเรื่องน่าสนุกครับ....." ชมดูอีกฝ่ายที่เริ่มดูร้อนรนขึ้นมาเล็กน้อยด้วยความรู้สึกสนุกสนาน "และเเน่นอนว่าเหตุผลที่ผมเลือกจะนั่งลงตรงนี้ตามคำเชิญ ก็ต้องเป็นเพราะ....คุณ....ก็น่าสนุก..."

พอได้ยินคำตอบ ความใคร่รู้ก็กลับมาราบเรียบประหนึ่งท้องทะเลยามไร้คลื่นลม เขาหายใจเข้าและออกราวกับคนที่มีสมาธิสูง.. และก็ใช่.. เขาโดนสั่งสอนให้ควบคุมอารมณ์มามากพอที่จะไม่แสดงออกไป และเขาก็ไม่ใช่พวกที่จะเผยความรู้สึกออกไปได้ง่ายๆกับใครซักคนที่เขายังไม่ให้ความรู้สึกว่าควรจะหันหลังให้ก่อนคนนี้
“ตานายถามกลับแล้ว” เขายิ้ม

ร่างสันทัดไหวไหล่กับท่าทีที่กลับไปนิ่งสงบของอีกฝ่าย "อา...ตาผมแล้วสินะครับ..." เอียงศีรษะเล็กน้อยขณะครุ่นคิด "คำถามแรกของผม...อืม..." วิกฤตเงียบไปครู่หนึ่ง
"...ชอบดื่มชาไหมครับ คุณนารา?"ว่าพลางขยับรอยยิ้มสดใส คำถามหยอกเย้าไม่จริงจังนั้นทั้งคล้ายและไม่คล้ายกำลังเล่นสนุกอยู่ในที

“ฉัน...” เขามองชาที่ยังไม่ได้แตะ “..ชอบน้ำเปล่าผสมดอกมะลิมากกว่า” พร้อมคำตอบหวานหูที่ไม่ถนอมน้ำใจ ชายหนุ่มยกแก้วน้ำของตัวองขึ้นจิบแทน “คำถามต่อไปของฉันเลยนะ” กล่าวโดยไม่รอฟัคำตอบของอีกฝ่าย “ไม่เบื่อบ้างเหรอ กับสิ่งที่ทำอยู่ตอนนี้น่ะ”

หัวเราะเบาๆรับคำตอบที่ไม่ถนอมน้ำใจนั่น ก่อนจะเสจิบชาในมือ ซึมซับลิ้มรสละมุนละไมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบคำถามนั้น "...ทำไมถึงต้องเบื่อด้วยล่ะครับ?" ...ด้วยคำถาม

"เพราะมันอาจจะน่าเบื่อยังไงละ" และคำตอบ.. ก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรเลย...
"แล้วคิดว่าอยู่ยมโลกแบบนี้มันมีความสุขดีงั้นเหรอ.. ไม่คิดบ้างเหรอว่าน่าจะมีอะไรที่ดีกว่าน่ะ หืม...?"

"คิดสิครับ..."พยักหน้ารับ "แต่ผมก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนักหรอกนะ..."ตรงข้ามกับคำพูดราวกับท้อแท้สิ้นหวังเสียเต็มประดา
รอยยิ้มและดวงตาของคนพูด กลับไม่บ่งบอกถึงความไร้หนทางเลือกเลยสักเสี้ยวเดียว

"คนที่สิ้นหวังน่ะตาไม่มีประกยขนาดนั้นหรอกนะ" เขาหัวเราะเบาๆ "ก็น่าสนใจดีนะ.. ฉันไม่ได้เจอคนที่คุยกันแบบนี้มา...นานเหมือนกัน"

"เป็นเกียรติอย่างยิ่งครับ" น้อมรับคำชมอย่างไม่ขัดเขิน "ผมเองก็ไม่ได้พบคนแบบคุณมานานพอควร...." ชายหนุ่มระบายรอยยิ้มพึงใจขึ้นบนใบหน้า ก่อนจะยกถ้วยชาขึ้นจิบอีกครั้ง

"..อืม เราน่าจะเป็นเพื่อนกันได้นะ" เขาหัวเราะเบาๆอีกครั้ง รู้สึกสนุกดีกับการเล่นที่ยืดเยื้อกันมานานพอสมควร "แบบนั้นคงสนุกไม่เลวนะว่าไหม.."

