Monday, March 28, 2016

035. [BTW] ..Viola.. 2010.08.04

[BTW] ..Viola..

posted on 04 Aug 2010 00:03 by earnest in BTW
*หมายเหตุ: ก่อนอ่านกรุฌากดเพลงนี้ฟังไปด้วยนะตัว..เพราะเอิร์นมันเล่นวิโอล่าเพลงนี้... ‘Give thanks’

  

[BTW] ..Viola..





   ภายในโรงละครร้างซึ่งอยู่ห่างจากตัวเมืองไม่มากนัก ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีแพลตตินั่มบลอนซ์ได้ยืนนิ่ง บรรเลงเพลง‘Give thanks’ ด้วยวิโอลาสีเข้มที่ดูไม่น่าจะมีราคาสูงนัก และไม่น่าสร้างขึ้นจากไม้ของเมืองใต้ด้วยเพราะสีนั้นค่อนข้างเข้มกว่าสีของต้นยูคาลิปตัส..ที่สำคัญ ไม่เคยได้ยินว่าเมืองใต้นั้นจะออกกฏหมายให้ผู้คนสามารถทำลายที่อยู่อาศัยของโคอาล่ามาทำเป็นเครื่องดนตรีซักเท่าไหร่.. แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม
   ร่างที่เล่นดนตรีเพียงลำพังในสถานที่ซึ่งร้างผู้คนกลับดูสงบนิ่ง ราวกับว่าไม่จำเป็นเลยต้องจะต้องมีผู้ชมมาคอยตบมือให้ตนเป็นกำลังใจก็ไม่รู้สึกรู้สา ในเมื่อมีบรรดาโคอาล่านั่งกลิ้งนอนกลิ้งอยู่เต็มไปหมดราวกับเป็นรังของพวกมัน ชายหนุ่มยิ้มบางเมื่อคิดถึงเหล่าโคอาล่าที่กลิ้งไปกลิ้งมาก่อนจะตั้งสมาธิแล้วเริ่มตั้งใจเล่นจริงจังซักที

   นัยน์ตาสีฟ้าธารน้ำแข็งนั้นใสจนดูเย็นชาปรือลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงการมาเยือนจากแขกมิได้รับเชิญ หากแต่เขาก็ไม่คิดจะสนใจ ในเมื่อสิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการทำสมาธิกับเครื่องดนตรีในมือเท่านั้น

   “นี่พี่ชาย.. มาเล่นไวโอลินคนเดียวในที่แบบนี้ระวังจะโดนปล้นเอานะ” เสียงที่ติดลากยาวหัวเราะคิก ร่างที่เต็มไปด้วยรอยแผลในชุดเก่ามอซอเดินลากขาเข้ามาในโรงละครที่ค่อนข้างผุพังแล้วตรงไปทางชายหนุ่มบนเวที ก่อนจะเลือกนั่งลงที่แถวหน้าสุดใกล้กับโคอาล่าสีเทาเข้มซึ่งเคี้ยวใบยูคาลิปตัสหยับๆ

   “เห็นทีที่จะปล้นข้าก็คงมีแต่โจรม่อซอแถวนี้เท่านั้น อีกอย่าง..ที่ข้ากำลังเล่นคือวิโอล่า ไม่ใช่ไวโอลิน” เสียงทุ้มเอ่ยตอบอย่างไม่ใคร่จะใส่ใจนัก ซักพักเขาก็หันไปเริ่มเล่นดนตรีใหม่ตั้งแต่ต้น

   “พี่ชายนี่เล่นเก่งดีนี่.. ขนาดข้าที่ไม่ค่อยมีหูด้านดนตรียังฟังรู้เลยว่าพี่ชายเล่นเก่งพอตัวเหมือนกัน” เด็กหนุ่มกล่าว แม้จะรู้ว่าตนนั้นพูดคนเดียว แต่ความรู้สึกของเขาก็บอกว่าคนบนเวทีนี้กำลังฟังอยู่แน่นอน

   ดวงตาสีมะฮอกกานีมองการเล่นอย่างชำนานนั้นไม่สมควรจะเป็นมือสมัครเล่น เด็กหนุ่มมองไล่ไปตามปลายนิ้วที่ขยับไปมาบนฟิงเกอร์บอร์ดอย่างแม่นยำไม่มีสะดุด คันชักที่ถูกลากไปมาระหว่างสายนั้นค่อนข้างเชื่องช้า ทว่าดังกังวานนั้นสะกดให้เขาไม่อาจละสายตา..

