[if] fogata o vela encendida.4
posted on 15 Sep 2012 02:32 by darkodin in Fiction directory Fiction
1. Decisión
2. Primer Paso
3. Del Mar
+ + + + + + + + + + + +
.4. Momento Crucial : จุดเปลี่ยน
[Kayseal & Kanan]
*หมายเหตุ: เลขคี่ของคานัน เลขคู่ของเคย์ซีลนะครับ*
1.
การเดินทางที่เชื่องช้าของพวกเราถูกเร่งให้ไวขึ้น
คืนนี้ดิสแคนเหมือนจะฝันร้าย ไข้ของเขาสูงมากพอๆกับออสวอล และแมกโนเลียเองก็มีอาการคลื่นไส้และเริ่มมีไข้เช่นกัน แต่ยังไม่มากเท่าไหร่ พวกเราไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่อาจจะเพราะความรู้เท่าไม่ถึงการที่ปล่อยให้เด็กสามคนไปเก็บอาหารกันเอาเอง พืชผักบางส่วนที่เด็กพวกนั้นเก็บมากินน่าจะมีพิษ
ไม่สิ...พวกเราเหมือนจะกินของที่มีพิษไปเสียแล้ว.. ผมรู้สึกแบบนั้นตอนที่ตัวเองเซไปพิงผนังถ้ำและทำของในมือหล่นกระจาย มือของผมสั่นไปหมด มันควบคุมไม่ได้เลย
ก็ว่ามันแปลกที่เด็กพวกนี้จะกินเสร็จแล้วแยกตัวไปนอน ตอนแรกผมก็คิดว่าพวกเขาคงเหนื่อย แต่ไมใช่..พวกเขาไม่ยอมบอกอาการต่างหากว่าตัวเองนั้นร่อแร่มากแค่ไหน ยังดีที่มันยังไม่สายเกินไป แต่มันก็แย่ที่ตัวฉันเองก็เป็นหนึ่งในคนที่กินของพวกนั้นเข้าไป หากมันไม่เป็นอันตรายถึงชีวิตก็คงดี
2.
ฉันเริ่มเครียดแล้วก็กังวล ตอนนี้พวกเราอยู่เกือบกลางป่า น่าจะห่างไกลจากหมู่บ้านพอสมควร ฝนก็เริ่มตั้งเค้าว่าจะตกแล้ว และในยามนี้ก็เป็นตอนกลางคืน การจะทำเพียงแค่อยู่แต่ในถ้ำแล้วรอให้เช้ามันเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้ จะว่าไปคนที่ยังไม่ได้กินอาหารในหม้อก็คือฉันที่ออกไปล่าสัตว์ เพราะอย่างนั้นฉันถึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีแค่ฉันคนเดียวที่ยังไม่เป็นอะไร ในเมื่อฉันกินแค่ของที่ตัวเองล่ามา ไม่ได้ร่วมวงกินของในหม้อนั่น
ฉันล้วงคอให้เด็กพวกนั้นคายขอที่กินไปออกมาบางส่วน คลายสายตาหน่อยละเป็นเรื่องจริงๆ รู้อย่างนี้ไม่ปล่อยให้อยู่ด้วยกันเองหรอก
ฉันจำเป็นต้องทิ้งกระเป๋าสองใบไว้ในถ้ำ ในตอนแรกฉันจะให้คานันเกาะหลังไว้ แล้วพยายามจะอุ้มแมกโนเลียกับสองแฝดด้วยมือทั้งสองข้าง แต่ก็ทำไม่ได้ หากจะช่วยสามคนฉันก็ต้องเลือกจะทิ้งใครซักคน เพราะถ้าจะไปที่หมู่บ้านก็ต้องทะลุป่านี่ไป แต่ถ้าฝนตกหนักขึ้นมาสิ่งที่จะตามมาคือการเดินทางที่ยากลำบากมากทีเดียว การจะแบกเด็กสี่คนมันเป็นไปไม่ได้แน่ๆ แค่สามคนก็ยังเรียกว่าดันทุรังเลยสำหรับเด็กอายุสิบสี่แบบฉัน
แต่ถ้าทิ้งใครไว้ ฉันก็กลัวว่าถ้ากลับมามันอาจจะสายเกินไป..
3.
