Monday, March 28, 2016

039. [ยมโลก] lion-sin-tear..2 2010.09.03


[ยมโลก] lion-sin-tear..2

posted on 03 Sep 2010 16:34 by darkodin in FictionYL | Edit



   อะไรคือแม่....อะไรคือพ่อ..

   ผู้อุ้มชูดเลี้ยงดูข้ามาก็มี เพียงแต่หาใช่พวกเขาไม่

   แล้วหากไม่มีสองผู้ที่กล่าวมานี้ ตัวข้าจะไม่อาจกำเนิดมาได้หรือไรกัน

   และหากข้ามีพวกเขาจริง..แล้วตอนนี้เล่า พวกเขาอยู่แห่งใด...




   “ท่านศศิ!”

   รุกขัฏฐะเทวดา หรือ รุกขเทวดามองเด็กชายที่ปีนขึ้นมาบนกิ่งก้านของตัวเองด้วยความแปลกใจ แต่ก็ยอมปรากฏร่างออกจากวิมานบนยอดไม้ตามที่อีกฝ่ายเรียกหา

   “ออกมาตอนกลางคืนแบบนี้มันไม่ปลอดภัยหรอกนะเด็กมนุษย์” ศศิเอ็ด แต่ก็ยิ้มให้ “แล้วมีอะไรกับข้ารึเปล่า ถึงมาหาเอาป่านนี้”

   “ข้ามีคำถาม...ข้าอยากรู้ แต่พอถามท่านวิชชะ ท่านก็ไม่ยอมตอบคำถามนั้นเลย” เด็กชายก้มหน้า ทบทวนความคิดเล็กน้อยแล้วจึงเอ่ยถามออกไป “ตัวข้าเองก็มีบิดามารดาเช่นกันใช่ไหมขอรับ.. หากว่าใช่ แล้วพวกเขาทำไมถึงทอดทั้งข้า”

   ราวกับโดนน้ำสาด ศศินั่งนิ่งเงียบ จ้องหน้าเด็กน้อยที่คลานเข้ามาใกล้ “ทำไมเจ้าถึงอยากรู้ขึ้นมาล่ะ..” ศศิถามย้อนกลับไปเพื่อให้เวลากับตัวเองในการหาคำตอบที่ดีที่สุด เขาดึงเด็กน้อยมานั่งตักแล้วกอดไว้หลวมๆโดยให้คนตัวเล็กกว่าหันหน้าไปทางเดียวกับตน

   “ข้าได้ยินเหล่ากินรีพูดกันเมื่อยามสายขอรับ” เด็กชายนั่งเอาหลังพิงศศิ เขาพยายามเงยหน้ามองศศิ แต่ไม่เห็น...รุกขเทวดาลูบเรือนผมสีอ่อนนั้นอย่างเบามือ “พวกเขาทิ้งข้าหรือขอรับท่านศศิ....”

   ศศิไม่อยากโกหก.. เขารู้ว่าเด็กมนุษย์คนนี้ก็เปรียบเหมือนความฝันที่ซักวันก็จะหายไป ไม่จำเป็นต้องทำดีหรือเอ็นดูมากมาย ไม่จำเป็นต้องมอบความรักให้ก็ยังได้.....เขาเคยคิดเช่นนั้น...ไม่สิ..เขาควรจะคิดเช่นนั้น

   “ใช่.. พวกเขาทิ้งเจ้าอาไว้แล้วหนีไประหว่างที่เหล่ารากษสออกไล่ล่า” ศศิกระชับอ้อมกอด.. เด็กตัวน้อยนี้อุ่นกว่าเขามาก อาจเพราะเป็นเด็กที่มีหัวใจด้วยหรือเปล่านะ....มนุษย์....ช่างเป็นสิ่งที่แปลกประหลาดเสียเหลือเกิน...

   “ทิ้งข้าไว้ แล้วหนีไปเหรอขอรับ...” มือที่เล็กกว่าจับแขนศศิแน่น เด็กชายซุกตัวลงไปอีก “ทำไมมนุษย์ถึงเห็นแก่ตัวนัก.. ข้าจะเป็นเช่นนั้นรึเปล่าขอรับ..”