   ถึงแม้เขาจะเป้นเพียงขอทานกระจอกที่มีชีวิตโดยการขโมยของประทังชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยกิเลสตัฒหามากมายและไร้ซึ่งกฏหมายคุ้มครองดูแลมนุษย์ข้างถนนอย่างเขา จนต้องอยู่อย่างหลบๆซ่อนๆจากกลุ่มผู้มีอิธิพลในโลกมืดไปวันๆ.. แต่การได้มานั่งดูการแสดงที่มักจะอยู่ในโรงละครของพวกคนชั้นสูงแบบนี้บ้างก็ดีเหมือนกัน..

   เด็กหนุ่มเท้าคาง ลูบหัวโคอาล่าที่ปีนขึ้นมานั่งบนตักด้วยรอยยิ้มบางยามมองชายบนเวที.. ชุดสีเข้มที่ขับให้ผิวขาวของชายนักดนตรียิ่งขาวขึ้นนั้นเมื่อประกอบกับเรือนผมสีบลอนซ์ค่อนข้างไปทางขาว กับเรียวตาคมสีฟ้าใสกระจ่างนั้นทำให้ตนนึกถึงภาพของทูตสวรรค์ที่ตนเคยเห็นตามผนังโบสถ์.. แต่ว่า..ชายตรงหน้าอาจจะเป็นเทวทูตซึ่งถูกพระผู้เป็นเจ้ากระชากปีกทิ้งลงมาบนพื้นดินที่เน่าเฟะแห่งนี้ก็เป็นได้..


   “ข้าชื่อชอร์น... พี่ชายละชื่ออะไร” จู่ๆเด็กหนุ่มก็ถามขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ไม่ได้ทำให้ทำให้คนที่บรรเลงดนตรีชะงักเลยซักนิด เด็กหนุ่มแอบยกนิ้วให้กับการคุมสมาธิของชายตรงหน้า

   “เอิร์น”

   “นั่นยศท่านเอิร์ล หรือชื่อว่าเอิร์นกันล่ะนั่น.. แต่เอาเถอะ ยังไงซะข้าก็จะเรียกท่านว่า พี่ชาย’ อยู่ดี..” ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าคำพูดแบบนั้นหมายถึงการกล่าวปัดไม่คิดพูดตอบอะไรให้ยาวไปกว่านี้ แต่ชอร์นก็ไม่ใส่ใจนัก เขาไล่ตาสำรวจชายหนุ่มที่ดูจะเลิกสนใจเขาไปนานแล้วด้วยรอยยิ้ม

   รูปร่างสูงโปร่งซักร้อยแปดสิบกว่าๆ กับผิวที่ขาวจนแวบแรกที่มองผ่านเกือบเผลอนึกว่าเป็นคนจากชนชั้นขุนนาง หากไม่ติดที่มองดูจากเสื้อคลุมซึ่งพาดอยู่ไม่ไกลนักก็รู้ได้ชัดว่าคนตรงหน้านี้มาจากโลกมืดแน่นอน.. ไหนจะกล่องไม้ที่ดูแปลกตานั่นอีก.. ด้านในกล่องไม้ที่มีแผ่นกระจกปิดไว้นั้นแตกร้าวจนดูแทบไม่ออก แต่กลับไม่มีสิ่งใดอยู่ภายในนั้นทำให้เขาขมวดคิ้วสงสัย ว่าเหตุใดชายตรงหน้าถึงได้นำของไม่สมประกอบชิ้นนี้ติดตัวมา..

   แต่ยังไม่ทันจะเอ่ยปากถาม เสียงโหยหวนของเครื่องดนตรีไม้ก็หยุดลง

   “จะไปแล้วเหรอ..” เด็กหนุ่มคราง แต่ก็ตบมือให้ด้วยความเต็มใจ “นี่พี่ชาย แล้วพี่ชายจะมาเล่นดนตรีที่นี่อีกรึเปล่า” เขาร้องถามคนที่เก็บเครื่องดนตรีพร้อมสวมเสื้อคลุมกลับอย่างรวดเร็ว

   “มันแล้วแต่ว่าเจ้าจะโชคร้ายขนาดไหน” เออร์เนสประคองกล่องไม้ขึ้นอย่างเบามือ กันไม่ให้กระจกที่ร้าวนั้นแตกไปมากกว่านี้ “แต่ทางที่ดีอย่ามาเจอกันอีกเลยจะดีซะกว่า”

   “พี่ชาย.. เดี๋ยวก่อนพี่ชาย ข้ายังไม่ได้.....!


