[if] fogata o vela encendida.3
posted on 14 Sep 2012 14:36 by darkodin in Fiction directory Fiction
1. Decisión
2. Primer Paso
+ + + + + + + + + + + +
.3. Del Mar : ทะเล
[Magnolia]
วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้ว หากนับจากวันที่พวกเราออกเดินทางมา ส่วนม้ากับเกวียน พวกพี่ชายเลือกที่จะปล่อยมันไป เพราะยังไงซะถ้าทางนั้นคิดจะตามมาเอาม้าคืนก็คงทำได้ง่ายๆจากการสะกดรอยและนกหวีด พวกพี่ชายเลยตัดเชือก ปล่อยให้ม้าวิ่งกลับไปตรงทางสามแยกแล้วทิ้งเกวียนไว้ตรงนั้น
ต่อจากนั้นพวกเราก็ต้องเดินเท้าไปทางฝั่งทะเล เพื่อจะได้เลาะไปตามถนนสายเก่า เลี่ยงให้ห่างจากตัวเมืองมากที่สุด การเดินไปทางทะเลพี่ชายบอกว่าคงไม่มีใครคิดว่าพวกเราจะเดินไปทางนั้นแน่ๆเพราะพวกเราแต่ละคนมีธาตุไฟถือว่าสูงมาก การอยู่ใกล้สถานที่ที่มีน้ำมากมายขนาดนั้นมีแต่จะเป็นโทษเสียมากกว่า แต่ถ้าไม่ลงไปคลุกคลีก็ไม่เป็นผลต่อร่างการอะไร
ตอนนี้ตัวฉันอายุแค่แปดขวบ ยอมรับว่าความคิดอาจจะดูแก่แดดไปบ้าง แต่ฉันก็ถูกสอนมาว่าให้มองทุกอย่างด้วยสายตาของตัวเอง คิดอย่างไร้ ปฏิบัติตัวเช่นไร ตัวตนของฉันก็จะเป็นแบบนี้อยู่เสมอ และฉันก็ไม่อยากจะเป็นเด็กตลอดไปเพื่อให้เป็นตัวถ่วงของพวกพี่ๆซักหน่อยนี่นา
อึก..
อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกอึดอัด ฉันเดินช้าลงและหอบช้าๆ ความรู้สึกอึดอัดนั่นเหมือนกับตอนที่อยู่ในที่ที่อากาศร้อนชื้นจนหายใจลำบาก แต่ไม่น่าใช่ เพราะในวันนี้ท้องฟ้าก็สดใส แสงแดดนั้นส่องประกายจ้า ฉันต้องปรับตัวซักพักถึงจะรู้สึกดีขึ้น และไม่นานนักคำตอบก็ได้ถูกเฉลย
“ว้าว...ทะเล!!”
ฉันหันไปมองตามเสียงของออสวอล แล้วก็ต้องชะงักไปอีกคน พวกเราทุกคนชะงักไปกับความกว้างใหญ่ของสิ่งที่ได้เห็น ถึงจะรู้ว่าฝั่งตรงข้ามคือสโนว์แลนด์ และนี่ก็ยังไม่ใช่ตัวทะเลของจริง เป็นเพียงแค่ช่องแคบที่ถูกเชื่อมต่อมา แต่มันก็กว้างเหลือเกิน ผืนน้ำที่เป็นสีฟ้าเหมือนกับท้องฟ้าเบื้องบนนั้นกว้างใหญ่และสงบนิ่ง ฉันได้ยินเสียงนกนางนวลที่ร้องทักทายพวกเราอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล และกว่าจะรู้สึกตัว พวกเราก็วิ่งเข้าหาผืนน้ำนั้นโดยไม่สนใจว่าจะต้องอึดอัดหรือไม่
“ระวังจมละ”