   “ไม่หรอก” ศศิยิ้มอ่อนโยน “ข้าไม่ยอมให้เจ้าเป็นแบบนั้นแน่ แต่เจ้าก็ต้องพยายามด้วยเช่นกัน”


   ศศิไม่ได้โกหก..แต่เขาก็ไม่ได้พูดความจริง....

   จริงอยู่ที่เด็กตรงหน้าโดนทิ้งเอาไว้ แต่ผู้ที่ทิ้งนั้นมีเพียงบิดาเท่านั้น...ชายคนนั้นทิ้งภรรยาท้องแก่ใกล้คลอดเอาไว้ในขณะที่ตัวเองวิ่งหนีไป

   และเหล่ารากษสก็ฆ่าหญิงผู้นั้น.....เขาเห็นทั้งหมด เพราะเขานั่งดูทุกอย่างอยู่บนกิ่งไม้สูง...มองเห็นทุกอย่าง..

   หากแต่ระหว่างที่ฉีกระชาก เหล่ารากษสที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้นกลับได้ยินเสียงหัวใจอีกดวง...

   ร่างเล็กๆที่นอนขดตัวนิ่งอยู่ในท้องนั้นยังมีชีวิต แม้จะเปื้อนไปด้วยสีแดงฉานของเลือดก็ตามที

   พริบตาที่สัมผัส..ก้อนเนื้อมีชีวิตที่เรียกกันว่าทารกก็ขยับตัวเบียดเข้ามาเหมือนจะหาไออุ่นจากมารดา โดยหารู้ไม่ว่าผู้ที่ตนรอคอยนั้นไม่มีอีกต่อไปแล้ว....

   เขาเอง...ที่กระโดดลงมาแล้วดึงร่างนั้นขึ้นจากซากศพซึ่งเบิกตาโพลง...เด็กตัวเล็กไม่ร้องไห้โยเย ทำเพียงแค่ครางด้วยความหนาวเพียงเท่านั้น..

   ตัวเล็กๆ.....ที่รู้สึกว่าถ้าบีบแรงเกินไปก็อาจตายได้อย่างง่ายดายนั้นทำให้เขาไม่ยินยอมที่จะส่งให้กับเหล่ารากษส..เช่นเดียวกับรุกขัฏฐะเทวดาส่วนหนึ่งซึ่งไม่อาจเมินเฉยไปได้

   “เด็กผู้นี้ไม่มีความผิด ไม่มีความทรงจำใดๆในวันนี้..เราสามารถมอบชีวิตใหม่ให้เขาได้”

   รุกขเทวีประจำต้นลีลาวดีกล่าวเช่นนั้น เธอกอดร่างที่เขาส่งให้ไปอย่างทนุถนอม สัญชาติญาณความเป็นแม่ล้วนอยู่ในสายเลือดของผู้หญิงทุกคนไม้เว้นกระทั้งผีสางนางไม้ หรือเทวดาอย่างพวกเขา...และเขารู้ดีว่ากระมอบให้นางอาจเป็นเรื่องที่ดีกว่า

   “แต่พวกข้าต้องทำตามคำสั่งของท่านท้าวจตุมหาราชอย่างเคร่งครัด” กุมภัณฑเทวดานามวิชชะเอ่ยเช่นนั้น มันเป็นความลำบากใจที่หาไม่ได้จากทั้งสองฝ่าย หนึ่งนั้นเพราะไม่อยากให้กิดความบาดหมางแก่กัน และสองนั้นคือพวกตนทำไปตามหน้าที่

   แต่สุดท้ายแล้วก็จบลงโดยการเดินทางไปหาท้าวจตุมหาราชด้วยกันทั้งหมด..

   แต่เพราะท้าวจตุมหาราชนั้นนานๆครั้งจึงจะมาอยู่พร้อมกันบ้าง ซึ่งก็ต้องรอไปอีกซักพัก พวกเขาจึงตกลงใจกันว่าจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ไปก่อน....ซึ่งเด็กคนนี้ได้อยู่ในความดุแลของเหล่ารุกขเทวดาอย่างตัวเขาเอง...