   ชอร์นที่ทำท่าจะตามอีกฝ่ายไปหยุดชะงักเมื่อรถม้าคันงามจอดลงหน้าโรงละคร ประตูรถม้าถูกเปิดให้ร่างสูงได้ก้าวขึ้นไปด้วยมือของสารถีผู้แต่งกายด้วยชุดหนังสีรัตติกาล ทั่วทั้งร่างไม่เว้นกระทั่งหมวกปีกกว้างยังคงไว้ด้วยสีถ่านชวนให้รู้สึกไม่น่าเข้าใกล้ แต่มันกลับไม่ได้ทำให้เด็กหนุ่มรู้สึกหวาดกลัวเท่าสิ่งที่ถูกลากติดมากับรถม้าคันงามเบื้องหน้า...มันทำให้เขาทรุดลงไปกองกับพื้นทันทีที่เห็น..

   ร่างของสิ่งที่เคยเป็นมนุษย์ถูกจับมัดติดตรวนมือแน่นแล้วลากมาตามพื้นขรุขระด้วยความเร็วมาตลอดทางบัดนี้กลับอยู่ในสภาพที่ดูไม่ได้ ขาสองข้างกับเนื้อบางส่วนได้หลุดไปแล้ว จะเหลือก็เพียงช่วงครึ่งบนขึ้นไปเท่านั้นที่ยังคงอยู่ในสภาพที่เรียกได้ไม่เต็มปากว่าพอดูได้ และตลอดระยะทางที่ถูกลากมาก็เปราะไปด้วยลอยเลือดสีข้นที่ส่งกลิ่นน่าคลื่นเหียน

   “หว่ะ...เหวอ!!” ขอทานหนุ่มถอยกรู มอง พี่ชาย ซึ่งหันกลับมาหาตน ชายหนุ่มคว้าแหวนแพลตตินั่มที่ตนมักใส่ซ่อนไว้ใต้ถุงมือขึ้นสวม อัญมณีสีไวน์องุ่นเรื่องแสงวาว ก่อนที่เรือนผมและสีตาของตนจะกลายเป็นสีที่แตกต่างออกไป....ด้วยอำนาจแห่งแหวนมายา......



   “อ่ะ..ท่าน..ท่านคือ.......”

   คำพูดที่พยายามจะเปล่งหยุดชะงักเมื่อตนนั้นไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากอีกแล้ว.. ดวงตาของชอร์นยังคงเต็มไปด้วยความหวาดกลัวทั้งที่ร่างนั้นไม่มีโอกาสได้พูดอีกต่อไป...

   ดวงตาสีเลือดเหลือบมองสารถีซึ่งยังคงถือหน้าไม้คันยาว..หลักฐานของอาวุธที่ยิงเจาะเข้ากลางหน้าผากของผู้ชมซึ่งเป็นมนุษย์เพียงคนเดียวของเขาให้ตายในคราเดียว..

   “เจ้านี่มันจริงๆเลยนะ เด็กนั่นเป็นผู้ชมเพียงคนเดียวของข้าแท้ๆ” เออร์เนสส่ายหน้าด้วยอารามไม่ชอบใจนัก หากแต่คู่สนทนากลับไม่มีทีท่าว่าจะตอบโต้ใดๆนอกจากเก็บอาวุธคู่กายกลับเข้าไปในเสื้อคลุมสีปีกกา

   “แล้วงานที่ข้าสั่งล่ะเสร็จรึยัง”

   ร่างสูงกว่าพยักหน้าน้อยๆขณะพยักเพยิดให้ดูจอบเสียมที่วางพิงกันอยู่ตรงที่นั่งคนขับ..