ผมบอกให้พี่ชายทิ้งผมไว้ เด็กสามคนนั่นยังเด็กอยู่มาก และถึงตัวผมจะยังเป็นเด็กไม่ต่างกัน แต่ยังไงซะตัวผมก็เป็นถึงน้องคนรอง อาหารก็ไม่ได้กินเข้าไปมาก ผมบอกพี่ชายว่าจะรออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหน อย่างน้อยผมก็ยืนยันไปว่าผมจะต้องไม่เป็นไรแน่นอน มันใช้เวลานานเหมือนกันกว่าพี่ชายจะยอมไป แต่การเกลี้ยกล่อมก็เป็นไปได้ด้วยดีเสมอเมื่อต้องแข่งกับเวลา มันบีบให้พวกเราต้องเลือกเส้นทาง
หลังจากพี่ไปแล้วผมก็เริ่มสำรวจตวเองบ้าง ตอนนี้นอกจากมือจะยังคงสั่นไม่หยุดแล้ว ผมก็รู้สึกว่าแรงของผมมันหายไปจริงๆ ตอนนี้ผมนอนอยู่บนพื้น ไม่มีแรงแม้แต่จะจุดกองไฟด้วยซ้ำ อากาศเริ่มเย็นตัวลงและหายใจลำบาก ไม่นานฝนก็คงจะตกลงมา
ผมไม่อยากตาย แต่ก็ไม่อยากให้น้องตาย ตอนนี้สิ่งที่ผมรู้คือผมไม่สมควรที่จะหลับ เพราะไม่อย่างนั้นผมอาจจะไม่ตื่นขึ้นมาอีก
มันลำบาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ ก็แค่เพียงต้องพยายามเบิกตาเอาไว้เท่านั้น ผมคิดว่าผมน่าจะทำได้
4.
ได้โปรด.. จะใครก็ได้ ได้โปรด...
ฉันภาวนาซ้ำแล้วซ้ำเล่าตอนที่พาน้องทั้งสามวิ่งผ่านป่า ฝนเริ่มลงเม็ดแล้ว และพื้นดินก็เริ่มอ่อนนุ่ม ถ้ายังหาบ้านคนไม่ได้การจะกลับไปพาตัวคานันมามันต้องลำบากแน่ๆ และเพราะฉันไม่ชินกับป่าแห่งนี้ ถึงจะพยายามวิ่งให้เป็นเส้นตรงยังไง ฉันก็ไม่มั่นใจเลยว่าจะกลับไปได้ถูกต้อง โดนเฉพาะในค่ำคืนอันยาวนานนี้
แต่เหมือนเทวดา..หรืออาจจะปีศาจที่ดลบันดาล แสงไฟลิบๆเบื้องหน้านั้นอยู่ไม่ไกลเกินไป ฉันรีบวิ่งไปทางแสงนั้น ถึงจะรู้สึกแปลกใจว่าทำไมถึงมีกระท่อมเดี่ยวอยู่กลางป่า แต่ในตอนนี้ฉันก็ไม่มีเวลาจะมาสนใจ ฉันทุบประตูบ้านรัวด้วยแรงทั้งหมดที่มี ตอนนี้ฝนเริ่มตกหนักขึ้นแล้วและตัวของน้องๆก็หนักขึ้นทุกที ได้โปรด...ได้โปรดเถอะ
ท่ามกลางความสิ้นหวัง ในที่สุดประตูก็เปิดออก ฉันแทบจะทรุดลงไปกองกับพื้น..
ได้โปรดช่วยพวกเขาด้วย..
5.
หนาว..
ผมขดตัว อากาศมันหนาวและฝนก็ตกไม่หยุดซักที สติของผมเริ่มล่องลอย มองเห็นหลายๆอย่างบิดเบี้ยวไปหมด ไม่รู้ว่าเด็กพวกนั้นไปเก็บอะไรมาทำอาหาร แต่ครั้งหน้าคงต้องพยายามหาตำรามาศึกษา อย่างน้อยๆก็เพื่อกันไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก สมุนไพรเป็นสิ่งที่มีคุณแต่มันก็มีโทษ..มีโทษกับพวกรู้เท่าไม่ถึงการ
ตอนนี้เสียงของฝนเหมือนกับนาฬิกาพังๆที่ดังสลับไปมาไม่สม่ำเสมอกัน ผมพยายามจะเปิดตาไว้แต่อากาศก็ช่าไม่เป็นใจอาเสียเลย และในโลกที่บิดเบี้ยวนี้ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตาผมก็รู้สึกคลื่นไส้ไม่ต่างกัน สุดท้ายก็เลือกที่จะเปิดตาเอาไว้ไม่ให้ตัวเองเผลอหลับไป แม้มันจะยาก แต่ก็ต้องทำ
แต่อาจจะเพราะว่าสติของผมเริ่มหลุดลอยไปมากแล้วก็ได้ ตรงหน้าผมในตอนนี้ถึงได้มีสิ่งมีชีวิตประหลาดหลายสิบตัวกำลังรุมล้อม ดวงตาของพวกมันจับจ้องมาทางผม เสียงที่ฟังไม่ได้ศัพท์นั้นเหมือนอยู่กันคนละโลก บางทีพวกมันอาจจะกำลังปรึกษากันว่าจะกินผมหรือจะทิ้งเอาไว้ก็ได้
แต่ตอนนี้หนาวจังแฮะ...