"หากไม่รังเกียจ ผมก็ยินดีครับ"...เพื่อนใหม่...ที่ต่างหมายใจให้ต่างฝ่ายต่างแพ้พ่ายในสักวันหนึ่ง....

"งั้นก็.. ฝากตัวด้วยนะ..."

...ฉันเองก็..ไม่ยอมแพ้ง่ายๆหรอกนะ....

"ผมเอง...ก็เช่นกัน..."

...แล้วมาเล่นกันอีกนะครับ...จนกว่า...ใครคนใดคนหนึ่งจะพ่ายแพ้...ในที่สุด....


......จนกว่าจะถึงวันนั้น.. ตอนนี้พวกเราคงต้องเป็นเพื่อนกันไปก่อน...


..จนกว่าจะถึงเวลา.. โอกาสที่มีอยู่จะไม่มีวันปล่อยให้หลุดลอยไปแน่ๆ...



...แล้วผมจะคอยชมดู...จุดจบสุดท้ายของเกมเกมนี้...




...ว่าใคร...




...จะเป็นผู้ชนะ...










THE END or TBC ?






-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ฟิคนี้เกิดจากการโรเปที่ไม่มีการปรับปรุงหรือแก้ไขใดๆครับ!

วิกฤติจากยม1 และนาราจากยม 2(ที่ยังไม่ได้ลง)

คุณคิดว่า..ถ้าเป็นเกมจริงๆ...

ใครจะชนะ??

เปิดโหวตครับ!! (ฮา)



/หลงรักคาแร็กเตอร์นาราละ..../อุฮิ๊!! 

อ่านแล้วลุ้นตามว่าใครจะเพลี่ยงพล้ำก่อนกัน.....แต่ถ้าจะยากแหะคู่นี้....

ถ้าถามว่าใครจะชนะ.....เอาจริงๆว่าตอบยาก....

แต่ภาษาสวยกันทั้งคู่เลยอะ อ่านแล้วไม่ติดขัดเลย 
#8By Nu_Baifern on 2011-04-10 15:13
ผิดม้ายยยย ชุ้นเชียร์วิกกี้!!
สู้เขานะวิกกี้~~~ *3* /โดนต่อย
#7By Mr.Gappae on 2011-04-10 09:08
มาเม้นว่า วิกกี้สู้ๆ อย่าแพ้นะ ><
#6By iruka{cygnus-14} on 2011-04-10 01:05
เอาหล่ะ เราคงต้องเลือก วิกกี้ อย่าอย่าแพ้นะเฟ้ย!!!

แต่เค้าคิดว่าการประลองนี้มันจะต่อไปเรื่อยๆแบบอินฟินิตี้ว่ะ จริงๆ /มองทั้งสองคนที่กินกันไม่ลง
#5By JunE on 2011-04-10 01:04
โรมมี่ชนะ....เอ๋ะ...

เหมือนจะไม่มีในตัวเลือก

/จากไป
#4By I'm ProtozoA on 2011-04-10 01:02
อ่านจบแล้วโม่โม่วววว สนุกมาก อ๊ากกกกกกกก
อยากได้เขยเท่ๆแบบนารา มองแล้วโคตรได้ใจ

รอตอนต่อไปอยู่นะคะ <<< กลายๆว่าต้อง 2BContinute

แต่งเก่งมากอ่ะ ถ้าไม่นับคำผิด(ก็สดในสไกป์นี่เน๊อะ)
เจ๋งๆๆ /ตั้งหน้าตั้งตารออ่าน

สู้ๆquestion 
#3By CHO-RUN on 2011-04-10 00:48
เอ๊ะ โมวินวิน ...... โม่วเปล่าหว่า

โทษทีนะคะ ก๊งๆ อย่างไหนก็บอกด้วยละกันเน้อ
#2By CHO-RUN on 2011-04-09 22:53
ฮึ่ดโช่ะ ปาดดดดดดดดดดดดดด

ทันไหมหว่า เดี๋ยวขึ้นไปอ่านต่อค่าาา

นึกออกแต่หน้านาราแหละ.....
ไม่เป็นไร อีกคนก็จิ้นได้ ฮ่าๆๆๆ

ปล. แอดบล็อคแล้วนะจ๊ะ (คนนี้นี่ซัวใช่ไหมเนี่ย มึนๆๆ )
#1By CHO-RUN on 2011-04-09 22:52