   งานที่ได้รับมอบหมายคือการขุดหลุมฝังศพให้ทั้งมือและถุงมือคู่นั้นในสเลเนอร์ภายในหนึ่งชั่วยาม โดยหลุมนั้นต้องมีความลึกกว่าสามฟุตลงไป... เขาไม่แปลกใจเรื่องที่หัวหน้าสั่งให้ทำเรื่องเหล่านี้ แต่ที่สงสัยคงเป็นเพราะเหตุใดถึงได้ยอมทำตามคำพูดของอัศวินคนนั้นกันแน่.. จะเรียกว่ากลัวก็คงไม่ใช่.. เพราะเขาอยู่กับคนตรงหน้ามานานพอจะรู้ถึงนิสัยเบื้องลึกมากมาย

   แต่ที่ทำตามคงจะเป็นเพราะโดนตอกกลับจนเถียงไม่ได้สินะ.....

   คิดแล้วก็ส่ายหน้าไปมา มองคนที่โยนเสื้อคลุมตัวยาวเข้าไปในรถแบบขอไปที


   “น่าเสียดายที่เจ้าพูดไม่ได้อีกแล้ว.. ตั้งแต่วันนั้น..” มือกร้านทาบลงบนลำคอใต้เสื้อคลุมหนัง เผยให้เห็นรอยแผลจากคมดาบที่เด่นชัดนั้นตราตรึงอยู่บนร่างกายของสารถีผู้เป็นถึงมือซ้ายของตนราวกับถูกจับใส่ปลอกคอแห่งความอัปยศที่ไม่มีวันลบเลือน

   “วันที่เจ้าโจรสลัดตะขอเงินนั่นพรากเสียงของเจ้าไป!

   น้ำเสียงเกรี้ยวกราดที่ทำให้ผู้มองหรี่ตามองด้วยความหลงใหล.. ชอบเหลือเกินเมื่อเห็นอีกฝ่ายเป็นเดือดเป็นร้อน..โกรธเกรี้ยวเรื่องของตนถึงเพียงนี้ แม้ว่าจะแลกมาด้วยการที่ตนนั้นจะมิอาจเอื้อนเอ่ยคำใดได้อีกเป็นครั้งที่สอง.. และแม้จะโกรธเกลียดโจรสลัดผู้นั้นจนแทบคลั่ง..

   แต่หากได้พบกันอีกครั้ง.. เขาก็ปรารถนาจะเอ่ยคำขอบคุณกับอีกฝ่าย...


   ....ด้วยความตายที่ยิ่งกว่าตกนรกทั้งเป็น!!...




+ + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + + +



   “นี่ดอร์เรน..ตอนนี้ข้าได้ข่าวว่าไอ้โจรสลัดนั่นไปเป็นอัศวินของแดนตะวันออก.. มันทำให้พวกเราลงมือยากขึ้นเยอะ..แถมที่นั่นยังมีพวกมันแฝงตัวอยู่เต็มไปหมด ข้าควรจะทำยังไงดี..”

   สารถีนั่งฟังเสียงบ่นของเพื่อนสมัยเด็กและเจ้านายของตนเงียบๆ เขาไม่โต้ตอบอันใดนอกจากยักไหล่ประมาณว่า ใครจะไปรู้ละ’ เท่านั้น ม้าที่ควบไปตามทางก็ได้ถูกตัดตรวนของ ผู้ที่ลงมือฆ่าโคอาล่าตัวจริง ทิ้งไปตามทางนานแล้ว จึงไม่จำเป็นที่เขาจะต้องบังคับมันให้หลบอยู่ในความมืดของผืนป่าอีกต่อไป ชายหนุ่มจึงกระตุกบังเหียนแรงขึ้นจนได้ยินเสียงบางอย่างไถลโครมลงมาจากภายในรถม้า...

   What the hell!! ขับให้มันดีๆหน่อยสิฟระ!!” เออร์เนสแยกเขี้ยว ถีบโครมไปที่ผนังไม้ตรงตำแหน่งของดอร์เรน..สารถีและเพื่อนสมัยเด็กที่เติบโตมาด้วยกัน ก่อนเปิดหลังคารถม้าปีนออกไปนั่งอยู่ด้านบน โดยห้อยขาลงมาล็อคคอคนขับ มุมประกระตุ้มยิ้มล้อเลียน

   เขาถอดแหวนมายาออกแล้วยัดมันเข้ากระเป๋าเสื้อ เรียกให้ดวงตาสีเข้มของดอร์เรนเผลอมองตาม

   ..เขาไม่รู้ว่าทำไม...ทุกครั้งที่เออร์เนสจะเล่นดนตรีมักจะต้องถอดแหวนวงนั้นออก.. และมันก็ทำให้บุคลิกของหัวหน้าตนผู้นี้ใจเย็นลงมาก.. ราวกับว่าแหวนวงนั้นกระตุ้นเอาความกร้าวร้าวในส่วนลึกของอีกฝ่ายให้ปรากฏออกมา...