6.
ฉันรีบวิ่งกลับไปตามทางที่มา ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยก้อนเมฆนั้นบดบังทุกอย่างจนไม่รู้เวลา แม้แต่แสงจันทร์หรือดวงดาวยังไม่อาจโผล่มาให้เห็น มันยิ่งทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงจนรู้สึกกลัว ตอนนี้เด็กสามคนนั้นก็ปลอดภัยแล้ว..อย่างน้อยก็ในตอนนี้ และสิ่งที่ฉันจะต้องรีบทำคือการกลับไปหาน้องชายอีกคนที่ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
เส้นทางที่พอจะจำได้ คือการวิ่งตรงไปให้เต็มฝีเท้าและอย่าหยุดพัก ในตอนนั้นที่ฉันได้ยินเสียงบางอย่าง เมื่อหันไปมองตามก็ได้เห็นจุดของแสงทีวูบไหวมาจากที่ไกลๆ บางทีมันอาจจะเป็นกองไฟก็ได้ ฉันหวังว่าตรงนั้นจะเป็นถ้ำ ละหวังว่าจะเป็นถ้ำที่ฉันจากมา
ถ้ามันใช่ก็แสดงว่าอย่างน้อยโชคก็ยังเข้าข้าง น้องชายของฉันอาจจะลุกขึ้นมาจุดไฟเองก็ได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็แสดงว่าร่างกายของเขาอาจจะยังพอทนไหว แต่ฉันก็ยังไม่อยากฟันธง บางทีมันอาจจะเป็นแรงเฮือกสุดท้ายก็ได้ เอาเถอะ..ตอนนี้คงต้องรีบวิ่งไปให้ถึงแสงพวกนั้นไวๆ ก่อนที่ตัวฉันจะหมดแรง
7.
สิ่งมีชีวิตประหลาดมันจุดไฟด้วยถ้าผมตาไม่ฝาด และพวกมันก็ช่วยลากผมเข้าไปใกล้กองไฟ จับผมนั่งพิงกำแพงถ้ำดีๆ แล้วเอาอะไรบางอย่างยัดใส่ปากของผม สัมผัสของผิวลื่นๆในปากกับลูกทรงที่ค่อนข้างกลมน่าจะเป็นผลไม้ ผมเคี้ยวตามท่าทางที่พวกมันบอก และกลืนลงคอ ก่อนจะหันไปสำรอกเอาอาหารทั้งหมดออกมา น้ำตาของผมไหล หางตาของผมร้อน แต่ที่ร้อนกว่านั้นคือคอที่ให้ความรู้สึกเหมือนเปลวไฟ
หลังจากคายทุกอย่างออกมาแล้วผมก็แทบจะลงไปนอนแผ่กับพื้น แต่พวกมันจับตัวผมไว้ ดึงขึ้นมานั่งดีๆแล้วป้อนน้ำฝนที่รองไว้ด้วยใบไม้ให้ผมดื่ม น้ำเย็นๆที่ไหลลงไปตามลำคอทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น แต่เหมือนอาการที่มองโลกบิดเบี้ยวจะไม่ดีตาม ผมปิดตาลงแล้วหายใจลึกๆ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน รู้แต่ว่าตัวเองถูกเขย่าปลุกให้ตื่นขึ้นมาด้วยฝีมือของพี่ชายที่มองมาด้วยสายตาโล่งใจ พี่ถอดเสื้อตัวเองที่เปียกโชกมาคลุมหัวให้ผมแล้วแบกผมขึ้นหลังพ้อมกระเป๋าสองใบ กองไฟใหญ่ถูกดับไปแล้ว
ระหว่างที่ติดหลังพี่ชายกลับไป ผมหันกลับไปมอง ณ ที่ตรงนั้นสิ่งมีชีวิตประหลาดเหล่านั้นมองตอบมาจากในถ้ำ พวกมันโบกมือให้ผม บอกลาด้วยมือที่เต็มไปด้วยขนยุบยับที่แข็งกระด้างและผอมบางราวกับกิ่งไม้
ซักวันผมคิดว่าตัวผมจะกลับไป ไปดูว่าพวกมันคือตัวอะไร ผมจะได้กล่าวขอบคุณ
8.
