[fic] 0 : the strom : พายุ
posted on 06 Apr 2011 00:48 by darkodin in Fiction
คำเตือน : บลอคนี้เปิดเพลงตลอดเวลา
หากต้องการปิด กรุณากดที่ปุ่มทางซ้ายมือ
[0 : The Strom : พายุ]
เสียงสายฝนยังสาดเทลงมาอย่างต่อเนื่องและไม่มีวี่แววว่าจะหยุดลงง่ายๆ และนั่นทำให้การเดินทางของพวกเราจำเป็นต้องหยุดชะงักลงที่ร้านอาหารริมทางฟอร์เอฟเวอร์ พวกเราจ้องมองพายุฝนที่แรงจนทำให้ต้นสนสูงใหญ่ส่ายเอนไปมาอย่างน่ากลัวไม่ต่างจากสายลมยามพัดผ่านต้นข้าวบาร์เล่อยู่เงียบๆ คิดแล้วก็อดใจหายไม่ได้ หากไม่เป็นเพราะน้องสาวของพวกเรา..คริสติน่า มาโนลิก้า ขอแวะหาของกินรองท้องที่ร้านอาหารแห่งนี้ พวกเราอาจจะต้องติดแหง็กอยู่ในรถตรงข้างทางจนกว่าพายุบ้าๆนี่จะหยุดแน่นอน
ผมได้ยินเสียงพี่ชายคนรองสบถออกมาเบาๆเมื่อฝนที่ตกหนักราวกับฟ้ารั่วทำให้มองไม่เห็นรถสปอร์ตคันงามที่เพิ่งซื้อมาเมื่อเดือนก่อน แต่ก็นั่นแหละ อีธาน มาโนลิก้า.. ชายหนุ่มที่หวงรถมากเป็นพิเศษ และอาจจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟทีเดียวหากเห็นว่ารถของตนมีรอยขีดแม้เพียงเสี้ยวเดียวจากพายุลูกยักษ์ ตรงข้ามกับฝาแฝดของตัวเอง เอเธน มาโนลิก้า ที่เดินไปรอบๆร้านด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาคุยกับคนโน้นที คนนี้ทีจนไปหยุดนั่งอยู่ตรงเคาท์เตอร์กับพนักงานคนหนึ่ง และท่าทางจะคุยกันถูกคอ
แม้เอเธนจะมีอารมณ์ขันกว่าอีธานที่ค่อนข้างจะจริงจังกว่ามาก แต่ผมก็รู้ดีว่าสองฝาแฝดคู่นี้เป็นกังวลเรื่องรถที่พวกเขาหารเงินกันซื้อใจแทบขาด เพียงแค่เอเธนดูจะพยายามหาอย่างอื่นทำให้ลืมความกังวลในเรื่องนี้ ต่างจากอีธานที่กำลังคิดถึงมันซ้ำไปซ้ำมา
“นี่น้องๆของฉัน อีธานเป็นฝาแฝดชอบคิดมาก ส่วนนั้นแมทริคหรือแมทตี้ กับคริสติน่าผู้น่ารักของพวกเรา” เสียงของเอเธนยามแนะนำพวกเราแต่ละคนค่อนข้างไปทางเชิงขบขัน
เอเธนยิ้มเสมอ และมันทำให้เขาดูมีเสน่ห์มากกว่าฝาแฝดตัวเองที่เอาแต่ขมวดคิ้วประหนึ่งว่าโลกนี้มันมีแต่เรื่องชวนปวดหัวให้ขบคิดอยู่เรื่อยๆ อีธานมักจะทำตัวเคร่งขรึมตลอดเวลา แม้ว่าเอเธนจะชอบพูดบ่อยๆว่าอีธานนั้นมีรอยยิ้มที่มีเสน่ห์มากกว่าเขาเสียอีกเพราะอีธานนั้นมีทั้งเขี้ยวเสน่ห์และลักยิ้ม และมันดูดีจนน่ากลัวทีเดียว..เอเธนชอบพูดแบบนั้น
แต่จนถึงตอนนี้รอยยิ้มของอีธานก็ดูจะเป็นสิ่งที่หาได้ยากจนพวกเราคิดว่าคงมีแค่เอเธนเท่านั้นที่ได้มองจนเบื่อ แต่เพราะแบบนั้นมันเลยค่อนข้างง่ายในการจำแนกว่าใครเป็นใครในสองคนนี้ ระหว่างคนที่ยิ้มตลอดเวลา กับหน้าบึ้งและดูเป็นผู้ใหญ่กว่า..