   Do you want to listen to my song?”


   รถม้าค่อยๆชะลอลงแทนคำตอบ เรียกเสียงหัวเราะจากลำคอของคนด้านบนที่ดึงขากลับขึ้นไปนั่งขัดสมาธิได้เป็นอย่างดี เออร์เนสเปิดกล่องวิโอล่าก่อนจัดวางมันให้ตรงตำแหน่งแล้วจึงเริ่มบรรเลงเพลง ‘Give thanks’ อีกครั้ง

   ดอร์เรนรู้ดีว่าเพลงนี้เป็นเพลงแรกที่อีกฝ่ายเล่นได้..และมักจะเล่นมันเสมอเวลาที่ผ่อนคลาย....

   แต่นับจากวันนี้ไป...หากได้พบกับเรื่องราวอีกมากมาย..



   ..ซักวันบทเพลงนี้ก็คงจะถูกลบเลือนไปตามกาลเวลา......



[END.]


   ยอมรับครับว่าฟิคนี้แต่งมาได้แย่มาก orz… ฟิคต่อไปจะพยายามแต่งให้ดีกว่านี้..

   ปล. สารถีผมตั้งชื่อว่า “ดอร์เรน” นะครับ....; w ; b
   ปลล. ชื่อตอนยิ่งเล่นง่ายขึ้นทุกวัน...
   ปลล. รู้สึกว่าแต่งเองแล้วแอบคิดว่าไม่ได้เรื่องเลยน้า 
   ปลลล. ขอบคุณพี่ Aidenมากครับ  ผมแก้แล้วล่ะ 


ฝังแล้วสินะ ดีมากๆ //ลูบหัวเอิร์น
แต่นึกภาพโคอาล่าเต็มไปหมดแล้วมันน่ารักจริงๆ ,, - - ,,
นายก็เริ่มชอบแล้วสินะ //สะกดจิต
#5 By Pudding Friday on 2010-08-07 08:17
โคอาล่า กลิ้งลุนๆ นี้มันเเบบว่า กระจายอยู่ทั่วเมืองจริงๆ
เออร์ นายจะโหดไปถึงไหนน่า
รอชมเออร์ได้เจอเกล เเล้วไปจบที่เตียง เอะ
#4 By MISAKI on 2010-08-05 14:49
ได้กลิ่นสงครามกรุ่นอวลในอากาศ

อา BTW นี้จะดำเนินไปในทิศทางใด ข้ามิอาจคาดเดาได้
ที่รู้ๆ เมืองเหนือไ่ม่่เกี่ยวเนะ ,,-_-,,
#3 By [ S h e c k ] on 2010-08-04 01:02
แฮ่กๆ อ่านจบแล้ว
น...นี่มัน...ด้านมืดของ BTW ล่ะ... @_@ *โซเซไป*

*สั่นกึกกึก*
ฆ...ฆ่าคน! ฆ่าคนบริสุทธิ์ง่ายๆ เลยล่ะ!!!
*กัดเล็บกึกๆ ไปซ่อนหลังตู้ เดี๋ยวโดนฆ่า*

เอนทรี่นี้เอิร์นแบบ...โอ้ว... *จิ้นตามที่บรรยาย*

+ ดอร์เรนรอวันแก้แค้นเกลสินะ อา... จะรออ่านต่อไปนะคะว่าเคยมีความแค้นอะไร ทำไมต้องปาดคอกัน
*สั่นไหวอยู่ในมุมมืด*
#2 By อีฟ on 2010-08-04 00:23
ต...ตำแหน่งขุนนางมันเอิร์ล จ้า ไม่ใช่เอิร์น = =a *ปาดเหงื่อ*

แล้วอันนั้นต้อง what the hell นา

นี่โยงเข้ากับเรื่องเกลเลยรึ!
กรั่ก นายจะสู้ไหวไหมนะเอิร์นน
#1 By jackywinter on 2010-08-04 00:18

No comments:

Post a Comment