โชคดีเหลือเกินที่ไม่เป็นไร ดูเหมือนว่าเขาจะคายเอาของทั้งหมดออกมาแล้ว อาจจะเพราะผลไม้ที่ตกอยู่ข้างตัวเป็นพวงก็ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเขาเอาแรงที่ไหนไปเก็บ หรืออาจจะเพราะอะไรก็ตามที่ช่วยเขาไว้ แต่มันก็ช่วยเขาได้มากทีเดียว
ฉันเองก็คงต้องพูดขอบคุณพวกมันที่นำทางฉันมาจนถึงในตอนสุดท้าย ถึงพวกมันจะไม้กล้าเข้าใกล้ตัวบ้านหลังนั้น แต่เส้นทาแค่นั้นฉันเดินต่อไปเองก็ได้อยู่แล้ว
หลังจากเคาะไปสองสามทีประตูบ้านก็เปิดออกด้วยมือที่อวบอ้วนของชายวัยกลางคนที่ไม่ต่างอะไรกับหมูตอน ฉันยิ้มบางให้เขาที่มองฉันด้วยสายตาเหยียดหยามและไม่น่าไว้ใจ แต่ฉันไม่สน ฉันเดินเลยพาน้องชายไปวางไว้ข้างๆน้องอีกสามคน ที่ตรงนั้นมีชายชราคนหนึ่งนั่งอยู่ เขาป้อนยาให้กับน้องๆของฉัน และบอกว่าพวกเขาไม่เป็นอะไรแล้ว
จากการตรวจคานันเองก็ไม่พบอะไร หนำซ้ำพ่อมดคนนั้นยังพูดอีกว่าเด็กคนนี้โชคดีที่ขับพิษทุกอย่างออกมาได้หมด ฉันนั่งฟังขณะเปลี่ยนเสื้อละเช็ดตัวให้น้องๆ ไม่พูดอะไรมากเกินความจำเป็น
บ้านหลังนี้เป็นบ้านของพ่อหมอที่อาศัยอยู่เพียงลำพั ส่วนผู้ชายที่เหมือนหมูคนเมื่อครู่ก็เหมือนว่าจะเป็นแขกขาประจำที่ต้องมาหลบฝนอยู่ที่นี่ก่อน
และจากการพูดคุน ฉันกับน้องๆก็ได้รับอนุญาติให้นอนในห้องใต้หลังคาที่ชั้นบน ฉันต้องเป็นคนแบกพวกเขาขึ้นไปทีละคนสองคนอย่างระมัดระวัง ลางสังหรของฉันบอกว่าที่นี่ไม่น่าอยู่เลยซักนิด และผู้ชายสองคนนั้นก็ไม่น่าไว้ใจเลย แต่มันช่วยไม่ได้ ตราบใดที่น้องๆของฉันยังไม่หายดีฉันก็คงจะออกไปจากที่นี่ไม่ได้
ตอนแรกที่พาน้องทั้งสามมาที่นี่ พ่อมดยื่นข้อเสนอให้กับฉัน เขาบอกให้ฉันทำงานแลกกับอาหาร มาเป็นลูกมือแลกกับค่ายา และเป็นทาสแลกกับที่อยู่อาศัย หากไม่ตอบตกลง ก็คือจบกัน
...กับเรื่องแบบนั้น ฉันตอบตกลง...
เรื่องทั้งหมดจะเป็นยังไงก็ช่าง อนาคตจะจะเกิดขึ้นก็ช่าง ตัวฉันจะเป็นยังไงก็ช่าง แต่ในตอนนี้ฉันขอเพียงแค่ให้พวกเขารอดและมีชีวิต เรื่องอื่นฉันค่อยตัดสินใจ
คืนนี้ฉันหลับสนิทเพราะความเหนื่อยที่ถ่าโถม ฉันไม่ได้ฝันถึงใครและอะไร สิ่งที่ฉันรู้มีแค่อย่างเดียวเท่านั้น
คือเรื่องที่ลางสังหรบอกฉันว่า จากวันนี้ไป ทุกอย่างจะไม่เหมือนเดิม
[TBC.]
/มองมายเอนเวอร์ชั่นพี่ชายด้วยสายตาไม่คุ้นเคย...
/เดินกลับไปกอดเวอร์ชั่นปกติหนุบๆๆ
/เดินกลับไปกอดเวอร์ชั่นปกติหนุบๆๆ
No comments:
Post a Comment