   ...ผ่านไปได้สองเดือน...สองเดือนที่จะตัดสินว่าเด็กคนนึ้จะตายหรือไม่...

   เขากับท่านวิชชะเดินทางไปด้วยกันในที่ประชุม ความเคร่งเครียดและกดดันจนคิดว่าเด็กคนนี้ต้องตายแน่ๆนั้นกลับถูกทำลายด้วยเสียงหัวเราะ...

   เสียงหัวเราะซื่อใสกังวานก้องยามทารกตัวน้อยกอดรัดเล่นกับพังพอนของท่านท้าววิรุฬหก... ดวงตาสีน้ำตาลแดงนั้นจ้องมองทุกอย่างที่สะท้อนเข้ามาในแก้วตาใส ร่างที่ยังเดินไม่คล่องพยายามลุก แต่พอลุกขึ้นได้ไม่นานก็ล้ม แล้วก็ลุกขึ้นมาใหม่ เดินเตาะแตะไปหาท้าวจตุมหาราชแล้วนั่งแปะลงกับพื้น...ช่างดูอาจหารแต่เยาว์วัย

   “ยังไม่มีชื่องั้นรึ..”

   “ยังขอรับ”

   ศศิกับวิชชะมองหน้ากันกับคำถามนั้น ไม่นานนักเด็กคนนั้นก็ถูกอุ้มขึ้นด้วยมือของตัวท้าววิรุฬหกเอง..

   “จงดูแลให้ดีแล้วกัน ให้เด็กคนนี้ทำหน้าที่เดียวกับเจ้านะวิชชะ”

   “ขอรับท่าน..”

   ทำหน้าที่เดียวกับกุมภัณฑเทวดา... ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าทำอะไร...


   “วิชชะ.. ศศิ.. พวกเจ้าสองคนจงเลี้ยงดูเด็กผู้นี้ให้ดี สั่งสอนเรื่องต่างๆอย่าให้ขาด เข้าใจไหม”

   “ขอรับ”


   เขารับเด็กมนุษย์คืนกลับมา จ้องมองดวงตาที่จ้องตอบ เหมือนจะไม่รู้ว่าอนาคตได้ถูกวางไว้ให้แล้ว..

   มือเล็กๆเอื้อมขึ้นปัดไปมา พยายามคว้าเส้นผมของเขาเล่น

   เด็กน้อยร้องอ้อแอ้ฟังไม่ได้ศัพท์ แต่ดูแล้วสบายใจจนเผลอยิ้มออกมา...


   ..บางทีเขาอาจจะเข้าใจความรู้สึกของมนุษย์ยามได้จ้องมองสิ่งมีชีวิตตัวน้อยนี้แล้วก็เป็นได้...






   ฟี้....

   ศศิรู้สึกตัวอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงหายใจเบาๆ.. เด็กมนุษย์ในอ้อมแขนเผลอหลับไปแล้ว.. เขาประคองเปลี่ยนให้เด็กน้อยมานอนหนุนตักของเขาแทน..

   ร่างเล็กๆขดตัวเมื่อรู้สึกหนาว ซึ่งเขาก็ร่ายมนตร์เล็กน้อยให้บรรยากาศรอบตัวเด็กคนนี้อุ่นขึ้นมาอีกซักนิด

   ศศิชอบเด็กคนนี้ ชอบดวงตาสีน้ำตาลแดงที่มักมองสิ่งต่างๆอย่างมั่นคงไม่หวั่นไหว

   ยิ่งพอเด็กคนนี้โต เขาก็ยิ่งมีความสุข...มีความสุขที่ได้เห็นความเปลี่ยนปลงเล็กน้อยที่เกิดขึ้นอย่างช้าๆ...


   บางทีความรู้สึกของคนเป็นพ่อ...ก็คงเป็นเช่นนี้กระมั๊ง...






[TBC.]