และตอนนี้สายตาของผมก็เริ่มเบนไปให้ความสนใจกับชายที่เอเธนพามา และเริ่มกวาดมองสำรวจเขาไปทั่วด้วยความใคร่รู้ เขามีร่างกายที่สูงพอๆกับนักบาสคนหนึ่ง แต่มันไม่ได้ทำให้เขาดูผอมจนเกินไป กลับกัน เขานั้นมีร่างกายที่เปี่ยมไปด้วยกล้ามเนื้อที่แน่นตึงพอๆกับนักกีฬาคนหนึ่ง เขาแต่งกายด้วยชุดบริกรณ์ มีรอยยิ้มที่ดูเจ้าเล่ห์ แต่กระนั้นก็ดูจะสามารถดึงดูดทุกสายตาให้หันไปมอง และผมรู้สึกถึงแรงบีบเบาๆที่ข้อมือที่เรียกผมจากการสะกดของสายตานั้น คริสติน่าเหมือนจะถูกใจเขาเข้าเต็มเปา..
เอเธนแนะนำว่าชายคนนี้ชื่อวินเชสเตอร์ คาทาล็อค เขาบอกว่าคนๆนี้ทำงานที่นี่มาตั้งแต่ยังจำความได้ ผมจึงเหมารวมไปว่าเค้าอาจจะเป็นญาติ หรือลูกชายของเจ้าของร้าน หรือคนที่อาศัยอยู่แถวนี้มาทำงานพิเศษที่นี่ในช่วงวันหยุดก็อาจเป็นไปได้ทั้งนั้น
วินเชสเตอร์มองพวกเราพี่น้อง ไม่ได้ต่อว่าผมที่เอาแต่ไล่จ้องเขาตั้งแต่หัวจรดเท้าเลยซักนิด แต่เขากลับเหยียดยิ้มกว้างกว่าเก่าตอนกล่าวทักทายพวกเราด้วยรอยยิ้มที่ผมคิดว่ามันอาจทำให้คริสติน่าละลายลงไปกองกับพื้นได้ไวพอๆกับเนยที่ตั้งอยู่บนเตาบาบีคิวร้อนๆ
วินเชสเตอร์แนะนำตัวเอง ผงกศีรษะให้พวกเราแทนการจับมือทักทาย ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเอเธน.. ตรงข้ามกับผมพอดิบพอดี และพวกเราก็เริ่มเปิดวงสนทนากันเมื่อเขาให้ข้ออ้างว่าตอนนี้อยู่ในช่วงพักของเขา และลูกค้าในร้านตอนนี้ก็มีไม่มาก ถึงมีเพิ่มเข้ามาอีกแต่ที่นี่ก็ยังมีพนักงานคนอื่นอีกสองสามคน เพราะอย่างนั้นเขาเลยสามารถคุยได้อย่างเต็มที่
“แล้วคุณคาทาล็อคมาจากไหนคะ” คริสตี้..หรือคริสติน่าถมเสียงหวาน ผมแอบเห็นสองแฝดกระซิบกระซาบบางอย่าง และเอเธนก็หัวเราะคิกคักก่อนจะเงียบลงไปแล้วเบ้ปาก จ้องเขม็งไปทางน้องสาวคนเล็ก ซึ่งผมเดาว่าคริสตี้คงเตะขาของพี่ชายพวกเราแน่ๆที่บังอาจมาล้อเลียนเธอต่อหน้าหนุ่มหล่อที่เพิ่งทำความรู้จักกัน
“เรียกวินเชสเตอร์ หรือวินส์ก็ได้ฉันไม่ว่า เรียกคุณคาทาล็อคมันฟังดูเปิดทางการเกินไป และ...ค่อนข้างห่างเหิน” เขายิ้มแล้วเสยผมที่ปรกหน้าออกไป ผมคิดว่าคริสตี้อาจจะละลายไปแล้วกับท่วงท่าของเขา “ฉันเกิดที่บอยซีในรัฐไอดาโฮ แล้วย้ายตามพ่อมาอยู่ที่นี่ตอนอายุสิบสาม”
“เหรอคะ ส่วนพวกเรามาจากแมนฮัทตันคะ ตอนนี้กำลังจะไปเยี่ยมญาติที่ฮอสตัน เท็คซัส แล้วไปเที่ยวต่อที่แคลลิฟอเนีย” น้ำเสียงของเธออ่อนหวานจนผมต้องหันไปมอง