เสียงของพี่ชายตะโกนบอก ฉันหันไปมอง พี่ชายนั่งลงใต้ต้นมะพร้าว เท้าคางมองพวกเรา ไม่ได้ลงมาด้วยกัน ฉันวิ่งกลับไปฉุนแขนพี่ชายให้เดินไปกับฉัน แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ พี่ชายบอกว่าให้เวลาพวกเราตามสบาย และเขาอยากจะพักบ้าง ได้ยินแบบนั้นแล้วฉันจึงวิ่งกลับลงไปตามเสียงเรียกของออสวอล
ตอนที่ถอดรองเท้าออกแล้วปล่อยให้ฝ่าเท้าสัมผัสกับผืนทราย ความร้อนก็แล่นขึ้นมาจนต้องชักเท้าหนี แต่ไม่นานนักก็เริ่มชิน นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นชายหาด มันทอดตัวยาว และมีทรายละเอียดเป็นสีขาว สวยเหมือนกับภาพวาดของศิลปินชื่อดัง แต่ที่ต่างออกไปคือราคาของภาพเหล่านี้คงไม่อาจประเมินค่าได้ง่ายดายนัก แต่ถึงจะเปรียบเทียบไปแบบนั้น แต่ฉันก็ไม่เคยเห้นภาพของศิลปินชื่อดังหรอกนะ คิดได้แค่ว่าฉันคงดูมันไม่ออกเท่าไหร่มากกว่า
พอเดินมาใกล้น้องชายตัวเล็ก ออสวอลก็บอกให้ฉันลงทะเลไปด้วยกัน ฉันรับคำ แล้วรีบก้าวตามไป
ตอนที่ฟองคลื่นซัดมาถูกปลายเท้า ฉันปิดตาแน่น มันเย็นเหลือเกิน..
ออสวอลสาดน้ำใส่ฉัน ฉันหัวเราะแล้วสาดกลับไป แต่ก็เริ่มจะรู้สึกได้ว่าเรี่ยวแรงของตัวฉันลดลงไปมากโดยเฉพาะตอนที่ก้าวลงน้ำไปจนถึงช่วงเอว ฉันเริ่มหายใจลำบากขึ้นกว่าเดิม แต่เหมือนพี่รองจะรู้ เขาที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่ตอนไหนจับข้อมือฉันแล้วลากขึ้นไปหาพี่ชายบนหาด
ฉันหายใจไม่ออก ฉันบอกพี่แบบนั้น พี่รองดูกังวล แต่พี่ชายเหมือนกำลังคิด พี่ชายวางฉันลงบนผืนทราย ความร้อนทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นมาก ไม่นานนักฉันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม ถึงอาการอึดอัดจะยังคงมีอยู่บ้าง แต่อาจจะเป็นเพราะฉันอยู่ใกล้น้ำมากจนเกินไป
“ยังไงก็อย่าลืมว่าพวกเรามีธาตุไฟที่เข้มข้นนะ” พี่ชายพูดขึ้น หลังจากเงียบไปซักพัก “แมกกี้ น้องมีธาตุไฟที่แข็งที่สุด ยังไงก็ดูแลตัวเองให้ดี”
พี่รองลูบผมฉันเบาๆ แต่ในใจลึกๆแล้วฉันกลับรู้สึกเสียดาย
ฉันหันกลับไปมองภาพของทะเลตรงนั้น สีฟ้าของมันยังคงงดงาม และออสวอลก็ดูจะไม่เป็นไรเลยที่จะวิ่งเล่นไปตามหาดแบบนั้น ....มันไม่ยุติธรรม
“ถ้าแค่เข่าคงไม่เป็นไร”
มือนึงผลักเบาๆจากข้างหลังของฉัน มันเป็นฝ่ามือที่ใหญ่
“ไปสิ..เวลาให้พักยังมีอีกชั่วโมงนึง อย่าลงไปลึกเท่านั้นก็พอ”
ฉันหันกลับไปมองคนที่พูดคำนั้นแล้วยิ้มกว้างรับคำแล้วฉุดแขนดิสแคนกับพี่รองให้ไปด้วยกัน
ทะเลงั้นเหรอ..ถึงจะไม่มีข้อดีสำหรับตัวฉัน
แต่ก็ไม่ได้เกลียดซักหน่อยนะ..!
[TBC.]
No comments:
Post a Comment