เหมือนตอนนี้มีแต่ศศิกับไกร... ,,-- --,,…

ไกรรในตอนนี้อายุประมาณ 12 – 13 และยังไม่มีชื่อเรียกนะครับ คนในป่าจะเรียกว่า “เด็กมนุษย์” แต่ไกรก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่หรอก

ในความรู้สึกแล้ว วิชชะกับศศิอาจเป็นผู้ดูแล แต่ในความรู้สึกของศศิแล้ว เขารู้สึกเป็นพ่อของไกรทีเดียว (ฮา)... ศศิไว้ผมยาวนะครับ..เริ่มไว้ตั้งแต่ตอนเลี้ยงไกรมานั่นแหละ เหมือนจะได้เป็นเครื่องย้ำเตือนด้วยแหละ (ฮา)

ส่วนวิชชะจะคล้ายๆอาจารย ไม่ก็คุณลุงมากกว่า มองดู สั่งสอน ตักเตือน...แต่บางครั้งก็มีดุด่ากันบ้างเหมือนกัน

ความจริงตอนนี้อยากให้ท้าวจตุมหาราชออกให้หมดเลย แต่กำลงรวบรวมข้อมูลอยู่ เพราะงั้นจงรอไปซะ.....


ปล.

จาตุมหาราชิกา เป็นชื่อสวรรค์ชั้นที่ 1 ในฉกามาพจรสวรรค์ 6 ชั้น เรียกสั้น ๆ ว่า ชั้นจาตุม
เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกามีอายุ 500 ปีทิพย์ (30 วันเป็น 1 เดือน 12 เดือนเป็น 1 ปี) โดย 1 วันและ 1 คืนของสวรรค์ชั้นนี้ เท่ากับ 50 ปีของโลกมนุษย์....
....แล้วตอนนี้ไกรอายุเท่าไหร่....?....


อ่านสนุกดีจังค่ะ

รอดูว่าไกรจะเป็นยังไงต่อไป
#6By -sparrow- on 2010-09-10 06:17
ไกร... น่าสงสาร TT v TT

-/กอดไกร

-//โดนโม่วแอคแท็ค

เค้าชอบสำนวนเธอว์จริงๆนะ อ่านลื่นเพลินๆดีอ่า


จะรอช่วงต่อนะจ๊ะ ,,= v =,,
#5By T-Han on 2010-09-03 23:11
จริงๆนะ...ไกรตอนเด็กๆน่ารักมากเลยล่ะ!!

และชอบศศิชะแม้ดเลยจ้ะ!!!!!(คุณพระเอ๊ย)

ปักหลักรอตอนต่อไปเน่อ!
#4By Judus_Shan on 2010-09-03 23:03
โอววว เนื้อหาอัดแน่นมั่กส์
;w; ! เห็นวันเดือนปีของเทวดาแล้วบั่บ ...จะชรากันไปไหนคร้าบบบ
(ฮา)
ไกรตอนเด็กๆน่ารักมากเลยล่า .... แต่...ทำไมถึงกลายมาเป็นดราม่าเลือดสาดได้ล่า ... *มวอง*
รออ่าน TBC ต่อนะจ๊ะ cry
#3By babuababo on 2010-09-03 22:56
ถ้าจะเอาอายุจริงๆก็ต้องคุณสามร้อยหกสิบห้าละคูณห้าสิบเข้าไปอีกสินะ /เครียดส์

ทำอย่างไรมันจึงโตขึ้นมาซาดิสต์ได้ ต้องติดตามชมกันต่อไป...อัย...อัย...อัย....
#2By D.C.เก้าแต้ม on 2010-09-03 18:58
บอกได้คำเดียว...

หนูจะเอานุ้งไกรตอนเด็กๆกลับบ้าน!! 

กร๊าซซซซ น่าย้ากกกกก /โดนโม่วตบ
ชอบท่านศศิมากๆเลย รู้สึกถึงความผูกพันระหว่างท่านกับไกรมากๆ ชอบๆ

มาต่อไวๆนะโม่ววว
ปล ท่านท้าวเท่มาก!!
#1By soda* on 2010-09-03 16:46




No comments:

Post a Comment