“คริสตี้.. อย่าพูดมาก” เป็นอีธานที่ปรามเธอให้เงียบลงก่อนที่เธอจะได้ร่ายยาว ผมถอนใจ รู้สึกขอบคุณอีธานจริงๆ แต่ดูเหมือนแขกของเราจะไม่ได้ถือสาอะไร หนำซ้ำเขายังหัวเราะอกมาเบาๆอีกด้วย
วินเชสเตอร์กับเอเธนมีเรื่องเล่ามากมายจนไม่รู้จะเล่าได้ยังไง เพื่อนใหม่ของพี่ชายที่มีมนุษย์สัมพันธ์ดีเลิศบอกว่าพ่อของเขาชอบที่จะท่องเที่ยวไปทั่ว และเขาก็เลือกที่จะตามพ่อไปโน่นนี่มากกว่าจะไปอยู่โรงเรียนประจำอย่างที่แม่ของเขาต้องการ มันทำให้เป็นเรื่องใหญ่โตมากในตอนนั้น และแม้ผมจะรู้สึกแปลกๆกับรอยยิ้มของเขาตอนมองพวกเรา แต่เห็นได้ชัดว่าน้องของผมจะหลงใหลเจ้าของดวงตาสีเขียวหัวเป็ดนั่นขนาดไหน เอเธนเองก็ดูจะชอบอกชอบใจเพื่อนใหม่คนนี้มากทีเดียว
แต่พอผมกวาดตามองไปทางพี่คนรอง..
อีธานกอดอกและจ้องอีกฝ่ายเขม็ง เขาดูไม่พอใจ.. อาจจะเพราะเอเธนไม่เคยให้ความสำคัญกับใครมากขนาดนี้ หรืออาจจะเพราะคริสติน่าดูจะเพ้อมากจนเห็นได้ชัด แต่ไม่ว่าจะเพราะเรื่องไหนก็ตาม ผมกับอีธานรู้สึกไม่ค่อยชอบผู้ชายคนนี้เอาเสียเลย
“พายุ.. ฉันเกลียดพายุ” อีธานงึมงำขึ้น เสียงของเขาดังพอจะทำให้การสนทนของสองหนุ่มฝั่งตรงข้ามผมหยุดชะงัก
“นั่นสิ มันน่าเบื่อจริงๆนั่นแหละ” เอเธนพยักหน้าเห็นด้วย เขาเท้าคางและเดาะลิ้นเป็นจังหวะ เมื่อถูกขัด สิ่งที่คิดจะคุยก็พลันสลายหายไปหมด เขามองสายฝนที่สาดเท และเริ่มเหม่อลอย
พอพวกเราได้พูดอะไร ผมจึงเริ่มตั้งสมาธิกับบทเพลงที่คลอเคลียไปกับเสียงสายฝน รู้สึกแปลกใจที่เสียงดนตรีในร้านเปลี่ยนจาก I Just Fall In Love Again ของ Anne Murray เป็น I Can’t Stop Loving you ของ Don Gibson ในปี 1958 ไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ทั้งที่เพลงนั้นเป็นเพลงโปรดของผมแท้ๆ แต่ท่ามกลางความเงียบของโต๊ะอาหาร อยู่ๆวินเชสเตอร์ก็ดีดนิ้วเป๊าะ เรียกความสนใจจากทุกๆคน
“พวกนายชอบฟังเรื่องเล่าไหมล่ะ” เขาถามพวกเรา “ฉันมีเรื่องเล่ามากมายเลยละ”
“เรื่องแบบไหนกันน่ะ” เอเธนเริ่มหันไปให้ความสนใจเช่นเดียวกับอีธาน “พวกสยองขวัญน่ะมีไหม”
“มีสิ เยอะแยะเลยล่ะ” วินเชสเตอร์เท้าคาง กวาดตามองพวกเราที่นั่งมองเขาด้วยความสนใจ เหมือนจะรู้ว่าพวกเราสี่พี่น้องชอบเรื่องราวที่บิดเบี้ยวและผิดเพี้ยน มันทำให้พวกเราหลงใหลและตื่นเต้นไปกันมัน แต่แล้วสายตาเขาก็หยุดที่คริสตี้.. น้องสาวของผมตาลุกวาวด้วยความสนใจ
“มันจะไม่ทำให้สาวน้อยคนนี้กลัวเหรอ” เขายิ้ม แกล้งถามทำไม ผมคิด เพราะแค่แววตาของคริสติน่าก็น่าจะเดาออกได้ง่ายๆแล้วไม่ใช่เหรอ
“ไม่หรอกคะ” เธอรีบพูดราวกับกลัวว่าใครจะมาแย่งคำพูดของเธอ “หนูชอบฟัง เนอะแมทตี้”
“อืม..” ผมตอบรับ อยากรู้ว่าเรื่องของเขาจะน่ากลัววักแค่ไหน แต่ไม่ได้แสดงความสนใจมากเท่าคริสตี้
“แล้วเรื่องที่นายจะเล่าเป็นยังไงละวินส์” เอเธนเองก็ดูจะสนใจไม่แพ้คริสติน่า เพียงแค่พี่ชายของพวกผมดูจะแสดงความกระตือรือร้นออกมาได้ชัดเจนกว่าน้องสาว
“นั่นสิ...” สายตาของเขากวาดมองไปรอบๆ “งั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับเครื่องดนตรีดีไหม”
“เครื่องดนตรีผีสิงเรอะ” อีธานกอดอก เขาดูจะไม่ชอบหน้าผู้ชายคนนี้จริงๆ
“เดี๋ยวก็รู้” วินเชสเตอร์ยิ้มเผล ผมเห็นประกายในดวงตาของเขาวาววูววาบ ทั้งเจิดจรัดและแวววาวแม้จะเพียงครู่เดียวก็ตาม “เรื่องมันมีอยู่ว่า...”
[TBC.]
---------------------------------------------------------------
เรื่องนี้ผมได้แรงบันดาลใจจากงานเขียนของ Chris Priestley นะครับ ตอนนี้เท่าที่เห็นเหมือนว่าในเมืองไทยจะมีผลงานของเขที่ออกแปลอยู่สองสามเล่มแล้วละครับ ได้แก่ “เรื่องเล่าสยองของเรือมรณะ” “เรื่องเล่าสยองของลุงมงตากิว” และ “เรื่องเล่าสยองจากปากอุโมงค์”
ส่วนในเนื้อเรื่องนั้นอาจจะมีคำผิดอะไรยังไงบ้าง ก็ช่วยติชมด้วยนะครับ ขอบคุณครับ
ชอบสำนวนที่ใช้อ่ะเฮีย..
มันอารมณ์หนงสือแปล/กอด
โดยรวมดีนะ..ชอบ
มันอารมณ์หนงสือแปล/กอด
โดยรวมดีนะ..ชอบ
เค้าชอบอีธาน.......
เค้าชอบหนุ่มมาดขรึมมมมมม หลงรักหนุ่มคิดมากอะพี่โม่ววววว /ฮา...

เค้าชอบหนุ่มมาดขรึมมมมมม หลงรักหนุ่มคิดมากอะพี่โม่ววววว /ฮา...
อ่าาา นี่ดีนี่นาโม่ววว มันดีนี่นา เดาไม่ถูกเลยแฮะว่าใครเป็นอะไรกันแน่ ,- -,
อ่านแล้วเห็นภาพชัดแจ๋วเลยนะ //ไปนั่งกระแซะอีธาน
จะทำเป็นเรื่องยาวขนาดไหนเนี่ย อยากอ่านตอนต่อแล้ว ทำเป็นเรื่องสั้นสักสามสี่ตอนก็ไม่เลวนา หรือบางทีมันอาจจะมากกว่านั้นแฮะ จากการจิ้นของพี่แล้ว (อันที่จริงก็คืออยากอ่านเอง orz)
รีบมาต่อนะ ได้แรงบันดาลใจแบบนี้มันต้องอยู่ในช่วงไฟแรงแน่ๆ รีบผลิตตอนต่ออกมาาาาา
อ่านแล้วเห็นภาพชัดแจ๋วเลยนะ //ไปนั่งกระแซะอีธาน
จะทำเป็นเรื่องยาวขนาดไหนเนี่ย อยากอ่านตอนต่อแล้ว ทำเป็นเรื่องสั้นสักสามสี่ตอนก็ไม่เลวนา หรือบางทีมันอาจจะมากกว่านั้นแฮะ จากการจิ้นของพี่แล้ว (อันที่จริงก็คืออยากอ่านเอง orz)
รีบมาต่อนะ ได้แรงบันดาลใจแบบนี้มันต้องอยู่ในช่วงไฟแรงแน่ๆ รีบผลิตตอนต่ออกมาาาาา


No comments:
Post a Comment